ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 229 หลอมเสาทางเดินวังเทพครั้งที่สอง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

การไต่สวนของอาหู่จะสามารถงัดปากของพวกเหยาซานทั้งสองคนได้หรือไม่ เยี่ยนจ้าวเกอแสดงออกว่าแต่ไรตนเองไม่เคยเป็นกังวล

เพราะว่าเขาถ่ายทอดวิชาเข็มแกนน้ำแข็งให้อาหู่แล้ว

นอกจากเข็มแกนน้ำแข็งวิธีสุดท้ายนี้แล้ว เดิมทีอาหู่ก็มีทักษะการทรมานบีบบังคับให้สารภาพอื่นๆ มากมายเช่นกัน

ชายร่างสูงใหญ่ที่ดูเหมือนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาผู้นี้ เชี่ยวชาญศาสตร์หลายแขนง เป็นผู้รับใช้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งและเชื่อถือได้คนหนึ่ง เพียงแต่ทักษะเฉพาะทางของเขาที่มากมายยิ่ง ไม่มีโอกาสได้แสดงออกเสมอมา

อาหู่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังดังคาด ยังไม่ทันถึงเมืองซู่โจว เขาก็บีบคั้นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องการออกมาจากพวกเหยาซานทั้งสองนั่นได้แล้ว

“มีการติดต่อกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอย่างที่คิด” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางตนเอง “ผู้เหลือรอดของสำนักเขานิมิตทมิฬ มีคนส่วนหนึ่งแม้จะไม่แน่นักว่าจะกลายเป็นมาร แต่ก็เข้าร่วมกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต”

“เพียงแต่ก็ยังมีคนจำนวนมากยืดหยัดด้วยตนเองไว้ ขณะเดียวกันก็เตรียมป้องกันภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตและนพยมโลกอยู่เงียบๆ เช่นกัน เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายยังคงรักษาการติดต่อไว้หรือไม่?”

“คนส่วนนี้ โดยส่วนมากรับการช่วยเหลือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์? นี่กลับเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย”

เยี่ยนจ้าวเกอฟังรายงานของอาหู่แล้ว รำพึงรำพันกับตนเอง

อาหู่ศึกษาท่าทางของเขา พลางลูบคางตนเองด้วยเช่นกัน “ซึ่งก็ไม่รู้ได้ว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เข้าใจสถานการณ์ของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ผ่านการติดต่อกับผู้เหลือรอดสำนักสำนักนิมิตทมิฬมากน้อยเพียงใด? ระดับชั้นของพวกเหยาซานทั้งสองคนยังต่ำอยู่บ้าง ที่สุดแล้วข่าวสารที่ล่วงรู้ยังคงมีจำกัด”

“ไม่ แท้จริงเพียงพออยู่พอสมควรแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่ามีส่วนหนึ่งโผเข้าสู่ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ผู้เหลือรอดของสำนักเขานิมิตทมิฬที่ปลีกออกจากวายุพิภพกาลก่อน กลับมายังวายุพิภพอีกครั้งในไม่กี่เดือนนี้เป็นต้นมา ข่าวสารนี้สำคัญยิ่ง บางทีก็ไม่แน่นักว่าอีกฝ่ายอาจจะมีการเคลื่อนไหวอีก” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวกับอาหู่ว่า “ข่าวสารที่ล่วงรู้ทั้งหมดให้ทำรายงานสองฉบับ ฉบับหนึ่งรายงานทางสำนัก ฉบับหนึ่งมอบให้ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะทราย”

อาหู่ผงกศีรษะตอบรับแล้ว จึงค่อยลงไปจัดการ

เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับไปทอดสายตามองมหาทะเลทรายแดนตะวันตก ท้องฟ้าที่นั่นยังคงขมุกขมัวทั้งผืน

ที่แห่งนั้นเอง มีจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ฐานะเดิมสำนักเขานิมิตทมิฬอย่างน้อยคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ขับเคลื่อนมังกรทมิฬพิฆาตสองครั้งสองครา

ซึ่งเยี่ยนจ้าวเกอเองก็แน่ใจแล้วเช่นกัน ผู้อาวุโสคุมการณ์สำนักเขากว่างเฉิงที่อยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุด รักษาการณ์อยู่ที่พรรคกระบี่วายุคำราม ก่อนหน้านี้เขามาถึงมหาทะเลทรายแดนตะวันตกแล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงสยบมหาปรมาจารย์สำนักเขานิมิตทมิฬผู้นั้นให้หมดทางลงมือด้วยตนเองโดยตรง

ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งพรรคกระบี่วายุคำรามก็ถอยออกจากเขตอันตรายทางนั้น ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอนำเสาทางเดินวังเทพต้นนั้นออกจากมหาทะเลทรายแดนตะวันตกอย่างปลอดภัยด้วยเช่นกัน เพียงแต่ห่างออกไปไม่ไกลแต่อย่างใด หากรักษาการณ์อยู่รอบนอกมหาทะเลทรายแดนตะวันตกชั่วคราว

กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอกลับสู่เมืองซู่โจวอีกครั้ง ผู้อาวุโสหลี่ในฐานะผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งเมืองซู่โจวนานหลายปี มีบารมีอยู่ที่แห่งนี้ยิ่งนัก เมื่อจอมยุทธ์สำนักเขากว่างเฉิงที่ตั้งมั่นอยู่ที่นี่ได้ยินข่าวร้าย ต่างก็รู้สึกถึงความอาดูร

ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะทราย และผู้อาวุโสคุมการณ์ของพรรควายุคำรามต่างก็ได้รับข่าวการสิ้นชีพของผู้อาวุโสหลี่เช่นกัน จึงพากันส่งสารปลอบใจทุกผู้ทุกคนไปพลาง จัดเตรียมผู้อาวุโสปฏิบัติกิจซู่โจวคนใหม่รุดเข้ารับตำแหน่งไปพลาง

ก่อนที่ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจซู่โจวที่ดำรงตำแหน่งใหม่จะมาถึง เยี่ยนจ้าวเกอก็หยุดอยู่ที่เมืองซู่โจวเป็นการชั่วคราวทันที

ตำแหน่งฐานะของเยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบันพิเศษอย่างยิ่ง โดยหลักการแล้ว ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะทรายก็สิ้นหนทางบังคับบัญชาเขาเช่นกัน

เขามีสิ่งใดต้องการ บุคคลที่เหมือนอย่างผู้อาวุโสคุมการณ์พรรควายุคำรามเช่นนี้ ยังต้องพยายามอำนวยความสะดวกอย่างสุดกำลัง เพื่อให้ชายหนุ่มพึงพอใจ

ถึงแม้ว่าพลังฝึกปรือยังน้อย อายุยังอ่อนเยาว์ ทว่าหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอออกจากสำนักไป และมาถึงยังท้องที่แห่งนี้ ฐานะของเขาก็ยังพิเศษเหนือข้อพิพาทใดๆ

หากแต่กำลังวังชาของเยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้ ยังคงรวมอยู่บนเสาทางเดินอภินิหารต้นนั้น ที่เขานำออกมาจากมหาทะเลทรายแดนตะวันตก

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเข้าสู่เมืองซู่โจว ครั้นมาถึงยังที่พำนักที่มีคนจัดเตรียมให้ตนแล้ว ในที่สุดก็วางเสาหินขนาดมหึมาลง

เสาหินตั้งอยู่บนพื้น ฝุ่นละอองพื้นดินไม่ฟุ้งขึ้น ประหนึ่งไร้ซึ่งน้ำหนักโดยสิ้นเชิง เหมือนเช่นตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอรองถือมันไว้อย่างไรอย่างนั้น ทว่ามีเพียงคนที่เคยลองดูจริง ถึงจะรู้ว่าของสิ่งนี้หนักอึ้งถึงเพียงใด

ถ้าหากไม่ได้หลอมสภาพมันในขั้นแรก เยี่ยนจ้าวเกอกล้ายืนยันว่าหากตนเองประสบความสำเร็จระดับมหาปรมาจารย์ ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถรองยกขึ้นมาได้เช่นกัน

หลังจากผ่านการหลอมสภาพในขั้นแรกที่มหาทะเลทรายแดนตะวันตกก่อนหน้านี้ การหยุดอยู่ที่เมืองซู่โจวครานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็คือเตรียมดำเนินการหลอมเสาหินเป็นครั้งที่สอง

ตอนเข้าเมืองเมื่อสักครู่ ท่าทางเอามือรองเสาหินมหึมาของเยี่ยนจ้าวเกอ ได้นำไปสู่การดูมุงของมวลชนเรียบร้อยแล้ว

โดดเด่นก็โดดเด่นแล้วจริงๆ ทว่าหากเดินเช่นนี้ตลอด กระนั้นก็เลี่ยงจะโดดเด่นเกินควรไม่ได้

ไม่เอ่ยถึงสิ่งอื่น การที่ถือของมโหฬารที่สิ้นหนทางบรรจุเข้าไปในกระเป๋าย่อส่วนได้เช่นนี้สิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเดินไปถึงที่ใด ผู้ใดก็ตามล้วนรับรู้ว่าตนมาถึงแล้ว อยากจะซ่อนไว้รายทางต่างก็ทำไม่ได้

เหมือนเช่นการชูคบไฟในค่ำคืนมืดมิดอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งคบเพลิงนี้ยังไม่อาจดับเองอีกด้วย

ทำให้ทุกคนรู้ว่าข้าเคยมาแล้ว

คำพูดนี้ฟังดูแล้วน่าตื่นเต้นทีเดียว มีพลังพอสมควร โดดเด่นพอสมควร และทะนงตนพอสมควร

ทว่าหากเพิ่มอักษรอีกสองสามตัวด้านหน้า เช่นนั้นความหมายก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

อย่างเช่น ข้าทำได้เพียงทำให้ทุกคนรู้ว่าข้าเคยมาแล้ว…

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิอยู่บนที่ว่างในลาน แหงนมองเสาทางเดินวังเทพที่ความสูงเกินกว่ายี่สิบหมี่ ตั้งอยู่บนพื้นเกือบจะสูงกว่ากำแพงเมืองซู่โจว

มือข้างหนึ่งของเขาตวัดวาดอยู่ในอากาศอย่างต่อเนื่อง ปราณจิตราทิ้งร่องรอย สลักวาดเส้นออกมาสายหนึ่งต่อด้วยอีกสายหนึ่ง ประกอบกันเป็นลวดลายที่ลี้ลับมหัศจรรย์

จากนั้นแสงโชติช่วงของลวดลายเหล่านี้ ถูกสลักประทับไปภายในผลึกหินพร้อมกัน

ลวดลายเหล่านี้ ก็คือลวดลายประดับที่เยี่ยนจ้าวเกอนำมาจากบนเสาทางเดินวังเทพ ลอกประทับลงไป

ที่ถูกสลักประทับเข้าไปพร้อมกัน ยังมีการตีความลวดลายเหล่านี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ

ลวดลายประดับบนเสาทางเดินวังเทพ ตัวมันเองยังไม่ได้มีความหมายพิเศษพร้อม ทว่าเป็นการแฝงท่วงทำนองพลังและหลักการอันมีเอกลักษณ์ไว้ภายใน

จอมยุทธ์ที่พลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำสังเกตเรียนรู้ ยากจะเข้าใจลึกซึ้งถึงคุณค่าและความมหัศจรรย์ของมัน หากแต่เป็นยอดฝีมือระดับชั้นเดียวกับหยวนเจิ้งเฟิง เยี่ยนตี๋ และสือเถี่ยนั้น กลับสามารถได้รับสิ่งที่โดดเด่นไม่เหมือนผู้ใดได้

หากมองดูสถานการณ์แต่ละคนแล้วกำหนด การได้รับของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกัน มีมากมีน้อย ทว่าเป็นขุมสมบัติอันล้ำค่าขุมหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

แท้จริงแล้วนำเสาหินทั้งต้นกลับไป คนที่สามารถหลอมกลายสภาพและตีความในสิ่งของระดับสูงนั้นได้ ก็ยังคงเป็นเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน

สำหรับพวกหยวนเจิ้งเฟิงแล้ว ที่มีคุณประโยชน์ก็คือความหมายลึกซึ้งที่แฝงอยู่ในลวดลายเหล่านี้

ดังนั้นถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะหยุดอยู่ที่เมืองซู่โจวชั่วคราว เพื่อหลอมกลายสภาพเสาหินเป็นครั้งที่สอง กระนั้นลวดลายบนเสาทางเดินวังเทพเหล่านี้ เขาคัดลอกประทับออกมาทั้งหมดแล้ว จัดเตรียมส่งกลับประตูสำนักเขากว่างเฉิงอย่างลับๆ โดยเร็วที่สุด

“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ให้คนของพวกเราค้นหาของสิ่งนี้บนแผ่นดินเกาะทรายอย่างละเอียด ดูว่าจะสามารถหาอีกครึ่งก้อนได้หรือไม่” หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอนำผลึกหินที่คัดลอกประทับลวดลายให้อาหู่ เขาก็นำเครื่องหยกครึ่งก้อนนั่นออกมาอีก “ไม่ต้องเอิกเกริกไปนัก ค้นหาอย่างไม่เป็นจุดสนใจ”

อาหู่รับของมา “คุณชายโปรดวางใจ ข้าน้อยรู้ดีควรทำอย่างไร”

หลังอาหู่ปลีกตัวออกไป เยี่ยนจ้าวเกอก็กลับมาสนใจเสาทางเดินวังเทพที่อยู่เบื้องหน้าอีกครา เริ่มทดลองหลอมกลายสภาพขึ้นอีกขั้น

ครั้นหลังเจตจำนงหมัดของเยี่ยนจ้าวเกอผสานกัน ตรงหน้าเขาประหนึ่งกับปรากฏภาพเมื่อครั้งวิกฤตการณ์ใหญ่ปีนั้นขึ้นอีกหน

ท่ามกลางพื้นดินแผ่นฟ้าพังทลาย ภาพฉากปรวนแปร สวรรค์ชั้นเก้ากลับตาลปัตร เยี่ยนจ้าวเกอรู้ชัดอยู่แก่ใจว่านี่เป็นภาพขณะที่เสาหินตกลงมาจากท้องฟ้า คล้ายกับมีความทรงจำชีวิตก็ไม่ปาน มุมมองของตนในตอนนี้เป็นของเสาหิน

เสาหินร่วงสู่ภายในทะเลทรายโดยตรง ทะเลทรายแรกเริ่มเรียบเสมอกัน ทว่าหลังจากนั้นปรากฏการณ์บนท้องฟ้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นมหาทะเลทรายแดนตะวันตกในปัจจุบันนี้

ซึ่งในกระบวนการนี้ เสาหินเองก็ค่อยๆ ผนึกเข้ากับปรากฏการณ์ท้องฟ้ามหาทะเลทรายแดนตะวันตกเช่นกัน บางคราก็ปรากฏให้เห็นอยู่ภายนอก บางคราก็ถูกทรายฝังกลบอีก

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับกลายร่างเป็นเสาหินนี้ สัมผัสการไหลของกาลเวลาไปพร้อมกัน

ฉับพลันนั้น เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเจิดจ้า เงาร่างหนึ่งวับวาบ ปรากฏอยู่ในเส้นสายตา!

——————————–