บทที่ 108 อุ่นเครื่องเทศกาลดนตรี

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

วันที่สามเมษายน เทศาลดนตรีนครอัลโต้

เสียงดนตรีอยู่ทุกซุกทุกมุมบนถนน วันนี้ ลูเซียนแต่งชุดที่ไม่เป็นทางการมากนักด้วยเสื้อคลุมสีน้ำตาล เสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงสีดำ เตร็ดเตร่ไปตามถนน เขามีไอเวินที่แต่งตัวเหมือนสุภาพบุรุษผู้ดีตัวน้อยเดินเที่ยวเป็นเพื่อน เนื่องจากโจเอลและอะลิซ่าออกไปเที่ยวกันสองคน เพื่อเติมความรักความปรารถนาที่เคยมีเหมือนสมัยหนุ่มสาว

วิกเตอร์กำลังง่วนอยู่กับการพบปะนักดนตรีและขุนนางชนชั้นสูงมากหน้าหลายตาจากเมืองและประเทศต่างๆ ไม่ต่างจากเฟลิเซีย ล็อตต์ และเฮโรโดตัส ขณะที่นาตาซารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับแขกเหรื่อราชวงศ์ที่มาจากทั่วทวีป นางใช้เวลาว่างทั้งหมดที่มีในการช่วยจัดการเรื่องการแสดงดนตรีของซิลเวียที่กำลังมาถึง ไรน์ได้รับเชิญให้เป็น ‘ไวโอลินมือหนึ่ง’ ในการแสดงดนตรีหลายๆ รอบ ลูเซียนได้ยินว่าเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกินอาหาร

แม้กระทั่งจอห์น ก็ไม่มีเวลาออกมาเที่ยวเล่นกับลูเซียน เขาต้องทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในเทศกาล

“ไง จอห์น!” ลูเซียนโบกมือทักทายสหายสนิทที่กำลังลาดตระเวนตรวจตราไปตามท้องถนน

“ไง ลูเซียน!” จอห์นยิ้มยิงฟัน “เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?”

“ก็… ก็เรียบร้อยดี” ลูเซียนยักไหล่ “ในโลกนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการเป็นพี่เลี้ยงเด็กในช่วงเทศกาลดนตรีล่ะ?” ลูเซียนชี้ไปที่ไอเวินที่กำลังตั้งใจเขมือบไส้กรอกยักษ์ในมือ

จอห์นหัวเราะเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปมาบนถนนต้องหันมามองพวกเขา

“เอาน่า! ข้าดูแลน้องชายให้เจ้าอยู่นะ!” ลูเซียนบ่นแบบติดตลก

“เออ… ข้าได้ยินมาว่าสาวๆ ชั้นสูงหลายคนชวนเจ้าไปคฤหาสน์ของพวกนางในช่วงเทศกาล” จอห์นตบบ่าลูเซียน “โดยเฉพาะ… ท่านหญิงอีเว็ตต์ ฮิลล์”

“ข้าขออยู่ดูแลน้องชายเจ้าดีกว่า” ลูเซียนตอบซื่อๆ

หลังจากคุยกับจอห์น ลูเซียนก็หันไปเดินเล่นไปตามถนนต่อ เนื่องจากเขาอาจต้องเดินทางออกจากเมืองทันที หลังจากเทศกาลดนตรีจบ ลูเซียนอยากสัมผัสนครอัลโต้ให้มากขึ้นและซึมซับทุกเวลาที่ยังอยู่ที่นี่

ขณะลูเซียนมัวแต่สนใจกับการฟังเพลงจากศิลปินข้างถนน ไอเวินก็มองหาแต่รถเข็นขายอาหารนานาชนิด ตั้งแต่ชีสย่าง พายผลไม้ มะเขือเทศอบแห้ง และขนมหวานต่างๆ นานา

เสร็จจากไส้กรอกในมือ ไอเวินเริ่มมองไปยังร้านลูกกวาดอีกฝั่งของถนน

ลูเซียนและไอเวินเดินเล่นสัมผัสกับบรรยากาศเทศกาลดนตรี และเข้าออกโรงแสดงดนตรีเล็กๆ เพื่อดื่มด่ำกับดนตรีที่วงต่างๆ เล่นตลอดทั้งช่วงเช้า

ณ ช่วงเทศกาลดนตรี ยกเว้นที่โรงละครซาล์มฮอล ตั๋วเข้าชมดนตรีจะมีราคาถูกมาก บางส่วนก็เปิดให้เข้าชมโดยไม่เก็บค่าตั๋ว ดังนั้น เทศกาลดนตรีอัลโต้จึงเป็น ‘งานเลี้ยงดนตรี’ สำหรับทุกคนจริงๆ

ใกล้จะเที่ยงวัน ลูเซียนพาไอเวินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“ดูสิ!” ไอเวินชี้ไปที่ป้ายหน้าร้านอาหาร “เล่นดนตรี แลกอาหาร!”

ไอเวินอ่านหนังสือออกแล้วบางคำจากการสอนของลูเซียนและจอห์น

“ร้านนี้น่าจะเข้าท่า” ลูเซียนยิ้ม

ร้านอาหารดูวุ่นวายมาก ตอนที่ลูเซียนกับไอเวินกำลังนั่งรออยู่ พวกเขาเห็นสุภาพบุรุษวัยชราคนหนึ่งกำลังเล่นเปียโนอยู่ตรงหน้า ชายชราเล่นไม่ดีเท่าไร และการกดคีย์บอร์ดแต่ละครั้งดูเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา

แต่เขาเล่นอย่างมีศรัทธาในดนตรีมาก ราวกับว่ากำลังแสดงดนตรีของตัวเอง

เมื่อชายชราบรรเลงจบเพลง ทั้งร้านอาหารพากันปรบมือให้อย่างชื่นชม บรรดาแขกยกย่องในความกล้าและความรักในดนตรีของเขา

“มื้อเที่ยงสำหรับสุภาพบุรุษท่านนี้!” เจ้าของร้านอาหารส่งเสียงให้กำลังใจ “ใครจะเป็นคนต่อไป!?”

ลูเซียนและไอเวินเดินตามไปยังโต๊ะเล็กๆ สำหรับสองที่ ติดกับหน้าต่าง พวกเขาสั่งสเต็กสำหรับมื้อกลางวัน

แขกอีกสองสามคนขึ้นไปแสดง บรรยากาศในร้านอาหารครึกครื้นมาก ทุกคนดื่มด่ำกับช่วงเวลานี้เต็มที่

ผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาในร้านอาหาร บางคนไม่มีที่นั่ง ทำได้เพียงยืนถืออาหารในมืออยู่ข้างๆ บาร์ นั่นรวมถึงปิโอลา ชารอน และสมาชิกวงคนอื่นๆ

หลังจากแสดงดนตรีมาตลอดช่วงเช้า ทุกคนหิวจนแทบจะลมจับ มื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียเงินเป็นเรื่องที่วิเศษมาก

เพลงของปิโอลาดึงความสนใจของทุกคน บรรยากาศครื้นเครงในร้านอาหารมาถึงจุดสำคัญ

“มื้อเที่ยงสำหรับหนุ่มน้อยผู้นี้!” เจ้าของร้านอาหารประกาศ “และเพื่อนๆ ของเขา!”

ลิลิธและซาลาก็สนใจร้านอาหารร้านนี้เช่นกัน

วางมีดและส้อมลง ลูเซียนยิ้มกับไอเวินที่พุงกางเกินกว่าจะนั่งตัวตรงๆ บนเก้าอี้ “บอกแล้ว อย่ากินเยอะเกินไป”

“ก็ข้าอดไม่ได้…” ไอเวินยังจ้องสเต็กที่เหลืออยู่บนจาน เขาขอให้บริกรใส่ห่อกลับบ้าน แล้วเขาก็หันมาทางลูเซียน “ถ้าพี่ขึ้นไปเล่นนะ พี่ลูเซียน เราก็ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก!”

ว่าแล้วเขาพยักหน้าให้ไอเวินและเดินไปที่เปียโน

“ชายหนุ่มอีกคน” เจ้าของร้านอาหารประกาศ

“ท่านอีวานส์หรือ!?” ลิลิธไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“ใช่ ท่านอีวานส์” ซาลาดูสับสนระคนตื่นเต้น

“เราโชคดีชะมัด!” ลิลิธหน้าแดง “เราจะได้ฟังเพลงของท่านอีวานส์ในร้านอาหารธรรมดาๆ”

ปิโอลาจำลูเซียนได้ดี เขาหันไปหาเพื่อนๆ “นั่นมันสุภาพบุรุษที่เราคุยด้วยวันก่อนนี่นา ข้าอยากรู้จริงเขาจะเก่งขนาดไหน!”

วางมือลงบนคีย์บอร์ด ลูเซียนนึกทบทวนเซเรเนดเพลงสั้นๆ ที่เขาประพันธ์ไว้ในหัว โดยไม่ต้องอาศัยหนังสือเพลงในห้องสมุดห้วงจิต

บทบรรเลงของลูเซียนลื่นไหลราวกับสายลมเย็นๆ พัดมาจากหน้าต่าง สัมผัสเข้าที่หัวใจของผู้ฟังทุกคน ร้านอาหารที่กำลังวุ่นวายค่อยๆ สงบเงียบลงอย่างช้าๆ ทุกคนหยุดพูดและตั้งใจฟังเสียงดนตรีของลูเซียน

เคลื่อนมือพลิ้วไหวไปบนคีย์บอร์ดเปียโน ลูเซียนหลับตาดื่มดำไปกับดนตรี

ตรงข้ามกับบรรยากาศอึกทึกคึกโครม ทำนองไพเราะมอบความสดชื่นให้กับจิตใจของผู้คนประหนึ่งลำห้วยน้ำใสไหลเย็นสะอาด

ทำนองเพลงจบลงเพียงสั้นๆ เมื่อลูเซียนลงจากเวทีเดินกลับมาหาไอเวิน ร้านอาหารทั้งร้านยังคงเงียบกริบ เนื่องจากบรรดาลูกค้ายังคงตกอยู่ในภวังค์แห่งความงดงามของทำนองเพลง

ลูเซียนเองก็พึงพอใจ วางเงินไว้บนโต๊ะไว้หนึ่งนาร์ ลูเซียนและไอเวินเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ลูเซียนก้าวเท้าออกจากร้านอาหาร เขาได้ยินเสียงผู้คนโห่ร้องปรบมือกันเกรียวกราว

“เขาไปแล้ว!” ปิโอลาท่าทางผิดหวัง “เรายังไม่ได้ถามชื่อ! อีกแล้ว!”

“ข้าสงสัยว่าทำไมเราไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน ดนตรีที่เต็มไปด้วยความสดใหม่ อัลโต้เป็นเมืองที่น่าอัศจรรย์จริงๆ!” ชารอนพูด นางไม่รู้เลยว่าสุภาพบุรุษผู้นั้นเป็นผู้ประพันธ์เพลงด้วยตัวเอง

“ท่านอีวานส์!” ลูเซียนได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกมาจากด้านหลัง

เมื่อหันกลับไป เขาเห็นพบคู่สองพี่น้องที่มาเยี่ยมเขาที่คฤหาสน์เมื่อวันก่อน

……………………………………….