เทาเท่คิ้วขมวดเล็กน้อยช้อนตาขึ้นมองไปยังพนักงานแล้วถามว่า“ เธอบอกว่าเธอแพ้เนื้อวัวกับเนื้อแกะเหรอ?”
พนักงานพยักหน้าให้อย่างขึงขัง“ใช่ค่ะ”
เทาเท่ไม่ได้พูดอะไรอีก หลุบตาลงนิ้วมือที่เรียวยาวกดเล่นไฟแช็กที่อยู่ตรงหน้าไปมา แววตาที่ถูกอำพรางมองไม่เห็นถึงอารมณ์ของเขา
โซเมนให้พนักงานวางจานสเต๊กลงแล้วออกไปก่อน จากนั้นหยิบบุหรี่ขึ้นแล้วคาบไว้ที่มุมปากเอนไปหาเทาเท่เพื่อขอยืมไฟมาจุด และพูดแซวว่า“เท่ นี่นายแต่งงานกับเธอมาตั้งสามปี อย่าบอกนะว่านายไม่รู้เรื่องนี้ ?”
ใครอีกคนที่อยู่ข้างๆก็ต่อบทสนทนานั้นขึ้น“ เรื่องแพ้อาหารจะว่าเรื่องใหญ่มันก็ใหญ่ จะว่าเรื่องเล็กมันก็เล็ก หากอาการไม่ได้หนักมากก็อาจจะแค่มีผื่นแดง แต่ถ้าอาการหนักก็ช็อกถึงตายได้เหมือนกัน”
คำพูดของคนคนนั้นทำเอาเทาเท่แข็งทื่อไปเล็กน้อย โซเมนจ้องเขม็งมองไปที่ชายคนนั้นอย่างไม่สบอารมณ์
นี่จะพูดอะไรที่มันดีๆเป็นไหมเนี่ย ?
มาพูดเรื่องตงเรื่องตายอะไรกัน จงใจจะทำให้เทาเท่รู้สึกแย่ใช่ไหม ?
แต่เทาเท่ก็รู้สึกแย่ขึ้นมาจริงๆ วันนี้ทั้งวันเขารู้สึกแย่มากๆ
เขามองไปที่สเต๊กเนื้อจานนั้นและนึกถึงสามปีที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับหลินจือ ทุกครั้งที่เขากินข้าวที่บ้าน เกือบทุกมื้อบนโต๊ะอาหารจะมีเนื้อวัวหรือไม่ก็เนื้อแกะเป็นอาหารจานหลัก เหตุเพราะว่าเขาชอบกินมัน
แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลินจือแพ้สิ่งเหล่านี้ เธอไม่เคยพูด และเขา……ก็ไม่เคยได้สนใจ
เพราะโจมอนเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียง และละครที่เล่นคู่กับนานิก็กำลังออกอากาศอยู่ ดังนั้นเมื่อกินข้าวเสร็จหลินจือก็ให้ โจมอนกลับไปก่อน เธอก็อยู่ในห้องคนเดียวอีกสักพักแล้วจึงค่อยตามหลังไป ใครจะไปกล้าเดินเข้าออกกับไอดอลชื่อดังกัน มีรูปหลุดไปได้ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์แน่
ทันทีที่หลินจือเดินพ้นออกจากประตูของร้านอาหาร เงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับเทาเท่และโซเมนที่ยืนอยู่ข้างถนน ไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจมองไปที่พวกเขา แต่เพราะความสูงและออร่าหรือแม้แต่บุคลิกการขยับเคลื่อนไหวก็ดูจะสะดุดตามากจริงๆ
เทาเท่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำ ใบหน้าเย็นชาราบเรียบเข้าถึงยาก ราวกับเทพบุตรที่ยากจะเอื้อมมือถึง โซเมนใส่เสื้อเชิ้ตสีดำลายดอก เดินอีกเส้นทางของคุณชายที่สง่างามและรักอิสระ
เห็นชัดว่าทั้งสองกำลังรอให้คนขับรถของตัวเองมารับ และมือของคนทั้งสองก็คีบบุหรี่เอาไว้ พ่นควันสีขาวออกมาในขณะที่กำลังรอคนมารับ
หลินจือไม่ได้คิดอะไรละสายตาออกแล้วหันเดินไปอีกทาง พยายามหลีกเลี่ยงกับชายหนุ่มที่โดดเด่นทั้งสองคน
แต่หลินจือไม่คิดว่าโซเมนจะเป็นฝ่ายเอ่ยทักเธอขึ้นก่อน “สวัสดี หลินจือ”
ไม่มีทางเลือกหลินจือจำต้องหยุดเดินมุมปากยกหยักฝืนยิ้มให้โซเมน“สวัสดีค่ะประธานโซเมน”
อันที่จริงแล้วหลินจือไม่ค่อยอยากจะสนใจโซเมนเท่าไร คนที่ข้องเกี่ยวกับเทาเท่ทุกคนเธอไม่ค่อยอยากจะเสวนาด้วย
แต่โซเมนก็เป็นถึงบุคคลสำคัญและมีหน้ามีตาในเมืองเจสเวิร์ด เธอก็จำต้องสนใจ นี่คืออำนาจของเงินทุน
โซเมนเดินเข้ามาหาแล้วช้อนตามองพูดด้วยรอยยิ้มกับเธอว่า “จะกลับแล้วเหรอ ? เดี๋ยวไปส่ง ”
หลินจือรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณนะคะ รถที่ฉันเรียกน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”
ยังไม่ทันที่โซเมนจะได้พูดอะไร เทาเท่ที่อยู่ข้างๆซึ่งไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ชิงพูดขึ้นก่อน
เขาเหลือบตามองหลินจืออย่างไม่พอใจแล้วถามว่า“ไม่สนิมกับผมเหรอ?”
ในตอนนี้เองที่หลินจือเงยหน้าขึ้นมองเขา บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่แจ่มใสและถามเขากลับว่า“หรือไม่ใช่ค่ะ ?”
เทาเท่ยิ้มเยาะและพูดว่า“ ไปต่างประเทศมาปีหนึ่งเปิดกว้างขนาดเชียว ? เคยแต่งงานกันแล้วก็ยังเรียกไม่สนิทเหรอ?”
รอยยิ้มของหลินจือเย็นชากว่าเขามาก จ้องมองสบตากับเขาแล้วตอบกลับเขาอย่างไม่ไว้หน้าว่า“เคยแต่งงานกันแล้วประธานเทาเท่ยังไม่รู้เลยว่าฉันกินเนื้อวัวกับเนื้อแกะไม่ได้ แบบนี้ยังเรียกว่าสนิทกันได้เหรอคะ?”
คำพูดของหลินจือทำเอาเทาเท่จุกไม่น้อย ภายใต้สายตาที่ถมึงทึงของเทาเท่หลินจือกำกระเป๋าของตัวเองแน่นหันหลังแล้วเดินจากไปโดยไม่เหลียวมอง