ตอนที่ 1422 พระสารีริกธาตุของวิหคมัจฉาและคำสาบานของวิหคสวรรค์

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“เจ้ายอมตกลงเข้าร่วมเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเราแล้ว” แววตาสดใสของหญิงพลันเปล่งประกายต้องเขม็งมายังใบหน้าของหานลี่ พลางเอ่ยอย่างเชื่องช้า

 

 

“หากชนรุ่นหลังตอบว่าไม่ตกลง เกรงว่าคงไม่อาจออกจากเผ่าของท่านได้ง่ายๆ สินะ” หลังจากที่หานลี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก็เอ่ยตอบอย่างตรงๆ

 

 

ครานี้เขาอยู่ในหอวิหารของจินเย่ว์แล้ว และด้านข้างของสตรีผู้นี้กลับมีชายชราคนหนึ่งและหญิงงามอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่ง

 

 

อาวุโสระดับหลอมร่างขั้นต้นของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสองคนที่เพิ่งมาปรากฎตัว กำลังมองพิจารณาหานลี่ขึ้นๆ ลงๆ ไม่หยุด แต่สายตากลับเหลือบมองปีกวายุอัสนีบนแผ่นหลังของเขามากกว่า เผยแววตาร้อนแรงออกมาบนใบหน้า

 

 

“สหานหานเลือกเช่นนี้ช่างเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดจริงๆ ขอแค่บุตรชายของเผ่าข้าสามารถผ่านการทดสอบไปได้ เผ่าของข้าไม่มีทางปฏิบัติต่อสหายอย่างไม่ยุติธรรมแน่” หญิงสาวเอ่ยอย่างยินดี แต่น้ำเสียงยังคงราบเรียบพร้อมใบหน้า ดูเหมือนว่าจะคาดการณ์ว่าหานลี่จะตอบตกลงเอาไว้นานแล้ว

 

 

“หากการทดสอบอยู่ในระดับที่ท่านอาวุโสพูด การลงมือช่วยครั้งหนึ่ง นับว่าเป็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่เช่นกันข้าน้อยไม่อยากตกอยู่ในสภาวะถูกไล่สังหารหลังจบภารกิจแล้ว ดังนั้นข้าน้อยมีสองเงื่อนไข หวังว่าเผ่าของท่านจะยอมรับปากกับข้าน้อยก่อน เช่นนั้นผู้แซ่หานก็จะได้ไม่กังวล และพยายามช่วยบุตรชายของเผ่าท่านอย่างเต็มที่” หานลี่พลันหยุดชะงัก แล้วเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา

 

 

“เงื่อนไข? คนเผ่าประหลาด เจ้าลองพูดมาให้ฟังซิ” ชายชราแซ่ซวีที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยถาม

 

 

“ข้าน้อยต้องการพระสารีริกธาตุของวิหคมัจฉาเม็ดหนึ่ง รวมทั้งสิทธิในการสลักชื่อลงในคำสาบานเล่มที่สองของวิหคสวรรค์” หานลี่เอ่ยพร้อมกลั้วหัวเราะ

 

 

“พระสารีริกธาตุ คำสาบานของวิหคสวรรค์” เมื่อได้ฟังคำพูดของหานลี่ ไม่เพียงบุรุษแซ่ซวีและหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่หน้าเปลี่ยนสี แม้แต่หญิงนามว่าจินเย่ว์ก็ยังมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย

 

 

“เป็นไปไม่ได้! พระสารีริกธาตุของวิหคสวรรค์ในเผ่าเรามีแค่สิบกว่าเม็ดเท่านั้น ทุกเม็ดล้วนเป็นสมบัติที่มหาอาวุโสรุ่นต่างๆ ทิ้งเอาไว้ก่อนละสังหาร จะให้เจ้าได้อย่างไร ส่วนคำสาบานของวิหคสวรรค์ แม้ว่าจะเป็นแค่เล่มที่สอง แต่เผ่าของเราก็มีแค่สามชุด และไม่มีที่เหลือให้สลักชื่อเจ้าลงไปแล้ว” ชายชราเคราสีแดงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น พลางเอ่ยปฏิเสธ

 

 

“ใช่ ของสองสิ่งนี้ล้วนเป็นของประจำเผ่าเรา จึงไม่อาจนำมารับปากได้ น้องเอ๋ยลองเปลี่ยนเงื่อนไขหน่อยเป็นไง?” หญิงงามที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยชักจูง

 

 

หญิงสาวกลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แค่แววตาเปล่งประกายสว่างวาบเท่านั้น ราวกับว่ากำลังขบคิดอะไรอยู่

 

 

“ที่ข้าน้อยต้องการพระสารีริกธาตุของวิหคมัจฉานั้น ไม่ได้ต้องการเพื่อตัวเอง หลังจากกินพระสารีริกธาตุเข้าไปแล้ว ชนรุ่นหลังถึงจะควบคุมพลังของวิหคมัจฉาได้ และสามารถแปลงกลายเป็นวิหคสวรรค์ เช่นนั้นถึงจะมั่นใจว่าจะปลอมเป็นบุตรชายของเผ่าท่านได้ และเพื่อไม่ให้ถูกเผ่าอื่นมองออก มีพระสารีริกธาตุบวกกับขนและโลหิตเที่ยงแท้ของวิหคมัจฉาที่ข้าหลอมเข้าไปในร่างแล้ว ก็น่าจะมีคุณสมบัติสลักชื่อลงไปในคำสาบานเล่มที่สองของเผ่าวิหคสวรรค์แล้วกระมัง และมีเพียงต้องทำเช่นนี้ ข้าน้อยถึงจะเชื่อว่าเผ่าของท่านจะไม่มีทางลงมือกับข้าน้อยในภายหลัง” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

“เรื่องเหล่านี้เจ้ารู้มาได้อย่างไร หรือว่าคนในเผ่าบอกเจ้าเป็นการส่วนตัว” ชายชราแซ่ซวีเอ่ยถามด้วยสีหน้าเขียวคล้ำไปเล็กน้อย

 

 

“ไม่ใช่ สหายหานอยู่ในหอแห่งสวรรค์หนึ่งวัน น่าจะหาเรื่องนี้เจอในคัมภีร์ในนั้น ข้าเกือบลืมไป หลังจากที่เผ่ามนุษย์ฝึกฝนสำเร็จแล้ว จะมีความสามารถผ่านตาแล้วไม่มีวันลืม” จินเย่ว์เอ่ยปากอย่างราบเรียบ

 

 

“ต่อให้เป็นเช่นนี้ ทั้งสองเงื่อนไขพวกเราไม่อาจตอบตกลงได้” ชายชราสั่นศีรษะอย่างต่อเนื่อง

 

 

“เหตุใดไม่อาจตกลงได้ หากเผ่าท่านไม่มีบุตรชายในการทดสอบครั้งนี้ น่าจะถูกกำจัดออกจากเจ็ดสิบสองสาขาของเผ่าเหินวิญญาณ และถูกสาขาที่แข็งแกร่งอื่นกลืนกินกระมัง เมื่อเทียบกับเรื่องนี้ ผู้แซ่หานลี่ไม่คิดว่าเงื่อนไขที่เสนอมามันยากตรงไหน นอกเสียจากทั้งสามท่านคิดจะจัดการข้าน้อยตั้งแต่แรก” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของหานลี่ อาวุโสซวีและหญิงงามก็มีสีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย

 

 

“ได้ ข้าตกลง” หลังจากที่เงียบกริบไปชั่วครู่ หญิงสาวพลันเอ่ยปากสัญญาทันที

 

 

“มันจะเป็นไปได้ได้อย่างไร…”

 

 

“ท่านมหาอาวุโส เรื่องนี้จำต้องขบคิดสักหน่อย”

 

 

ชายชราหญิงงามรีบร้อนห้ามปรามในเวลาเดียวกัน

 

 

“ไม่ต้องพูดมาก ดังที่สหายกล่าว สองเงื่อนไขนี้เทียบกับการล่มสลายของเผ่าแล้ว ก็ไม่มีค่าอะไร เรื่องนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง” หญิงสาวโบกมือ น้ำเสียงเย็นชา

 

 

ผู้ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำนี้พลันมองสบตากันแวบหนึ่งด้วยความลังเล และยังคงปิดปาก

 

 

“เงื่อนไขที่เจ้าเสนอมาทั้งสอง ข้ายอมตกลง แต่เพื่อเป็นการป้องกันว่าเจ้าจะพยายามช่วยบุตรชายทั้งสองให้ผ่านการทดสอบ ข้าจะทำสัญญาโลหิตกับเจ้าอีกชุดหนึ่ง หากหลังจากการทดสอบบุตรชายของเผ่าข้าไม่ปรากฎตัว ข้าจะใช้ฐานะมหาอาวุโสมอบอายุขัยเพื่อทำลายคำสาบานของวิหคสวรรค์และสังหารเจ้าเสีย” แววตาของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นเฉียบแหลมดังใบมีด

 

 

หานลี่ใจหายวาบ แต่ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มออกมาสองสามส่วนขณะเอ่ย

 

 

“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ หากเป็นเพราะข้าน้อยพยายามไม่เต็มที่จนทำให้การทดสอบล้มเหลว ชนรุ่นหลังจะยอมให้ท่านมหาอาวุโสจัดการ อย่างไม่มีข้อแม้”

 

 

“เจ้ารู้เหตุผลนี้ก็ดี กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้หากข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะส่งคนไปรับเจ้า เพื่อจะได้เริ่มพิธีประกาศรับเจ้าเข้าเผ่าอย่างเป็นทางการ” หญิงสาวใช้น้ำเสียงที่ไม่อาจขัดขืนเอ่ยขึ้น

 

 

แน่นอนว่าหานลี่ไม่มีข้อคิดเห็นอื่น ทันใดนั้นหลังจากคารวะสามอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์แล้ว ก็ขอตัวลา

 

 

หลังจากที่มองร่างของหานลี่หายวับไปจากประตูแล้ว ชายชราเคราแดงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยกับหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า

 

 

“ท่านมหาอาวุโส ข้าไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ พระสารีริกธาตุของวิหคมัจฉานั้นก็ช่างเถิด แต่หลังจากที่สลักชื่อลงไปในม้วนคำสาบานของวิหคสวรรค์ นอกเสียจากว่าเขาจะกลับคำทำผิดกฎใหญ่ๆ สองสามข้อในคำสาบานแล้ว เผ่าของเราไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจลงมือกับเขาได้ เรื่องนี้จะถูกคนภายนอกเอาไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายมาก และจะนำหายนะมาสู่เผ่าเรา”

 

 

“เรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว แต่ท่านอาวุโสซวี่ดูเหมือนจะลืมไปเรื่องหนึ่ง คำสาบานของวิหคสวรรค์ใช้ได้แค่กับคนของเผ่าเราเท่านั้น เรื่องคนทรยศเมื่อสามพันปีก่อน พวเจ้าลืมไปแล้วหรือ” หญิงสาวเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา

 

 

“ท่านมหาอาวุโสหมายถึง…” หญิงงามเอ่ยอย่างรู้สำนึก

 

 

“สองสามวันก่อน ข้าเห็นแม่ทัพวิญญาณเหาะเหินสองสามคนที่เพิ่งกลับมาจากการคุ้มกันเครื่องบรรณาการ และรู้เรื่องเผ่ามนุษย์ผู้นี้ ตามที่พวกเขาเล่าคืออย่ามองว่ามนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรผู้นี้มีพลังยุทธ์แค่ระดับแม่ทัพวิญญาณเหาะเหิน แต่ความจริงแล้วกลับมีความสามารถของปรมาจารย์วิญญาณระดับขั้นต้นที่หาได้ยาก เอามาช่วยบุตรชายของพวกเราให้ผ่านการทดสอบ ก็ทำให้มั่นใจได้มาก เสียเปรียบหน่อยก็ไม่เป็นไร และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเรื่องนี้จบลง ขอแค่เผ่าประหลาดผู้นี้ยอมอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ไม่ไปคบค้ากับคนเผ่าอื่นล่ะก็ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย แต่ว่าพวกเราต้องระวังว่าคู่อริของเราจะเล่นไม่ซื่อในการทดสอบนี้สักหน่อย” หญิงสาวยกมือขึ้นม้วนปอยผมที่ปรกมาที่หัวไหล่ แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

“ท่านมหาอาวุโสช่างหลักแหลมนัก!” ครั้งนี้ชายชราเคราแดงและหญิงงามพลันวางใจแล้วจริงๆ

 

 

อีกด้านเมื่อหานลี่กลับมายังที่พัก กลับพบแขกที่มาเยี่ยมเยียนสองสามคน

 

 

นั่นก็คือผู้ที่กลับมายังเมืองพร้อมกับเขาอย่างเฟิงเสี้ยว พี่น้องไป๋เสวี่ย ไป๋อวี้สามคน

 

 

เมื่อทั้งสามคนเห็นหานลี่ พลันมีสีหน้ากระตือรือร้น หลังจากที่เขาพูดคุยเล่นกันได้ครึ่งวัน ก็ถึงได้จากไปอย่างยินดี

 

 

หลังจากที่หานลี่ส่งทั้งสามคนจากไปที่ประตูแล้ว ถึงได้หุบยิ้ม ขบคิดเล็กน้อยพลางกลับเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูให้สนิท

 

 

เช้าตรู่วันที่สองมีชาววิหคสวรรค์บุรุษสี่คนและสตรีสี่คนรวมเป็นแปดคนมาหาเขาถึงที่ แม้ว่าพลังยุทธ์จะเทียบเท่ากับระดับสร้างปราณ แต่ทุกคนล้วนยังอ่อนเยาว์ คุณสมบัติไม่ธรรมดา

 

 

หลังจากที่หานลี่พิจารณาสองสามคนแวบหนึ่งแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ออกจากเรือนรับแขกพร้อมกับทั้งแปดคน ตรงไปยังสถานที่หนึ่งในเมืองศักดิ์สิทธิ์ทันที

 

 

บินตัดเมืองศักดิ์สิทธิ์มาเกือบครึ่งเมือง หลังจากที่ผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว หานลี่ก็มาปรากฎตัวในสิ่งปลูกสร้างประหลาดๆ แห่งหนึ่งใที่มุมหนึ่งของเมืองศักดิ์สิทธิ์

 

 

สิ่งปลูกสร้างนี้อันหนึ่งเหมือนกับสนามกรีฑาขนาดมหึมา เป็นรูปทรงกลม รอบด้านถูกกำแพงหินขนาดยักษ์สูงประมาณร้อยจั้งล้อมเอาไว้ กินพื้นที่กว้างถึงสองสามลี้

 

 

บนกำแพงหินมีรูปสลักหินวิหคนับร้อยนับพันตัวตั้งตระหง่านอยู่ ด้านบนไม่รู้ว่าถูกร่ายอาคมอะไรเอาไว้ ทุกตัวล้วนมีสีสันหลากสีเปล่งประกาย กลายเป็นม่านลำแสงเจ็ดสีชั้นหนึ่งห่อหุ้มจัตุรัสทั้งจัตุรัสเอาไว้

 

 

ใจกลางของจัตุรัสกลับมีแท่นสูงราวกับแท่นบวงสรวงแทนหนึ่ง ต่างสร้างขึ้นจากหยกขาวบริสุทธิ์

 

 

ครานี้หานลี่อยู่บนแท่นหยก รอบด้านมีวิหคสวรรค์สิบกว่าคนยืนอยู่ มีบุรุษและสตรี ล้วนสวมชุดสีขาวและมีพลังยุทธ์ระดับหลอมสูญ

 

 

พวกของจินเย่ว์และชายชราแซ่ซวี่ชาววิหคสวรรค์ทั้งสามคน ยืนอยู่เบื้องหน้าของหานลี่ ด้านหลังมีหญิงสาวแต่งกายเป็นสาวรับใช้ยืนอยู่สองคน ในมือถือจานกลมๆ สีเงินที่เปล่งแสงสีขาวโพลนเอาไว้

 

 

“สหายหานข้าเตรียมของให้พวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นก่อนการทดสอบ เพื่อให้สหายมีพลังของพระสารีริกาธาตุของวิหคมัจฉาและโลหิตของวิหคมัจฉา ข้าและอาวุโสทั้งสามจะใช้ความสามารถมหัศจรรย์ช่วยเจ้าให้หลอมเจ้าสิ่งนี้สำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาแปลงกายของเผ่าวิหคสวรรค์ให้เจ้า หวังว่าสหายหานจะไม่ทำให้พวกเราเสียใจ” หญิงสาวมีลำแสงผลึกเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนใบหน้า สองตามองตรงไปยังหานลี่ขณะเอ่ย

 

 

“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ ในเมื่อข้าน้อยตอบตกลงเหล่าอาวุโสแล้ว ก็จะพยายามอย่างสุดความสมารถ” หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ

 

 

“เยี่ยมมาก เจ้าผสมโลหิตมัจฉาเที่ยงแท้ก่อน อาวุโสซวีจะร่วมมือกระตุ้นพลังของโลหิตวิญญาณ จากนั้นก็จะบีบโลหิตเที่ยงแท้และของเหลวโลหิตของเจ้าเข้าด้วยกัน ไม่ให้แยกจากกันอีก มันจะเจ็บปวดเล็กน้อย แต่คิดดูแล้วสหายน่าจะรับไหว จากนั้นก็กินพระสารีริกธาตุของวิหคมัจฉาลงไป ให้ข้าเป็นคนลงมือช่วยเจ้าหลอมเจ้าสิ่งนี้เอง ตอนนั้นเจ้าต้องระวังหน่อย อย่าไม่ระวังจนถูกพลังของวิหคมัจฉาที่แฝงอยู่ในพระสารีริกธาตุแว้งกัด แล้วธาตุมารเข้าแทรก ถึงอย่างไรเสียเจ้าก็ไม่ใช่คนของวิหคสวรรค์ที่แท้จริง การกระทำนี้เป็นการกระทำที่อันตรายไปหน่อย” หญิงสาวเอ่ยกำชับสองสามประโยค

 

 

แน่นอนว่าหานลี่พลันตอบรับทีละอย่างๆ

 

 

เมื่อเห็นท่าทางซื่อสัตย์ของหานลี่ หญิงสาวพลันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็กวักมือไปทางด้านหลัง

 

 

ชั่วขณะนั้นหนึ่งในสองหญิงรับใช้พลันเดินเข้ามาด้วยความนอบน้อม และส่งจานสีเงินในมือมาให้หญิงสาว

 

 

จินเย่ว์มองจานสีเงินอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง นิ้วเรียวสีขาวนวลดีดไปทางม่านลำแสง

 

 

ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างเงียบเชียบ เผยขวดเล็กๆ สีเขียวขนาดเท่าหัวแม่มือออกมา รูปร่างเก่าแก่งดงาม ทั้งไม่ใช่ทองและไม่ใช่หยก

 

 

 หญิงสาวมองขวดใบนี้ บนร่างเปล่งแสงสีเงินจางๆ ออกมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นบริสุทธิ์มาก

 

 

ชั่วพริบตาที่ขวดเล็กๆ ใบนี้ปรากฎขึ้น ชาววิหคสวรรค์คนอื่นๆ ก็ค้อมตัวลงไปทางขวดเล็กๆ ใบนี้พร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย สีหน้าเต็มไปด้วยความนอบน้อม