บทที่ 10 หัวแตกเลือดสาด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เหลียงเยว่หรูที่กำลังคุยได้ดีกับเย่เทียนพอได้ยินเสียง ก็หันหน้ามองไป เห็นผู้ชายรูปหล่อที่ใส่ชุดลำลองคนหนึ่งเดินมาช้าๆ

ผู้มาเยือนใบหน้าขาวผ่อง ในมือถือเบียร์ไว้ขวดหนึ่ง ตอนเดินเข้ามา บนตัวมีกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำหอมแบบเข้มข้น กลิ่นหึ่งมาก

เหลียงเยว่หรูขมวดคิ้ว ทนไม่ไหวต้องโบกมือแล้ว ไล่กลิ่นเหม็นหึ่งในอากาศไป

ชัดเจนมาก เธอรู้จักกับอีกฝ่าย บนใบหน้างดงามเผยสีหน้าหมดความอดทนนิดๆ

“ฉันอยู่ที่ไหนเกี่ยวอะไรกับนายซุนปินด้วย?”

“ไม่เกี่ยวกันจริงๆ ฉันแค่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียววิ่งมาสถานที่แบบนี้คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไร”

ซุนปินอึ้งทึ่ง ถูจมูกอธิบายแบบกระอักกระอ่วน สายตาย่อมตกอยู่บนตัวเย่เทียนที่อยู่ข้างเหลียงเยว่หรูเป็นธรรมดา

เขาได้ยินคนอื่นรายงานถึงรีบร้อนเข้ามา

เหลียงเยว่หรูมีสถานะอย่างไร ซุนปินรู้ชัดแจ้ง นั่นเป็นเจ้าหญิงในวงนี้ของพวกเขาเลยนะ!

ขอเพียงเป็นคนที่สามารถแฝงตัวมาในวงการนี้ของพวกเขาได้ ไม่มากก็น้อยล้วนมีความคิดต่อเหลียงเยว่หรู

เขาซุนปินก็คือหนึ่งในนั้น

ตอนนี้เห็นผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งใกล้ชิดนางฟ้าของตนเองขนาดนี้ ชั่วขณะนั้นระแวงขึ้นมาแล้ว

“เยว่หรู นี่ใครกัน? ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เคยเจอ?”

ยังไม่รอให้เย่เทียนเอ่ยปาก เหลียงเยว่หรูดวงตาประกายแวววาว กอดแขนเย่เทียนไว้โดยตรง

“เขาคือแฟนของฉัน! ไม่มีธุระอะไรนายก็รีบไปเถอะ! อย่ามารบกวนพวกฉันออกเดต!”

“แฟน?”

ซุนปินสีหน้าอึมครึม ปฏิกิริยาแรกก็คือเป็นไปไม่ได้!

ส่วนเหลียงเยว่หรูขยับไปข้างหูเย่เทียน ใช้เสียงที่มีแค่สองคนได้ยินอธิบาย “เย่เทียน เจ้าหมอนี่น่ารำคาญจะตายแล้ว ขอร้องนายช่วยฉันหน่อยนะ”

เสียงเล็กนุ่มนวล ลมหายใจหอมสดชื่น

เย่เทียนเพียงรู้สึกจักจี้ที่คออยู่บ้าง บวกกับเหลียงเยว่หรูกอดเข้ามา ทำให้แขนข้างหนึ่งของเขาแนบอยู่กลางส่วนอ่อนนุ่มโดยตรง รสชาติของมัน มหัศจรรย์จนพูดไม่ถูกเสียจริง

ฟังคำพูดเหลียงเยว่หรูอีก เย่เทียนหัวเราะเงียบๆ พยักหน้าเบาๆ

สาวงามมาขอร้องเองถึงที่แล้ว ย่อมต้องช่วยสักหน่อย

ส่วนซุนปินมองท่าทางใกล้ชิดปานนี้ของสองคน สีหน้าอึมครึมลงไปมากที่สุด พินิจพิเคราะห์เย่เทียนรอบหนึ่งอย่างละเอียด

ใส่ชุดลำลอง แต่งตัวถือว่าสะอาดดี แต่ในความคิดเขา กลับไม่มีอะไรแตกต่างกับสินค้าข้างถนน

ชั่วขณะนั้น ซุนปินยังคงหัวเราะ

“เยว่หรู เธออย่าหลอกฉันเลย แค่เด็กเหลือขอคนหนึ่งเอง จะเป็นแฟนเธอได้ยังไงกัน?”

หลังจากหยุดไป เขาพูดต่ออีก “เยว่หรู ไม่ใช่ฉันว่าเธอนะ ตอนนี้จิตใจคนในสังคมอันตรายมาก เธออย่าเอาแต่คบเพื่อนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ถ้าไม่อย่างนั้นเกิดปัญหาอะไรมาฉันจะอธิบายกับคุณอาเหลียงยังไงกันล่ะ?”

เย่เทียนที่ตั้งแต่ต้นจนจบกินดื่มดูละครอย่างสงบขมวดคิ้วขึ้นมา ในคำพูดซุนปินที่ตีวัวกระทบคราดเขาจะฟังไม่ออกได้อย่างไรล่ะ?

เดิมทีเขาไม่อยากถือสาหาความมากนัก จึงถือโอกาสเมินเฉยเจ้าหมอนี่ไป

แต่ซุนปินเสนอหน้าเข้ามาเองอย่างน่ารำคาญขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ต่อยสักยกคงผิดต่อคนอื่นเขามาก!

“ซุนปิน! หุบปากเน่าของนายซะ!”

แต่น่าเสียดาย เย่เทียนยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เหลียงเยว่หรูก็พูดอย่างโกรธเดือดดาล “เย่เทียนเป็นคนยังไง ฉันรู้ดีที่สุด ดีกว่านายพันหลายเท่า! นายรีบไปเลย ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!”

ซุนปินเห็นเหตุการณ์ มองเหลียงเยว่หรูด้วยท่าหน้าไม่อยากเชื่อ ในใจพรั่งพรูความคับข้องใจที่พูดยากขึ้นมา

คนเหลือขอนี้ ยังดีกว่าเขาได้พันล้านเท่า? หรือว่าตนเองแย่ขนาดนี้จริง? แม้แต่เจ้ายาจกยังเทียบไม่ได้?

ซุนปินยิ่งคิดยิ่งโกรธ แต่ยังรักษาสติสัมปชัญญะพอสมควร พุ่งเป้าโจมตีไปที่เย่เทียนโดยตรง

“นายชื่อเย่เทียนงั้นเหรอ? อยู่ที่ไหน? ฉันอยู่เจียงหนันถือว่ากว้างขวางมาก แต่ว่านายดูไม่คุ้นมากเลย? ที่บ้านทำอะไร?”

เวลานี้ เย่เทียนเอ่ยปากแล้ว “ผมแค่คนเร่ร่อนคนหนึ่ง คุณชายปินไม่รู้จักผมย่อมเป็นปกติมาก”

คนเร่ร่อน?

พอซุนปินได้ยิน อารมณ์บนหน้าเปลี่ยนไปยอดเยี่ยมขึ้นมาทันที มองเขาถูกเหลียงเยว่หรูโอบไว้ ทันใดนั้นพูดเยาะเย้ยถากถาง “โอ๊ะ รู้สึกว่ายังเป็นเด็กเลี้ยงด้วยนี่! ดูไม่ออกเลย คืนหนึ่งราคาเท่าไรนะ? นายคงไม่ใช่เด็กนั่งโต๊ะมาใหม่ของผับนี้หรอกมั้ง?”

ขณะพูดอยู่ เขาหัวเราะฮาๆ ไม่หยุด ถ้าเมื่อสักครู่เป็นการตีวัวกระทบคราด ตอนนี้ก็คือพูดว่าเย่เทียนเป็นผู้ชายขายบริการอย่างโจ่งแจ้ง!

หลังจากพูดคำนี้ออกมา เหลียงเยว่หรูยิ่งโมโห อดลุกยืนขึ้นมาไม่ได้ โมโหจนดวงตาแดงก่ำแล้ว

“ซุนปิน นายไม่จบใช่ไหม! นายรีบไปเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะให้พี่ซูเข้ามาไล่นาย!”

“คนที่ต้องไปไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเขาสิถึงจะถูก!”

ซุนปินชี้ที่เย่เทียน ปฏิบัติต่อเย่เทียนแบบเป็นคนไม่สำคัญถึงที่สุด ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งพูดว่า “ไอ้หนุ่ม นายไม่คู่ควรกับเยว่หรู ไปเถอะ อย่ามาขวางตาแถวนี้”

เย่เทียนสนุกแล้ว พลันถามว่า “นายมีสิทธิ์อะไรไล่ฉันไป?”

“ไม่มีสิทธิ์อะไร ก็แค่เห็นนายแล้วไม่พอใจเท่านั้นเอง” ซุนปินเยาะเย้ย

มุมปากเย่เทียนวาดรอยยิ้มขึ้น มองเขาด้วยความสนใจ “นายเห็นฉันไม่พอใจ ยังอยากไล่ฉันมันเหตุผลอะไร? ในโลกนี้ยังมีกฎแบบนี้ด้วย?”

ซุนปินชายตามองเขาอย่างเหยียดหยาม ดื่มเหล้าไปอึกหนึ่งแบบสบายๆ “ถูกต้อง ที่แห่งนี้ คำพูดของฉันก็คือกฎ สรุปนายไปไม่ไป?”

เดิมทีเย่เทียนไม่ได้ขยับ กอดหน้าอกเอาไว้ นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบ

“ถ้าฉันไม่ไปล่ะ?”

“ไม่ไป?”

ในดวงตาซุนปินมีแววเดือดดาลแฉลบผ่าน “ไอ้หนุ่ม แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? พ่อฉันเป็นประธานของบริษัทก่อสร้างเทียนเฉิน มีความสัมพันธ์สาบานเป็นพี่น้องกับลูกพี่แก๊งไผ่เขียวอิทธิพลใต้ดินของเจียงหนัน!”

“ถ้าแกผิดใจฉันล่ะก็ ฉันทำให้แกอยู่ที่เจียงหนันไม่รอดได้!”

“เก่งกาจขนาดนี้? ฉันกลัวอยู่หน่อยๆ ซะแล้วสิ!”

ดวงตาเย่เทียนหรี่เป็นเส้น เดิมทีวันนี้เขาไม่ใช่จะอารมณ์ดีมากนัก เจ้าหมอนี่ยังมากวนใจไม่เลิก เห็นเขาเป็นคนอ่อนแอจนใครมารังแกก็ได้จริงๆ เหรอ?

ซุนปินได้ใจหัวเราะเสียงดัง คิดเองว่าหลังจากบอกสถานะออกไปแล้ว เจ้าหนุ่มนี้ต้องหวาดกลัวแน่

จึงไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย พูดจานิ่งเฉย “รู้จักกลัวแล้วงั้นเหรอ? ฮ่าๆ เห็นแกสภาพโง่เง่านี้ เดาว่าแกคงไม่กล้าไม่เชื่อฟังฉัน รีบไสหัวไปเถอะ ต่อไปเจียมเนื้อเจียมตัวบ้าง ไม่ใช่ใครที่แกจะยั่วโมโหได้หมด!”

หลังจากเขาพูดจบลง เย่เทียนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เหมือนคิดจะออกไปจากที่นี่จริงๆ

เหลียงเยว่หรูสังเกตถึงการกระทำของเขา ในดวงตาประกายความผิดหวังนิดๆ หรือว่าเย่เทียนก็กลัวซุนปินคนนี้?

ซุนปินเห็นเข้า หัวเราะได้ใจเพิ่มขึ้น

อดไม่ไหวใช้หางตากวาดตามมองเหลียงเยว่หรู ความหมายนั้นคือกำลังบอกว่า ดูสิ เจ้าหมอนี่เป็นพวกขี้ขลาดคนหนึ่ง! มีเพียงผู้ชายแบบฉันนี้ ถึงคู่ควรกับสถานะของเธอ!

ส่วนในตอนนี้ ทันใดนั้นเย่เทียนยกขวดเหล้าเปล่าขึ้น เล็งไปที่ศีรษะของซุนปิน ฟาดลงไปอย่างแรงแล้ว

ปัง!

ขวดเหล้าแตกละเอียด เศษแก้วแตกกระจาย ศีรษะซุนปินแตกออกในที่เกิดเหตุ!

“อ่า……หัวฉัน……”

ซุนปินอุดศีรษะที่เลือดไหลไม่หยุดเอียงล้มลงบนพื้น ร้องเจ็บปวดติดกัน

บนหน้าเย่เทียนมีรอยยิ้มที่ไม่มีพิษภัย เดินมาตรงหน้าซุนปิน จ้องมองเขาจากบนลงล่าง ราวกับมองดูคนชั้นต่ำ

“ตอนนี้ ฉันไม่เพียงผิดใจแก ยังทำหัวแกแตกเลือดสาดอีกด้วย แกจะทำอะไรฉันได้?”