ตอนที่ 197 แท้ปลอมยากนักที่จะดู

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้!

ซุนฉางอานส่ายหัวไปมา “จู่ ๆ เขาก็มาเปลี่ยนคำพูด บอกว่าพวกเราสามารถเป็นพี่น้องกันได้ ข้าจึงตอบตกลง แต่ใครจะไปคิด… ว่าที่เขาชวนข้าไปที่บ่อน้ำพุร้อนเขาจะเข้ามาจู่โจมข้าทันที อีกทั้งยังมาพูดจาไร้สาระเกี่ยวกับความรักของเขา ข้าเลยตัดสินใจตัดขาดกับเขา แล้วเรื่องราวต่อมาทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับที่เจ้าได้ยินมานั้นแหละ!”

“…”

คิดไม่ถึงเลยว่าข่าวลือนั้นไม่ใช่ข่าวลือ!

ซูหวานหว่านตกใจและรู้สึกว่าซุนฉางอานน่าสงสารมาก นางเอ่ยพูดปลอบใจเขาแล้วพูดออกมาว่า “คุณชายซุน เมื่อครู่เจ้าก็ได้ยินพวกเขาสองคนคุยกันแล้ว เจ้าก็ระวังตัวเอาไว้ด้วย!”

พูดจบซูหวานหว่านก็หยิบหมวกขึ้นมาใส่ ลุกขึ้นเตรียมเดินกลับร้าน แต่นางกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างกวนใจนาง เลยหันกลับไปพูดกับเขาเบา ๆ ว่า “คุณชายซุน ในฐานะสหาย ข้าไม่รู้ว่าควรที่จะพูดเรื่องบางอย่างดีหรือไม่”

“เจ้าพูดมาเถอะ” ซุนฉางอานพูดพร้อมกับเอ่ยต่อว่า “ต่อให้คำพูดนั้นจะเป็นคำพูดที่ข้าไม่อยากฟัง ข้าก็จะไม่ว่าเจ้า”

เมื่อได้ยินแบบนี้ซูหวานหว่านก็นิ่งไป พร้อมกับหยิบขวดเล็ก ๆ ออกมาจากมิติฟาร์ม มันคือยาแก้พิษที่นางได้ทำขึ้นมา “คุณชายซุน เจ้าจะต้องรู้จักป้องกันตัวจากผู้อื่น หากเจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนให้กินยาแก้พิษนี้ อย่าให้คนโสโครกมาทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้าได้”

“ขอบใจเจ้ามากนะ” ซุนฉางอานหยิบขวดยาแก้พิษเก็บเอาไว้ในเสื้อของตัวเอง และรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เขารู้สึกว่าซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงไม่ปลอดภัยถ้าอาศัยอยู่ด้านนอกแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงหยิบจี้หยกออกมาแล้วพูดว่า “คุณชายเป่ยฉวน ขอบคุณสำหรับยาแก้พิษของเจ้ามาก ข้ามีบ้านหลังเล็กอยู่ไม่ไกลจากชานเมืองทางทิศตะวันออก ถ้าเจ้าไม่รังเกียจสามารถเข้าไปพักที่นั้นก่อนได้! เจ้ากับข้าถือว่าเป็นสหายกัน เจ้าจะพักนานขนาดไหนก็ได้ตามใจเจ้า”

ชานเมืองทางทิศตะวันออกไม่ได้อยู่ไกลจากที่นี่!

ซูหวานหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พลางรับจี้หยกมา

หลังจากออกจากโรงน้ำชาแล้ว ซูหวานหว่านก็เดินกลับไปยังร้านอาหารเจวียเซ่อ เข้าไปหาฉีเฉิงเฟิงที่กำลังนั่งรอกินข้าวพร้อมนาง

เมื่อเปรียบเทียบถึงความคึกคักของร้านอาหารเจวียเซ่อกับร้านหงเหมินแล้ว ร้านของอีกฝั่งดูเงียบราวกับป่ารกร้าง ซูเสี่ยวเหยียนหันมามองดูที่ร้านเป็นครั้งคราว ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่นางไม่สามารถที่ทำอะไรได้ หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองจะไม่มีวิธีแยกตัวออกจากสองพี่น้องตระกูลสือได้ และอีกอย่างถ้านางทำร้านหงเหมินพังกับมือตัวเอง เงินหลายพันตำลึงก็จะถูกทำลายไปด้วย!

ยิ่งซูเสี่ยวเหยียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกว่าในตอนนี้นางจะต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นนางจึงกลับไปคิดวางแผนอย่างรอบคอบ หากได้รู้ซูหวานหว่านอยู่ที่นั่น นางคงจะแปลกใจ เพราะบ้านที่ซูเสี่ยวเหยียนเข้าไปคือบ้านของตระกูลเจียนั่นเอง!

ตกเย็น แต่ร้านอาหารเจวียเซ่อยังมีลูกค้าแน่นหนาเต็มร้าน อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ทำให้ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ซูหวานหว่านจึงสั่งให้เด็กภายในร้านจุดเทียนขึ้นเพราะยังมีลูกค้าอยู่มากมาย

เมื่อซูหวานหว่านจัดการธุระเสร็จดีแล้ว นางได้พาฉีเฉิงเฟิงไปหาที่นอน และนั่นคือบ้านของซุนฉางอานแถวชานเมืองทางทิศตะวันออกนั้นเอง

ณ ลานชางเฟิง

บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ หลังจากที่เดินผ่านศาลาหินไปแล้วยังมีลานบ้านอยู่สองลานทางซ้ายและขวามือ ลานใหญ่ก็คือห้องโถง ซูหวานหว่านพลันหยิบจี้หยกออกมาและคนใช้ก็ได้พาทั้งสองคนไปที่ห้องพัก เมื่อไปถึงที่ประตู ซูหวานหว่านจึงบอกคนใช้คนนั้นว่าจะเป็นคนเลือกห้องนอนเอง ซึ่งคนใช้คนนั้นไม่ได้เอ่ยอะไรแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความกังวล

ซูหวานหว่านเปิดประตูห้องพัก แล้วทันใดก็มีชายคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา “ซุนฉางอาน! เจ้ากลับมาแล้ว! ข้ารอเจ้าตั้งนาน!”

ซูหวานหว่านยังไม่ทันได้มองเห็นชัดเจนว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่ถ้าจะให้นางเดาจากเสียง นางก็รู้ทันทีว่านั่นคือเจียเหวิน ความรู้สึกรังเกียจเกิดขึ้นภายในใจ และกำลังจะผละตัวออก ฉีเฉิงเฟิงพลันเดินเข้ามาที่ข้างหลังและเอื้อมมือมาดึงซูหวานหว่านเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง ชายหนุ่มเหยียดขาของตัวเองออกมากันตัวของเจียเหวินเอาไว้ จากนั้นก็เตะไปที่ท้องของเขาอย่างแรง จนเจียเหวินกระเด็นออกไปไกล อีกฝ่ายส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที “ซุนฉางอาน! เจ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายข้า!”

ซุนฉางอาน? บุคคลนี้พยายามที่จะเข้ามาหาซุนฉางอาน? เขาไม่คู่ควร!

ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว เตะไปที่ขาของเจียเหวินอีกครั้ง และพูดออกมาอย่างประชดประชัน “เจียเหวิน คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง อย่าคิดที่จะหวังในสิ่งที่ตัวเองไม่สมควรจะได้รับไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าสิ่งของ”

“พวกเจ้า…” ในตอนนั้นเองเจียเหวินเพิ่งจะรู้ว่าคนที่เข้ามาในห้องไม่ใช่ซุนฉางอานแต่เป็น ‘เป่ยฉวนเฟิงหลิว’ และฉีเฉิงเฟิงที่เพิ่งจะทำให้เขาอับอายในตอนบ่าย!

“พวกเราแล้วยังไงรึ?” ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง บ้านหลังนี้มันไม่ใช่บ้านเจ้า อย่ามาเข้าออกง่าย ๆ แบบนี้ ไม่งั้น… เจ้านั้นแหละจะได้รับบาดเจ็บ!”

“นี่มันเป็นบ้านของซุนฉางอาน เหตุใดพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เจียเหวินถามออกมา

ซูหวานหว่านหยิบจี้หยกออกมา “นี่คือจี้หยกของคุณชายซุน บ้านหลังนี้เขาให้ข้ามาพักได้ และห้องนี้ก็เช่นกัน เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”

“พวกเจ้า…” เจียเหวินมองไปที่ทั้งสองคนอย่างไม่เชื่อ เพราะว่าเขาเคยถามซุนฉางอานเกี่ยวกับการพักอยู่ในบ้านหลังนี้หลายครั้งแล้ว แต่ซุนฉางอานไม่สนใจเขา! แต่ทำไมถึงยกให้สองคนนี้ไปได้กัน!

เจียเหวินโกรธมาก เขาต้องการลุกขึ้น แต่ว่าฉีเฉิงเฟิงและซูหวานหว่านกลับมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเข้าจัดการเจียเหวินทันที โชคร้ายที่เจียเหวินไม่ได้เก่งวิชาการต่อสู้มาก ดังนั้นเวลาที่เขาถูกซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงทำร้ายร่างกาย เจียเหวินก็ได้แต่ส่งกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด!

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงได้ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเจียเหวิน จากนั้นก็โยนเขาออกไปจากนอกกำแพงบ้าน!

ตอนนี้ภายในบ้านสะอาดดีแล้ว ซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงเลยเข้านอนกันตามปกติ และพอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็ไปที่ร้านอาหารเจวียเซ่อทันที

ฉีเฉิงเฟิงเองก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน เขาไปนั่งทำงานในห้องอาหารส่วนตัว และซูหวานหว่านก็ได้เดินเข้าไปดูภายในห้องเช่นเดียวกัน เมื่อเข้าไปก็พบว่ามีเศษหยกชิ้นเล็กเศษน้อยจำนวนมากหล่นอยู่เต็มไปหมด แต่ซูหวานหว่านรู้สึกว่ามันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นนางจึงเก็บเศษเหล่านั้นขึ้นมาด้วยความตั้งใจ และนำมันมาประดิษฐ์งานฝีมือไปพร้อมกับฉีเฉิงเฟิงที่กำลังนำหยกไปส่งขายที่ร้านขายหยกหยู่เซิงหยาน

ซูหวานหว่านกำลังประดิษฐ์ของใช้อย่างขมักเขม้น จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงที่แต่งตัวดูดีเดินเข้ามา พร้อมกับคนข้างหลัง… นางคือซูเสี่ยวเหยียน!

ซูหวานหว่านตกใจรีบสวมหมวกทันทีพลางก้มศีรษะทำงานของตัวเองต่อไป หญิงสาวมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตารังเกียจ “เจ้าเป็นผู้ชาย กำลังทำอะไรอยู่! ทำตัวยังกับตัวเอง… เป็นผู้หญิง?”

นางก็เป็นผู้หญิง! นางจะกลัวทำไมถ้าถูกเรียกว่าเหมือนผู้หญิง?

ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะออกมาและพูดว่า “ท่านไม่เข้าใจอย่างงั้นเหรอ? สิ่งที่ข้ากำลังทำมันคืองานฝีมือ นี่แสดงว่าท่านอาจจะไม่ค่อยได้เห็นมันบ่อยนัก!”

“ฮึ่ม! ข้าไม่เข้าใจอย่างงั้นเหรอ?” ผู้หญิงคนหัวเราะและยื่นมือออกมา “ดูหยกสองสามอันในมือของข้าสิ อันไหนบ้างที่ไม่ดี! ดูของที่อยู่ในกล่องของเจ้าสิ ไม่รู้จะเรียกพวกมันว่าอะไร! มีแต่ขยะสีดำ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงคนนั้น ซูหวานหว่านพลันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ในขณะที่ซูเสี่ยวเหยียนนั้นยิ้มหวานราวกับดอกไม้ออกมา “ท่านแม่ ท่านอย่าพูดเรื่องนี้เลย เดี๋ยวเขาจะขายหน้าเอา!”

เมื่อเด็กในร้านที่อยู่ด้านข้างเห็นแบบนี้ก็วิ่งไปกระซิบที่หูของซูหวานหว่านทันที จากนั้นหญิงสาวถึงได้รู้ว่าคนคนนี้เป็นแม่ของเจียเหวิน ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาแบบไม่รักษาน้ำใจว่า “หยกในมือท่านเป็นของปลอม”

ยังมีคนกล้าบอกว่าของที่นางใส่เป็นของปลอมอีกรึ! ฮูหยินเจียพูดออกสวนมาทันทีว่า “อะไรปลอม? ข้าใส่แต่ของแท้! ใครก็ได้! จับเขาที ให้เขาคุกเข่าขอขมาเก้าสิบเก้าครั้งเพื่อเป็นการขอโทษข้า!”