62 สุนัขไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยกินได้

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 62: สุนัขไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยกินได้

 

อยากจะเห็นจริงๆว่าจะไล่ฉันออกไปยังไง

 

เจียงเฉินยิ้มอย่างเย็นชาและเตรียมที่จะเอาบัตรตํารวจออกมา

 

ทันใดนั้นเว่ยหยงเซียงและจางเทียนเหิงก็เดินลงบันไดมาพร้อมกัน และเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ เว่ยหยงเซียงก็ตัวสั่นและตกใจ

 

นั่นไม่ใช่ประธานเจียงใช่ไหม?

 

คนที่ไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งจะสร้างลมสร้างฝนไว้ที่โรงพยาบาลหมิงเต่อ!

 

เว่ยหยงเซียงก้าวออกไปข้างหน้าและหยุดพวกรปภ.เอาไว้ทันทีก่อนจะผู้จัดการของตัวเอง “เกิดอะไรขึ้น”

 

“โอ้! ขอโทษด้วยครับเจ้านายที่ทําให้เสียอารมณ์ตอนทานอาหารไป”

 

ผู้จัดการร้านอ้วนพูดด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ “เจ้านาย คุณจาง มันเป็นแบบนี้ คนคู่นี้กําลังจะสร้างปัญหาในร้านอาหารและผมกําลังจะไล่พวกเขาออกไป”

 

ลูกค้าในร้านอาหารส่ายหัวและถอนหายใจ

 

“โอ้ แย่แล้ว หัวหน้าใหญ่สองคนมาถึงที่นี่แล้ว!”

 

“ผู้อํานวยการสํานักงานกฏหมายเทียนกวน ก็เป็นเพื่อนกับเจ้านายด้วย”

 

“แขนพวกเราเกาะต้นขาเขาไว้ไม่ไหวแน่นอน”

 

แขกในร้านต่างพูดคุยกัน รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้จัดการก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยความมั่นใจในตัวเอง

 

วันนี้เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเขานั้นเหมาะสมจะเป็นผู้จัดการร้านที่สุด!

 

เขาชี้ไปที่เจียงเฉินและหลันหน่วนเยี่ยนและพูดว่า “พวกคุณสองคนรีบออกไปจากที่นี่ซะ นี่คือผู้อํานวยการจางเทียนเพิ่งถ้าทําให้เขาขุ่นเคืองระวังโดนฟ้องล้มละลายไม่รู้ตัวด้วย!”

 

จางเทียนเพิ่งมองหน้าผู้จัดการร้านอย่างเฉยเมยและกําลังจะเดินออกไปข้างหน้าเพื่อจับมือกับเจียงเฉิน

 

แต่เว่ยหย่งเซียงนั้นโมโหขึ้นมาทันที เขาชี้ไปที่หน้าผู้จัดการร้านก่อนจะด่าออกมา

 

“หุปปากเดี๋ยวนี้”

 

จากนั้นเขาก็รีบเดินไปข้างหน้าเพื่อจับมือเจียงเฉิง “คุณ เจียงมันเกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”

 

คุณเจียง?

 

ทันใดนั้นทุกคนก็ตกใจ เจ้าของร้านอาหารเรียกหนุ่มหล่อว่าคุณเจียงได้ยังไงกัน?

 

สมองเขาไม่ได้กระทบกระเทือนใช่ไหม?

 

เป็นไปได้ไหมที่เขายังมีสถานะบางอย่าง? !

 

จางเทียนเหิงก็ตกใจเช่นกัน

 

เขาประเมิณเจียงเฉินต่ำไปจริงๆ สถานะและภูมิหลังของเจียงเฉินก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าถึงได้ง่ายๆ!

 

จางเทียนเหิงมองไปที่ผู้จัดการร้านอย่างเย็นชา “แกพูดอะไรของแก! สํานักงานกฏหมายเทียนกวนของฉัน มีอํานาจอย่างที่นายพูดงั้นหรอ! สํานักงานกฏหมายของฉันมี ไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้ได้รับความยุติธรรม!” 

 

จากนั้นเขาก็ก้าวไปสองสามก้าวและเดินไปอยู่ข้างเจียง เฉิน

 

เว่ยหย่งเซียงก็ตกตะลึงเช่นกัน “พี่เทียนเหิง พี่รู้จักเขาด้วยหรอ”

 

จางเทียนเพิ่งยิ้มออกมา “แน่นอนว่าต้องรู้จัก เขาก็คือผู้ถือหุ้นอันดับสองของบริษัทกฎหมายเทียนกวนที่เพิ่งจะพูดถึงไปยังไงล่ะ”

 

โอ้พระเข้า!

 

เว่ยหย่งเซียงตกตําลึง

 

ผู้จัดการร้านก็เช่นกัน

 

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!

ลองนึกภาพตําแหน่งที่น่าสะพรึงกลัวของเขาดูสิ?

 

หัวใจของผู้จัดการร้านหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาเพิ่งบอกว่าสํานักงานกฎหมายเทียนกวนจะฟ้องล้มละลายเขา แล้วตอนนี้ล่ะ?

 

เขาเป็นถึงผู้ถือหุ้นอันดับสองของบริษัทกฎหมายเทียนกวน เขาที่พูดออกไปแบบนั้นไม่นับว่าพูดขายจําหรอ?

 

ในเวลานี้เจียงเฉินได้เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาไม่สั้นไม่ยาว และบอกเว่ยหยงเซียงและจางเถียนเหิงเรื่องที่ผู้จัดการทํายัง ไงกับพี่สาวที่ตาบอดโดยตรง

 

เจียงเฉินยิ้มและพูดต่อ “หน่วนเยี่ยนก็ออกมาเพื่อเจรจาให้และแจ้งให้พวกเขาทราบถึงข้อกฎหมายในการอนุญาติให้สุนัขนําทางสามารถเข้ามาในที่สาธารณะได้ แต่คนพวกนี้ก็ยังปฏิเสธและยังจะขับไล่พวกเราออกไป”

 

จางเทียนเพิ่งพยักหน้าเห็นด้วยและพูดออกมา “ใช่มันมีข้อกฎหมายนี้อยู่คุณทําถูกแล้ว”

 

ผู้จัดการร้านรู้สึกละอายใจแล้ว และก็ยังเหงื่อเย็นๆอยู่บนหัว

เว่ยหยงเซียงโกรธจัดและชี้ไปที่ผู้จัดการร้านอ้วนและพนักงานเสิร์ฟ ” พวกแกออกไปเดี๋ยวนี้เลย และตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลับมาอีก!”

 

ผู้จัดการร้านอ้วนร้องไห้ขอร้อง

 

“คุณเจียง หัวหน้า ผมทําผิดไปแล้วผมไม่ดีเองไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของเขาไท่ซาน ให้โอกาสผมเถอะนะครับขอเพียงแค่ครั้งเดียว โอกาสเดียวเท่านั้น!”

 

“คุณเจียง ได้โปรดเถอะมันไม่ง่ายเลยกว่าผมจะมาถึงจุดนี้”

 

เจียงเฉินกล่าวเบาๆ “ไปขอโทษแฟนของฉัน”

 

ได้ยินคําพูด

 

ผู้จัดการร่างอ้วนก็ดูไม่ค่อยจะพอใจแต่ก็ยังไปขอโทษหลันหน่วนเยี่ยนอย่างไม่เต็มใจ

 

หลันหน่วนเยี่ยนเธอนั้นเป็นคนที่ใจดีและเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้มีความอดทนอะไรมาก เธอจึงพูดออกมาเบาๆ

 

“ลุกขึ้น ฉันยกโทษให้นาย”

 

ชายร่างอ้วนและบริกรมองหน้ากันและแอบดีใจดูเหมือนว่าภัยพิบัติจะผ่านพ้นไปแล้ว

 

แต่ใครจะรู้

 

เจียงเฉินพูดออกมาเบาๆอีกครั้ง “ไปขอโทษพี่สาวคนนั้นด้วย”

 

ทันใดนั้นใบหน้าของผู้จัดการร่างอ้วนก็แข็งค้างและเขาก็โพล่งออกมา!

 

“ใครมันจะอยากไปขอโทษคนตาบอดกัน!”

 

แต่เมื่อเขารู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปแล้ว

 

“เจ้านาย คุณเจียง ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่พูดผิดไปหัวหน้า ผมขอโทษครับ !”

 

เว่นหยงเซียงส่ายหัว “ทําผิดบ่อยครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ มันคงเป็นเรื่องจริงที่สุด สุนัขไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยกินอึได้ ดังนั้นพวกแกเอาตัวมันทั้งคู่ออกไปเดี๋ยวนี้!”

 

รูปภ.ทั้งสี่เดินเข้ามาจับตัวผู้จัดการและพนักงาน เสิรฟ์ก่อนจะพาตัวออกไปทันที

 

ผู้จัดการร้านอ้วนและพนักงานเสิร์ฟหมดหวัง!

 

ปวดใจ! อยากจะร้องไห้!

 

พนักงานเสิรฟ์คนนี้เป็นหลานชายของเขา ตามแผนเขาควรจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าพนักงานเสิรฟ์แต่ตอนนี้

 

เหลือแต่เพียงน้ำตา

 

ทําไมฉันควบคุมปากเหม็นๆนี่ไม่ได้!

 

ทันใดนั้นลูกค้าในร้านอาหารก็พูดถึงเรื่องนี้กัน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! มีความสุขจริงๆ! ตอนนั้นพูดว่าจะไล่คุณเจียงออกไป แต่ตอนนี้เขาโดนไล่ออกแทน!”

 

” น่าหัวเราะจังเลย”

 

“หน้าบานขนาดนี้ เขินอายจังเลย”

 

“ล้อเล่นนะ ฉันอยากเตะนายสองคนออกไป!”

 

“จะให้ผู้อํานวยการฟ้องล้มละลายผู้ถือหุ้นของตัวเอง ตลกเกินไปแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“หัวเราะแทบตาย ผู้จัดการร้านนี้ช่างแย่จริงๆ”

 

เมื่อเห็นใบหน้าของเจียงเฉินดูดีขึ้นเล็กน้อยเว่ยหยงเซียงก็โล่งใจ แต่เรื่องนี้มันยังไม่จบเร็วขนาดนั้น

 

เว่ยหยงเซียงหยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วยื่นให้เจียงเฉิน “คุณเจียงในบัตรใบนี้มีเงินอยู่อย่างน้อยสามล้าน ผมต้องขอโทษด้วยเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมด หวังว่าคุณเจียงจะรับมัน

 

เจียงเฉินผลักกลับ: “ไม่ คุณไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้หรอก”

 

เว่ยหย่งเซียงยื่นมันอีกครั้ง “คุณเจียง ถ้าคุณไม่ยอมรับใจของผมก็คงกังวลอยู่ตลอดคุณยอมรับมันเถอะครับ ฉันรู้ว่า 3 ล้านหยวนนั้นไม่ค่ามากสําหรับคุณ”

 

ท้ายที่สุดแล้วจางเทียนเหิงก็อยู่ในที่ทํางาน และทักษะในการสังเกตคําและสีของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก ในเวลานี้การเป็นผู้สร้างสันติไม่เพียงแต่ทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองสั้นลงเท่านั้น แต่ยังเพิ่มมิตรภาพระหว่างพวกเขาด้วย

 

“คุณเจียง ยอมรับเถอะ หย่งเซียงอยากให้คุณเพื่อความสบายใจ ถือซะว่าเป็นค่าน้ำชา”

 

“ฮึก~~~”

 

ลูกค้าถอนหายใจเมื่อได้ยิน

 

ประณามมัน!

 

ชาแบบไหนกันกินที่ได้คุ้มเลยตั้ง 3 ล้าน!

 

กลัวว่าจะไม่ใช่ชาที่นางฟ้าส่งมาจากสวรรค์!

 

เจียงเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นคุณก็เอาไปบริจาคให้นักเรียน ยากจนบนเขาก็แล้วกัน ในอนาคตสังคมยังต้องการพวกเขาอยู่”

 

”ตกลง”

 

เว่ยหย่งเซียงและจางเทียนเพิ่งมองหน้ากันในดวงตาของพวกเขามีแต่ความชื่นชมที่มีต่อเจียงเฉิน

 

หลันหน่วนเยี่ยนหลับตาลง เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอนั้นจับตัวเจียงเฉินอยู่ตลอดเวลา

 

ดวงตาของเธออดไม่ได้ที่จะส่องประกายแสงออกมา และคิดกับตัวเองว่า “เจียงเฉินเขาเป็นคนดีจริงๆ”

 

“อีกอย่าง ไม่รู้ทําไมตอนที่เขาพยายามปกป้องฉันมันทําให้ฉันรู้สึกดีจริงๆ”

 

“มันต่างจากตอนที่พ่อปกป้องฉันตอนเด็กมากจริงๆ”

 

“และที่มากไปกว่านั้นคือเขายืนหยัดเพื่อพี่สาวที่ตาบอดคนนี้ด้วย”

 

“ถ้าวันนี้คนที่อยู่ตรงนี้เป็นพ่อหรือลุงเรียนเพิ่งพวกเขาคงจะไม่สนใจเรื่องนี้แน่ๆ”

 

“และเขายังใจดีบริจาคเงินให้กับเด็กๆบนเขาอีก”

 

ในฐานะทนายคนหนึ่งหลันหนวนเยี่ยนได้เห็นอะไรมามากมาย

 

เธอเจอคนมาหลายประเภทแล้ว

 

แต่คนแบบเจียงเฉินที่ไม่เพียงแค่หล่อทั้งยังน่าดึงดูดและไม่เอาแต่อ้างนุ่นนี้แถมยังเต็มไปด้วยความยุติธรรมและจิตใจที่มีเมตตา

 

กลัวว่าบนโลกนี้จะหาคนที่สองได้ยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก

 

เขา…น่าทึ่งจริงๆ

 

โดยที่หลันหนวนเยี่ยนจะก็ไม่ได้สังเกตแต่ดวงตาของเจียงเฉินดูอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

 

ในเวลานี้เอง พี่สาวคนตาบอดก็พาสุนัขนําทางอาหวงมาขอบคุณพวกเขา

 

พร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมา พี่สาวตาบอดยื่นมือออกมาจับมือของเจียงเฉินและของหลันหน่วนเยี่ยนและพูดออกมา “ขอบคุณทั้งคู่มากๆเลยนะ พวกคุณดีจริงๆฉันจะจดจพวกคุณทั้งคู่ตลอดไป

 

หลันหนวนเยี่ยนแก้มแดงก่อนจะกล่าวว่า “มันเป็นสิ่งที่หนูควรทําค่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ”

พี่สาวตาบอดดึงเชือก “อาหวงขอบคุณพี่ชายพี่สาวเร็ว”

 

อาหวงส่ายหางไปมาก่อนจะวิ่งเข้ามาทางเจียงเฉินแล หลันหน่วนเยี่ยน และแสดงความขอบคุณในแบบของมัน

 

หลันหน่วนเยี่ยนลูบหัวของอาหวงอย่างเบาๆ

 

“เก่งมากเลย-อาหวง นายเป็นตาของพี่สาวนะ เพราะฉะนั้นในอนาคตก็พยายามเข้าล่ะ ”