ตอนที่ 160 รีบรุดออกมา / ตอนที่ 161 เปลี่ยนความเจ็บใจเป็นความอยากอาหาร

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 160 รีบรุดออกมา 

 

 

คำของซย่าอวี้ชิวทำชุยหังขำจนน้ำตาเล็ด 

 

 

[นายรีบไปหาแฟนสักคนเถอะ นายควรจะหาคนที่ใส่ใจนายดีๆ แล้วจริงๆ] ชุยหังตอบกลับ 

 

 

“ฉันกลับอยากให้นายมาใส่ใจฉัน นายก็ใส่ใจอยู่ไม่ใช่เหรอ” ซย่าอวี้ชิวรีบตอบกลับมาเป็นเสียงพูด 

 

 

ยังดีที่ครั้งนี้ชุยหังใส่หูฟัง ดังนั้นจึงไม่ตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ 

 

 

ชุยหังครุ่นคิด ก่อนจะส่งข้อความกลับไป [ไม่ได้ ไม่กล้าใส่ใจนายหรอก ถ้าหากโดนตีขึ้นมาจะทำยังไง] 

 

 

[ใครกล้าตีนาย ฉันจะไปจัดการเก็บเขาเอง] 

 

 

[นายล่ะ ฝึกโรลเลอร์สเกตเป็นยังไงบ้าง] ชุยหังเปลี่ยนหัวข้อคุย 

 

 

ซย่าอวี้ชิวเองก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่ปัญหานี้ต่อไปโดยปริยาย เขาตอบกลับว่า [ดีมากเลย ตอนนี้ฝึกอินไลน์สเกตอยู่ เพิ่งซื้อรองเท้ามาใหม่] 

 

 

[ราคาเท่าไหร่เหรอ] ชุยหังถามไป 

 

 

[ไม่แพง เป็นของที่ในทีมลงขันกันซื้อทั้งนั้น นายเล่นไหม ฉันจะช่วยนายซื้ออีกคู่] ซย่าอวี้ชิวถามกลับ 

 

 

ชุยหังรีบตอบกลับทันควัน [ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้แบบนี้ดีมากแล้ว ฉันไม่อยากลื่นตาย นายนี่ไม่คิดเรื่องดีๆ เลยนะ] 

 

 

[ฉันไม่คิดเรื่องดีๆ ยังไง] ซย่าอวี้ชิวถามกลับ 

 

 

ชุยหังตอบกลับเขา [นายอยากจะทำให้ลื่นตาย หลังจากนั้นก็มารับช่วง ANT CHECK LATER [1] ของฉันต่อ…] 

 

 

ซย่าอวี้ชิวส่งเสียงหัวเราะมาต่อกันเป็นทอดๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ชุยหัง นายไม่น่ารักขนาดนี้จะได้ไหม” 

 

 

[อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ เป็นมาแต่เกิด] ชุยหังตอบกลับอย่างภูมิใจมาก 

 

 

“ถ้านายเป็นผู้หญิง คงจะมีคนมากมายชอบนาย” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยขึ้น 

 

 

ชุยหังครุ่นคิด ก่อนจะตอบกลับ [ถ้างั้นพวกเขาต้องต่อแถวแล้ว ฉันยุ่งมาก] 

 

 

“พอเถอะ ไม่ต้องพูดว่านายอ้วนนายก็หอบแล้ว ค่ำนี้ออกมากินอะไรกันหน่อยสิ ถ้านายยังไม่ออกมาอีก ฉันจะไปหานายถึงห้องเลย” ซย่าอวี้ชิวบอกไป 

 

 

ชุยหังทำอะไรไม่ได้ จำใจต้องยอมตกลง 

 

 

[ได้ ฉันรู้แล้ว งั้นก็ร้านเกี๊ยวตงเป่ยเหมือนเดิมไหม] 

 

 

“ได้ นายออกมาได้ก็โอเคแล้ว” ซย่าอวี้ชิวบอกไป 

 

 

ชุยหังถอนหายใจ ที่จริงไม่อยากจะขยับตัวไปไหน แต่ว่าช่วยไม่ได้ ในเมื่อรับปากไปแล้วจะเปลี่ยนใจไม่ได้ 

 

 

ยามพลบค่ำชุยหังบอกกับเพื่อนในห้องพักว่าตัวเองจะไปกินเกี๊ยว ถามพวกเขาว่าจะไปด้วยกันไหม ปรากฏว่าพอทุกคนได้ยินว่าคนบ้านเดียวกันของชุยหังอยู่ด้วย พวกเขาต่างก็บอกว่าขอครั้งหน้าแล้วกัน 

 

 

พวกเขาคิดว่าชุยหังมีเรื่องอยากจะพูดกับซย่าอวี้ชิว ดังนั้นพวกเขาจึงเกรงใจไม่ตามไปด้วย 

 

 

ที่จริงชุยหังเองก็กังวลว่าต่อหน้าพวกเขาซย่าอวี้ชิวจะพูดอะไรไม่สมควรออกมาให้พวกเขาได้ยิน ดังนั้นจึงไม่ได้คะยั้นคะยอ 

 

 

ยังคงเป็นร้านเกี๊ยวร้านนั้น ยังคงเป็นเถ้าแก่คนเดิมที่คุ้นเคย 

 

 

“เจ้าน้องชาย มาแล้วเหรอ” เถ้าแก่เอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร 

 

 

“ครับ มาแล้ว เอาเหมือนเดิมครับ” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยขึ้น 

 

 

“ได้ จะทำให้เดี๋ยวนี้เลย” เถ้าแก่บอกไป 

 

 

ชุยหังกับซย่าอวี้ชิวนั่งตรงข้ามกันอยู่ตรงนั้น เขาพบว่าซย่าอวี้ชิวเหมือนจะดูคล้ำขึ้นกว่าแต่ก่อน 

 

 

“ทำไมนายผิวคล้ำลงแล้วล่ะ” เขาเอ่ยถามไปตรงๆ 

 

 

“ช่วงนี้ไปเล่นบาสเกตบอล ผิวแทนสุขภาพดี” ซย่าอวี้ชิวพูดขึ้น 

 

 

“อย่ามาตั้งใจปลอบใจตัวเองอยู่ตรงนั้นเลย ทำไมฉันถึงไม่เห็นว่าผิวคล้ำขึ้นแล้วจะสุขภาพดีตรงไหนเลย” ชุยหังพูดไป 

 

 

“ฉันพบว่านายไม่เถียงฉัน นายจะเป็นทุกข์ใจ” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยบอก 

 

 

ชุยหังเอ่ยต่อ “ฉันไม่มีแรงจะมาเถียงกับนายทั้งนั้นแหละ ซ้อมเต้นทั้งวันจนจะอ้วกแล้ว” 

 

 

“เอ่อใช่ คู่เต้นรำของนายคนนั้นเป็นดาวคณะโลจิสติกส์ใช่ไหม” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังเอ่ยต่อ “เรื่องนี้นายก็รู้แล้วเหรอ พวกนายอยู่คณะขนส่งไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“แล้วฉันจะสนใจไม่ได้เหรอ” ซย่าอวี้ชิวพูดขึ้น 

 

 

ชุยหังรีบเอ่ยทันควัน “ได้ แล้วยังไง” 

 

 

“ก็ไม่ยังไง คนเขาพูดลับหลังนายว่านายเต้นก็งั้นๆ บอกว่านายทำให้เธอดูแย่ นายไม่รู้เหรอ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 161 เปลี่ยนความเจ็บใจเป็นความอยากอาหาร 

 

 

หลังจากที่ชุยหังได้ยิน เขาก็หมดคำจะพูดแล้วจริงๆ 

 

 

‘ตัวเองติดต่อยากขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะรังเกียจเขาลับหลังอีก… 

 

 

…เป็นดาวคณะไม่ใช่เหรอ มีอะไรไม่ธรรมดาเหรอ’ 

 

 

“นายรู้ได้ยังไง” ชุยหังเอ่ยถาม 

 

 

ซย่าอวี้ชิวพูดขึ้น “ในหอห้องพวกเรามีคนหนึ่งที่แฟนของเขาเป็นรูมเมทของดาวคณะคนนั้น” 

 

 

“ความสัมพันธ์โยงกันวุ่นขนาดนี้ แต่ว่านี่คงจะไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกสินะ” ชุยหังพูดขึ้น 

 

 

“อืม นายเต้นแย่มากแค่ไหนกันถึงทำให้คนรังเกียจได้แบบนั้น” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “เธอรังเกียจเธอเองนั่นแหละ ไม่มาสายก็กลับก่อนชาวบ้านเขา คนเขาฝึกซ้อมด้วยกัน ฉันนี่ต้องโอบอากาศฝึกซ้อม ฉันยังไม่ได้พูดใส่เธอเลยนะ เธอยังมีหน้ามาพูดลับหลังฉันอีกเหรอ ฉันพบว่าคนบางคนหน้าใหญ่จริงๆ” 

 

 

“ดูสิ ทำให้นายโกรธแบบนั้น คนเขาเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือไง แล้วยังเป็นดาวคณะอีก นายไม่อยากจะเต้นกับเขา ยังมีคนมากมายต่อแถวรอนะ” ซย่าอวี้ชิวพูดไป 

 

 

“ดาวคณะคือดาวอะไรเหรอ นี่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่หวังหม [2] ู่จริงๆ สินะ ยังเชื่อว่าทั้งโลกหมุนรอบตัวเธอด้วยงั้นเหรอ” ชุยหังพูดขึ้นโดยความโกรธ 

 

 

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือคนที่มีอะไรแล้วพูดต่อหน้าไม่ได้ แล้วเอาไปนินทาหลับหลัง 

 

 

ไม่รู้ว่าตกลงแล้วพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงเชื่อจริงๆ ว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก 

 

 

คนอย่างพวกเขายืนอยู่ใจกลางโลกต้องร้องตะโกนนินทาไม่เห็นใจคนอื่น 

 

 

“นายดูสินายโมโหจนเป็นแบบนี้แล้ว” ซย่าอวี้ชิวรู้สึกขำขัน 

 

 

“นายบอกฉันเพื่อจะให้ฉันโมโหไม่ใช่หรือไง หรือว่าฉันควรจะรู้สึกเป็นเกียรติเหรอ” ชุยหังพูดไป 

 

 

ซย่าอวี้ชิวเอ่ย “เธออยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ นายเต้นของนายไป เธอเต้นของเธอไป” 

 

 

“ฉันไม่ได้อาศัยข้าวพวกเขากินสักหน่อย ยังเอามาเป็นเรื่องของตัวเองไปได้” ชุยหังเอ่ยขึ้น 

 

 

เขายิ่งคิดในใจก็ยิ่งรู้สึกว่าผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ มันเรื่องอะไรที่ตัวเองจะต้องยอมให้ผู้หญิงตลอด 

 

 

ถ้าเป็นสุภาพบุรุษสักหน่อย จำเป็นต้องแสดงธาตุแท้ของผู้ชาย เขายอมให้ได้ 

 

 

แต่ว่าผู้หญิงบางคนใช้สิทธิพิเศษนี้ไปในทางที่ผิดดั่งปีศาจไม่มีผิด 

 

 

ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นลับหลังตามใจชอบ ผู้ชายยังโมโหไม่ได้ นี่มันหลักการอะไร 

 

 

“พอเถอะ รู้แต่แรกว่านายจะเป็นแบบนี้ ฉันก็จะไม่พูดกับนายแล้ว ทำไมถึงเหมือนสาวน้อยจัง เอะอะก็โมโห” ซย่าอวี้ชิวเอ่ยไป 

 

 

ชุยหังเอ่ยบ้าง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าจะเหมือนสาวน้อยหรือเปล่า เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดไม่ดีใส่คนอื่นลับหลัง คนอื่นรู้แล้ว ยังจะต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้อีกเหรอ” 

 

 

ซย่าอวี้ชิวพูดต่อ “จบเห่ เรื่องนี้โทษฉันแล้ว ไม่บอกนายก็ดีหรอก…” 

 

 

“ทำไมไม่บอกฉัน ไม่บอกฉัน แล้วมันจะไม่มีอยู่หรือไง” ชุยหังบอกไป 

 

 

“กระทบอารมณ์กินข้าวของนายไง” ซย่าอวี้ชิวพูดขึ้น 

 

 

ชุยหังพูดต่อ “เรื่องนี้นายวางใจเถอะ ไม่สามารถจะกระทบการกินของฉันได้หรอก อีกอย่างฉันยังกินได้เยอะ ในเมื่อนายยอมตำหนิตัวเองแล้ว งั้นนายก็เลี้ยงแล้วกัน เถ้าแก่ครับ เอาเกี๊ยวสี่หยวนมาให้ผมอีกครับ” 

 

 

เถ้าแก่รับคำ “ได้ เดี๋ยวจะได้แล้ว” 

 

 

ซย่าอวี้ชิวมองชุยหังด้วยความประหลาดใจ เหมือนค้นพบแผ่นดินใหม่อย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“มองฉันแบบนั้นทำไม่ วางใจ ฉันกินหมดได้” ชุยหังพูดขึ้น 

 

 

ซย่าอวี้ชิวพูดต่อ “ไม่ใช่ ฉันกำลังคิดอยู่ต่างหาก คนอื่นโมโหก็จะโกรธจนกินอะไรไม่ลง ทำไมยิ่งโมโหยิ่งกินได้นะ” 

 

 

“เพราะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงไง ไม่เคยได้ยินเหรอการเปลี่ยนความเจ็บใจเป็นความอยากอาหาร” ชุยหังเอ่ยถาม 

 

 

ซย่าอวี้ชิวเอ่ยต่อ “ยังไม่เคยได้ยินจริงๆ แต่ว่าไม่ต้องเคยฟัง นี่ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง” 

 

 

“รอพรุ่งนี้ฉันเจอเธอ ต้องทำให้เธอรู้ให้ได้ คนที่พูดไม่ดีใส่คนอื่นลับหลังปากจะแตกเอาง่ายๆ” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ANT CHECK LATER เป็นเสมือนการใช้จ่ายแบบบัตรเครดิต ภายใต้การผลักดันของบริษัท ANT FINANCIAL บริษัทแม่ของ Alipay ซึ่งเป็นบริการ Online Payment ในเครือของบริษัท Alibaba Group โดยเมื่อผู้ใช้เปิดใช้บริการ จะได้รับวงเงินประมาณ 500 – 50,000 หยวน ขึ้นอยู่กับเครดิตในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภค ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบคะแนนเครดิตและวงเงินก่อนการใช้บริการ และสามารถเลือกช้อปปิ้งสินค้าได้ก่อน แล้วคืนเงินในภายหลัง ปัจจุบันมีแพล็ตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่รองรับระบบ ANT CHECK LATER มากกว่า 40 แพล็ตฟอร์ม เช่น Taobao ,Tmall, Amazon, Suning Haier, OPPO , Meituan และ Dazhong เป็นต้น 

 

 

[2] เจ้าแม่หวังหมู่ คนไทยไทยส่วนใหญ่รู้จักในนาม กิมบ้อเนี้ย หรือ เจ้าแม่แดนสระทิพย์ ทรงเป็นฮองเฮาสวรรค์ซึ่งประทับอยู่ ณ วังตะวันตก เทือกเขาคุนหลุน ทำหน้าที่ปกครองคณะเทพฝ่ายหญิงทั้งหมด และทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเซียนองค์ ใดองค์หนึ่งไปยังโลกมนุษย์ เพื่อชี้แนะคนที่สั่งสมบุญบารมีมามากเพียงพอที่จะได้เป็นเซียนต่อไปในวันที่ ๑ เดือน ๓ ของทุกปีถือเป็นวันคล้ายวันประสูติ พระแม่เจ้าองค์นี้ทรงจัดงานเลี้ยง ฉลองอย่างใหญ่โต เหล่าทวยเทพในสวรรค์พากันไปร่วมงาน และเป็นเหตุให้มีเรื่องราว ต่างๆ ตามมาอีกมาก พระนางยังทรงมีความเกี่ยวข้องกับลูกท้อวิเศษ และยาทิพย์ที่ทำให้เป็นอมตะ ซึ่งทรงครอบครองไว้มากที่สุด