ตอนที่ 1359 เผ่าวิญญาณ (1)
ภูเขาเงิน ภูเขาทอง เป็นยังไง!
พวกเขาได้เห็นกับตาแล้ว!
เย่กูนอนอยู่บนพื้น เขาไม่กล้ามองจวินอู๋เหยานานเกินไป และไม่กล้ามองเย่ฉากับเย่เหม่ยมากเกินไปด้วย ได้แต่มองเจ้างี่เง่าเฉียวฉู่ทำตัวเหมือนคนบ้านนอกเข้ากรุง ปากอ้าตาค้าง จ้องมองอย่างโง่ๆไปที่ห้องโถงที่เต็มไปด้วยสมบัติ
[ชิ! พวกปัญญาอ่อนกลุ่มนี้มาจากไหน? ทำไมถึงติดตามนายท่านเจว๋มาได้?!]
ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมายไม่สิ้นสุด แต่เย่กูทำได้แค่นอนอยู่บนพื้นและแสร้งทำเป็นอ่อนแรง
ยากมากกว่าเฉียวฉู่จะละสายตาออกจากสมบัติทั้งหมดนั้นได้ และหันมาเห็นเย่กูที่นอนแสร้งทำสีหน้าเกลียดชังอยู่บนพื้น ทำให้เฉียวฉู่รู้สึกประหลาดใจมาก
“ผู้พิทักษ์สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ที่แท้ก็เป็นเจ้าหนูตัวเล็กๆแบบนี้! คนจากราชอาณาจักรแห่งความมืดคิดอะไรอยู่กันเนี่ย?”
พอเฉียวฉู่พูดคำพวกนั้นออกมา เย่ฉากับเย่เหม่ยก็เหงื่อออกชุ่มหลังทันที
เย่กูไม่ใช่คนที่มีปัญหาอะไรนักหรอก แต่สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือถูกคนอื่นพูดว่าเขา “ตัวเล็ก” !
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่อยู่ในกองทัพราตรี เขาจึงกระทืบคนไปไม่น้อย
คำพูดที่ไม่ได้ใส่ใจของเฉียวฉู่ไปโดนจุดระเบิดของเย่กูเข้าโดยบังเอิญ ทั้งสองคนจึงหันไปมองเย่กูในทันทีอย่างพร้อมเพรียงกัน
อย่างที่คาด ใบหน้าของเย่กูถมึงทึงขึ้นทันที
ทั้งสองคนสบตากัน แล้วกระโจนเข้าหาเย่กูพร้อมกัน คนหนึ่งซ้าย คนหนึ่งขวา ช่วยกันจับเย่กูเอาไว้แน่น
เฉียวฉู่มองการกระทำของเย่ฉาและเย่เหม่ยแบบมึนๆ ซื่อบื้อเกินกว่าจะรับรู้อะไร แค่คิดว่ามันแปลกๆเท่านั้น เขาถามอย่างโง่งมว่า “พี่เย่ฉา พี่เย่เหม่ย เจ้าหนูตัวเล็กนี่น่าจะบาดเจ็บหนักอยู่ พวกท่านจำเป็นต้องระวังเขามากขนาดนั้นเลยหรือ?”
เย่เหม่ยเกือบร้องไห้แล้ว แต่เขาต้องทำหน้านิ่งและฝืนยิ้มแข็งๆให้เฉียวฉู่ “ยังไงซะก็เป็นคนของราชอาณาจักรแห่งความมืด ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า”
ในเวลาเดียวกัน เย่ฉาก็กระซิบที่ข้างหูเย่กูว่า “หัวหน้า! ใจเย็นๆ!”
“ใจเย็นบ้านแม่มันซิ! ไอ้เด็กโง่นี่มันโผล่มาจากหินก้อนไหนกัน? ขนยังขึ้นไม่หมดก็รนหาที่ตาย! ถ้าข้าไม่สับมันเป็นชิ้นๆ ข้าก็ไม่ใช่เย่กู……” เย่กูระเบิดออกมาในทันที
เย่ฉาและเย่เหม่ยพยายามรั้งเย่กูเอาไว้อย่างเต็มที่ แต่พลังของทั้งสองคนรวมกันยังไม่พอจะยับยั้งเย่กูเอาไว้ได้ ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะถูกเย่กูเหวี่ยงออกไปนั้น จวินอู๋เหยาก็ชะงักฝีเท้าในทันที เขาอุ้มจวินอู๋เสียเอาไว้ และหันหน้ามาเล็กน้อย ดวงตาที่หรี่ลงครึ่งๆของเขามองผ่านร่างของเย่กูไปแวบหนึ่ง
เย่กูสงบลงในทันที
เย่ฉาและเย่เหม่ยลอบถอนใจอย่างโล่งอก ในโลกนี้ คนที่ควบคุมเย่กูได้มีเพียงจวินอู๋เหยาคนเดียวเท่านั้น
ขณะที่เย่ฉาและเย่เหม่ยกำลังถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามายืนตรงหน้าทั้งสองคน
พูดให้ถูกต้อง ร่างนั้นมายืนตรงหน้าเย่กูต่างหาก
เย่กูกำลังกลั้นโทสะเอาไว้ ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้เยาว์ที่หน้าตาหล่อเหลาปรากฏขึ้นตรงหน้า จึงขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
หรงรั่วมองเย่กูที่สวมหน้ากากครึ่งหน้า แล้วดวงตาของนางสั่นไหว ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย นางจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของเย่กู ร่างกายของนางแข็งทื่อเล็กน้อย
“เสี่ยวรั่ว” เฟยเหยียนเรียกขณะที่เข้ามายืนอยู่ข้างๆหรงรั่ว เขาจับปฏิกิริยาแปลกๆจากหรงรั่วได้อย่างรวดเร็ว
หรงรั่วไม่ตอบเฟยเหยียน นางเอาแต่มองเย่กูอยู่อย่างนั้น และถามขึ้นด้วยเสียงหดหู่ว่า “ท่านคือ……คนเผ่าวิญญาณใช่ไหม?”
เย่กูชะงักเล็กน้อยกับคำถามนั้น เขาหันไปมองหรงรั่ว แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
“เผ่าวิญญาณ? เสี่ยวรั่ว เจ้าบอกว่าเขาเป็นคนของเผ่าวิญญาณงั้นเหรอ?” เฟยเหยียนถามด้วยความสงสัย