บทที่ 205 ในที่สุดก็ไต่ถึงระดับทะเลสาบ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 205 ในที่สุดก็ไต่ถึงระดับทะเลสาบ

หนอนยักษ์อยากจะหลบตามคำพูดของอัศวิน A แต่แล้วก็คิดได้ว่านี่ไม่ใช่การเผยจุดอ่อนของตัวเองหรอกเหรอ? มันจึงบินขึ้นไป…

ทันใดนั้นมันก็เห็นแสงเจิดจ้าซึ่งสว่างวาบขึ้นที่ปลายอีกด้านของคูหินลึกด้านล่าง ถึงอย่างไรมันก็มีความแข็งแกร่งในระดับบ่อน้ำแรกเริ่ม ดังนั้นมันจึงสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

มังกรฟ้าปรากฏตัวขึ้น จากนั้นหัวมังกรสีแดงเข้มก็งอกออกมา ไม่เพียงเท่านั้นหัวมังกรสีม่วงอีกตัวก็ผุดออกมาพร้อมสายฟ้าที่อีกด้านหนึ่ง…

ในที่สุดมังกรฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดสามหัว…

หนอนยักษ์ตกตะลึง ‘ท่านพ่อ ท่านไม่ได้บอกข้าว่ามีมังกรสามหัวไม่ใช่เหรอ?’

เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลที่ไม่ใช่มนุษย์เหล่านี้จะกลายพันธุ์เมื่อพวกเขามาถึงโลกนี้?

ตอนนี้ข้ายังเป็นแค่แมลง ต่อไปข้าจะกลายพันธุ์หรือเปล่า? เพียงแมลงตัวนี้ยังพอพบเจอผู้คนได้แต่ถ้าต้องกลายพันธุ์โดยมีหัวงอกอีกสองสามหัว มันจะออกไปกินข้าวได้ยังไง?

อ้อ ไม่เป็นไร ท่านพ่อบอกตอนอบรมก่อนลงมาแล้วว่าเดลิเวอร์รี่ของที่นี่พัฒนาขึ้นมาก…

ขณะที่หนอนยักษ์กำลังคิดอย่างบ้าคลั่ง ฉากใหม่ที่ปรากฏขึ้นต่อจากนี้กลับทำให้มันตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม…

ทันทีที่มังกรสามหัวเป็นรูปเป็นร่าง มันก็พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกัน ลูกไฟสีแดง ดาบวายุสีฟ้าและลูกบอลสายฟ้าสีม่วงพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศฉับพลัน

ร่างของอีกฝ่ายเกิดเสียง ‘พรึ่บ’ กลายเป็นกระบี่ยาวที่มีเป็นหัวมังกร เมื่อหมุนควงไปในอากาศ หัวมังกรก็กลืนเข้ากับลูกไฟ ดาบวายุและลูกบอลไฟฟ้าทั้งหมด

หลังจากกลืนเข้าไป กระบี่ยาวหัวมังกรก็ขยายออกยาวกว่าร้อยเมตรในพริบตา จากนั้นก็เล็งไปที่คูหินลึกแนวตรงและแทงทะลุลงไปทันที!

เมื่อเห็นภาพนี้หนอนยักษ์ก็รู้สึกเกร็งไปทั้งตัว รีบหลับตาลงไม่กล้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในคูหินเบื้องล่าง

จากนั้นเสียง ‘ชิ้ง’ ก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ ราวกับคมดาบที่แทงทะลวง บ่งบอกว่าสัตว์ปีศาจด้านล่างจะต้องถูกเสียบรวมกันเป็นถังหูลู่ทีละตัวแล้วแน่นอน!

ชั่วครู่มันก็นึกสงสัย ถ้าขอให้มังกรสามหัวออกมาย่างยกเค้าที่นอกตัวเมืองจะได้หรือเปล่า?…ตัวมันใช้ความพยายามอย่างมาก

หนึ่ง สอง สาม ยังไม่จบอีกเหรอ…ลืมตาได้หรือยังเนี่ย?

ขณะที่หนอนยักษ์กำลังนับอยู่นั้น มันก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย จากนั้นเสียง ‘ชิ้ง’ เหล่านั้นก็หายไป

มันลืมตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนกวาดสายตามองพลางเกิดความสงสัยในทันที

ในคูน้ำลึกบนภูเขา บนผนังหินที่เคยว่างเปล่าและราบเรียบพลันปรากฏรอยเท้าโคลนที่ยุ่งเหยิงและรอยคราบเลือดเล็กน้อยที่หลงเหลืออยู่บางแห่ง แสดงให้เห็นว่ามีร่องรอยของสัตว์ป่ากลุ่มใหญ่ผ่านมาที่นี่จริงๆ…

และตอนนี้ในส่วนลึกของหลุมขนาดใหญ่มีคนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ คนคนนั้นก็คือท่านมังกร หมอนั่นไม่เคลื่อนไหว…ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่?

เขาใช้กระบวนท่าแบบไหนกันนะ ช่างน่ากลัวจริงๆ! ไม่อยากเชื่อเพียงชั่วพริบตาเขาทำให้ศัตรูกลายเป็นขี้เถ้าได้ยังไง?

พวกมันคือสัตว์ปีศาจแข็งแกร่งนับร้อยตัวและตอนนี้พวกมันก็กำลังผงาด หากอยากเอาชนะก็ต้องใช้กลอุบายเล็กน้อย

แต่อย่างมากที่สุดพวกมันอาจถูกทุบตีจนเป็นเศษเดน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หลงเหลือร่องรอยดังเช่นตอนนี้

“ไม่แปลกใจเลยที่เขาก้าวร้าวได้ขนาดนี้…พลังนี้ตามมาตรฐานการให้คะแนนของมนุษย์ในโลกนี้ มันเกือบจะเทียบเท่ากับในปีนั้นที่ข้าเพิ่งก้าวไปสู่ระดับ S เขาเป็นเพียงยอดฝีมือระดับ A และดูเหมือนจิตวิญญาณจะบาดเจ็บสาหัสอยู่ด้วยทว่ายังสามารถระเบิดพลังแบบนี้ออกมาได้ กระบี่บินลับของตระกูลมังกรเล่มนี้ทรงพลังมากจริงๆ” หนอนยักษ์ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ร่างสั่นไม่หยุดหย่อนพึมพำกับตัวเอง

ไม่นานมันก็รู้สึกตัว ในขณะที่กำลังบินร่อนลงมาก็พบว่าหนวดหลายเส้นบนตัวมันหลุดลอกออกไป

ขณะนั้นเองที่มันเพิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองบินได้ไม่สูงพอจึงถูกพลังของกระบี่ที่กระจัดกระจายพุ่งเข้าเล่นงาน ว่าแล้วเชียวทำไมถึงรู้สึกเย็นวาบนัก ที่แท้ขนก็ร่วงนี่เอง

“จบแล้ว ขนของข้าร่วงไปหลายเส้นเลย…ไม่สิ ต้องรีบหนี ไม่อย่างนั้นเขาต้องรู้ธาตุแท้ของข้าแน่” หนอนยักษ์หันหลังบินจากไปแต่บินไปได้เพียงสองคืบมันก็บินกลับมาอย่างเชื่อฟัง

ข้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่ จะไปหาอาหารได้จากที่ไหน?

ถึงอย่างไรก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหากอีกฝ่ายพบว่ามันพูดเท็จ

ฟางหนิงกำลังดูการแจ้งเตือนของระบบ ส่วนระบบก็กำลังคำนวณผลลัพธ์ของการต่อสู้ จึงไม่มีใครให้ความสนใจกับหนอนยักษ์ชั่วครู่

(ระบบเปิดใช้งานร่างมังกรวายุ ร่างมังกรเพลิงและร่างมังกรสายฟ้า

ระบบใช้สล็อตความโกรธ 6 ช่องเพื่อใช้ท่าไม้ตายลับ ‘ลมหายใจมังกรวายุ’

ระบบใช้สล็อตความโกรธ 6 ช่องเพื่อใช้ท่าไม้ตายลับ ‘ลมหายใจของมังกรเพลิง’

ระบบใช้สล็อตความโกรธ 6 ช่องเพื่อใช้ท่าไม้ตายลับ ‘ลมหายใจมังกรสายฟ้า’

ระบบเปิดใช้งาน ‘รวมร่างกระบี่’ ร่วมกับกระบี่บินในตำนาน ‘มังกรทะยาน’ เป็นเวลา 30 วินาที

ระบบใช้สล็อตพลังปราณ 10 ช่องในการใช้ท่า ‘ดรรชนีกระบี่หนีสวรรค์’

ระบบใช้สล็อตพลังปราณ 10 ช่อง ใช้ ‘รวมใจเป็นหนึ่ง’ รวบรวมการเคลื่อนไหวทั้งหมดข้างต้นเข้ากับทักษะการโจมตี ‘กระบี่สวรรค์พิฆาตศัตรู’

ระบบใช้ ‘กระบี่สวรรค์พิฆาตศัตรู’ โจมตีกลุ่มปีศาจทั้งหมด

ระบบได้รับค่าประสบการณ์ 12 ล้านคะแนน

ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 13.2 ล้านคะแนน

ระบบได้รับชื่อเสียงอัศวินมหึมา ชื่อเสียงอัศวินของระบบปัจจุบันคือ ‘ตำนานยุทธภพ’ ชื่อเสียงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อระดับตำนานถึง 100 จะได้รับการเลื่อนขั้นเป็น ‘อภิมหาเทพในตำนาน’

ระบบได้รับค่าพลังปราณมหึมาซึ่งปัจจุบันกำลังเอ่อล้นและเผื่อแผ่ไปยังร่างผู้ติดตาม ทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของผู้ติดตามทุกคนที่ได้เรียนรู้ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ พุ่งพรวดอย่างมากสามเดือน

ระบบกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ในดินแดนบุกเบิกของเสินโจวได้สำเร็จ โฮสต์ได้รับคะแนนความประทับใจ 10 คะแนนจากคุณสมบัติทั้งหมดของเทพมังกรจำแลงตัวจริง หากความประทับใจของเทพมังกรจำแลงธาตุไม้เกิน 50 คะแนน คุณจะได้รับโอกาสในการอัญเชิญเทพมังกรจำแลงธาตุไม้ 1 ครั้ง

หมายเหตุ: ระบบไม่สามารถครองร่างโฮสต์ขณะที่อยู่ในร่างเทพจำแลงได้ เนื่องจากตอนนี้อยู่ในระยะฟื้นฟู คะแนนความประทับใจทั้งหมดของเทพมังกรจำแลงตัวจริงจะถูกหักล้างทันทีและต้องสะสมใหม่อีกครั้ง ระดับพลังของเทพจำแลงมังกรตัวจริงที่อัญเชิญมานั้นสูงกว่าระดับพลังของโฮสต์ถึงสองระดับซึ่งเกินขีดจำกัดสูงสุดของระดับพลังโลก

ระบบได้รวบรวมซากสัตว์ปีศาจระดับบ่อน้ำจำนวน 505 ตัว ซึ่งถูกเก็บไว้ในพื้นที่เก็บรักษาความสดของระบบซึ่งใช้พื้นที่ 8,000 ลูกบาศก์เมตร พื้นที่เก็บรักษาความสดของระบบปัจจุบันมีปริมาตร 21,000 ลูกบาศก์เมตร)

ฟางหนิงรู้สึกแย่มากเมื่อเห็นบทสรุป เดิมทีแล้วระดับความแข็งแกร่งของเขาคือเท่าไรกันแน่?

หรือระดับเม็ดข้าว? เพราะงั้นเลยอัญเชิญเทพมังกรตัวจริงระดับช้อนส้อมได้เท่านั้นสินะ? ขืนอัญเชิญสิ่งนี้ออกมาได้ขายหน้าแย่เลย…

ไม่สิ การอัญเชิญจะอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายผู้กระทำเป็นหลัก เช่นนั้นเมื่ออัญเชิญระดับช้อนส้อมได้แสดงว่าเขาก็สามารถอัญเชิญระดับบ่อน้ำได้น่ะสิ? อัญเชิญหรือไม่อัญเชิญก็มีค่าเท่ากัน…

โดยทั่วไปหากผู้แข็งแกร่งไต่ถึงระดับที่สามารถเรียกเทพมังกรตัวจริงได้แล้ว ผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับบ่อน้ำขึ้นไปจะสามารถอัญเชิญเทพมังกรตัวจริงที่อยู่เหนือระดับทะเลสาบได้หนึ่งระดับ นับว่าเจ๋งสุดๆ

ปรากฏการณ์การหลอกผู้คนแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อระบบครองร่างเขาเพื่อสร้างความดีความชอบ

โชคดีที่ระบบกำลังวุ่นอยู่กับการอัพเกรดดังนั้นมันจึงไม่เกาะแกะเขาสักพัก แต่อย่าหวังว่ามันจะลืมเรื่องนี้เลย ต้องคิดหาทางถ่วงเวลาไว้ก่อน…

ขณะที่ฟางหนิงกำลังครุ่นความคิด เขาก็เหลือบไปเห็นหนอนยักษ์ผ่านมุมมองของระบบ

เขาเอ่ยถาม “ระบบ เมื่อไรแกจะอัพเกรดเสร็จสักที”

ระบบ “ครั้งนี้ใช้เวลาสองสามวัน การจะไปถึงระดับทะเลสาบไม่สามารถใช้คะแนนประสบการณ์แลกได้ ฉันต้องฝึกฝนควบคู่กันไปเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณมีปัญหาในการปรับตัว”

ฟางหนิงแสนรู้สึกโชคดี ดูเหมือนว่าระบบจะใช้เวลาสองสามวันนี้คอยดูแลเขา “อ้อ จริงด้วย ถึงอย่างไรมันก็เป็นระดับที่ใหญ่ ทั้งระยะก็ห่างกันทีเดียว งั้นเอาตัวหนอนยักษ์กลับไปก่อน ฉันยังมีบางอย่างที่อยากจะตะล่อมมันอีก”

หนอนยักษ์ที่เพิ่งเห็นมังกรหัวรุนแรงแสดงอิทธิฤทธิ์ไปหมาดๆ ในตอนนี้มันจึงเจียมตัวขึ้นมาก

อีกไม่กี่วันระบบก็จะสามารถไต่ถึงระดับทะเลสาบแล้ว ฟางหนิงรู้แก่ใจดี เขาไม่กลัวว่าเจ้านี่จะฟื้นฟูพลังหรอก

หลังจากวิ่งเต้นไปหนึ่งรอบอัศวิน A ก็พาหนอนยักษ์กลับไปยังเมืองฉี กลับมาที่ร้านอาหารตระกูลฟางอีกครั้ง โดยเลือกที่นั่งโซนวีไอพี

“เอาล่ะ ตอนนี้ถึงเวลาอาหารของเจ้าแล้ว” ฟางหนิงพูดกับหนอนเขียวยักษ์บนไหล่ของเขาขณะที่กำลังเดินอยู่ “ลงบันทึกบัญชีไว้ที่ข้าก่อน เมื่อสำนักงานสัจธรรมมอบรางวัลแล้วข้าจะหักในส่วนของเจ้าให้…อย่าได้กังวล ข้ายุติธรรมเป็นที่สุด เจ้าเองก็ลงแรงไปไม่น้อย ครั้งนี้แบ่งเป็นสามต่อเจ็ด เจ้าสามข้าเจ็ด ส่วนค่าล่วงเวลาไว้ข้าจะให้ทีหลัง”

แม้จะร่วมงานกันแต่สุดท้ายเขาก็ไม่จ่ายเช่นเดียวกับระบบ ทำให้ภาระตกไปอยู่ที่สำนักงานสัจธรรม…

ใช่แล้ว ฟางหนิงเป็นคนหัวหมอ หลังจากกินแรงคนอื่นเพื่ออัพเกรดระบบหลักเสร็จสิ้น สุดท้ายเขาก็จะโบ้ยให้คนอื่นจ่ายค่าจ้างล่วงเวลาของหนอนยักษ์ตัวนี้อีกตามเคย…

เมื่อได้ยินดังนั้นหนอนยักษ์ก็หน้าชื่นตาบาน มันรีบกลั้นหายใจตามอัศวิน A เข้าไปในที่นั่งโซนวีไปพีแล้วทิ้งตัวลงบนโต๊ะทันทีพลางจ้องไปที่ประตูรอคอยอาหารมาเสิร์ฟอย่างกระตือรือร้น

ฟางหนิงเริ่มชวนอีกฝ่ายพูดคุย

“หนอนยักษ์ เนื่องจากข้าสูญเสียความทรงจำส่วนใหญ่ไป ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ตระกูลไหนมาก่อน ได้โปรดบอกข้าที เผื่อเจ้าอาจเกี่ยวข้องกับตระกูลมังกรของพวกเรา หากต่อไปเจ้าไม่สามารถหาเงินมาซื้อกินได้แล้ว ข้าก็ยังสามารถช่วยเหลือเจ้าได้อีกสองครั้ง แน่นอนว่าเจ้าต้องบันทึกเอาไว้ด้วยนะ เพราะความอยากอาหารของเจ้ามีมากเกินไป…”

ในเวลานี้จานถั่วลิสงทอดถูกเสิร์ฟออกมาเป็นเครื่องเคียง

หลังบริกรเข้าไปเสิร์ฟอาหารในที่นั่งโซนวีไอพี เมื่อเห็นหนอนตัวนั้นแข้งขาของเขาก็อ่อนแรงลงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าอัศวิน A นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย เขาก็รู้สึกโล่งใจก่อนจะยิ้มและก้าวถอยหลังออกไป

หนอนยักษ์กลืนถั่วลิสงทั้งหมดลงภายในคำเดียว บดเคี้ยวอยู่ในลำคออย่างไม่รู้จบ ใช้เวลานานก่อนที่มันจะเปิดปากพูด “โอ้ พ่อของข้าไม่ให้ข้าพูด…”

ฟางหนิงรู้สึกพูดไม่ออก จากนั้นจึงคิดหาวิธี “ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่อาณาจักรเบื้องบนสักหน่อย เจ้าเป็นถึงหัวหน้าตระกูล เจ้าควรมีความคิดเป็นของตัวเอง เจ้าไม่สามารถขอคำแนะนำจากพ่อของเจ้าได้ทุกเรื่องหรอกนะจริงไหม?”

หนอนเขียวยักษ์พูดด้วยความงุนงง “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นหัวหน้าตระกูล? หนอนขาวยักษ์และพระโพธิสัตว์ก็พูดแบบนี้เหมือนกัน วิญญาณแมลงหนอนตัวแรกหรืออะไรเทือกนั้นเนี่ยแหละ”

ฟางหนิงแสร้งตีหน้าใสซื่อ “เจ้าหมายถึงพระโพธิสัตว์ปีศาจและนางพญาแมลงสินะ ข้ากับพวกเขาต่างสร้างมิตรภาพร่วมกันมามากมายฟังปราดเดียวก็รู้แล้ว เพราะข้ารีบมาจึงวางรากฐานที่มั่นคงบนโลกนี้ได้สำเร็จและมีชื่อเสียงอย่างกว้างขวาง หากเจ้าไม่บอกกล่าวภูมิหลังของเจ้ามา ข้าก็ไม่อาจไว้ใจเจ้าได้ ฉะนั้นมื้ออาหารนี้ข้าคงจะเลี้ยงเจ้าไม่ได้…ทำได้เพียงรอคอยรางวัลจากสำนักงานสัจธรรม จนถึงตอนนั้นเจ้าถึงจะมีเงินมาจ่ายกิน”

หนอนยักษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “สำนักงานสัจธรรมจะส่งเงินมาเมื่อไร? ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์ทุกคนที่นี่ต้องมีบัญชีธนาคาร”

ฟางหนิง “โดยปกติจะใช้เวลาห้าถึงหกวันหรืออาจใช้เวลามากกว่าสิบวัน อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นองค์กรของรัฐย่อมต้องดำเนินตามขั้นตอน เงินไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ไม่สามารถโอนปุบปับได้”

เมื่อได้ยินว่ามันใช้เวลานานมาก หนอนยักษ์ก็สัมผัสได้ถึงท้องของมันที่คำราม มันลังเลและพูดว่า “เห็นว่าเจ้าเคยเป็นคนดีมาก่อน ข้าจะบอกคุณก็แล้วกัน ข้ามาจากตระกูลเทพของอาณาจักรเบื้องบน กับตระกูลมังกรของพวกเจ้านับว่าก็สนิทสนมกันมากอยู่ เพียงแต่คนของพวกเจ้ามีน้อยเกินไปทั้งบางคนก็ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมาหลายปี เจ้าบอกว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำ เช่นนั้นข้าเองก็คงไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเจ้าเคยเป็นใคร…ภูมิหลังไม่ทราบที่มาแบบนี้ บอกตามตรงข้าก็ไม่รู้จะไล่เรียงลำดับญาติยังไงดี”

ตระกูลเทพงั้นเหรอแค่ได้ยินก็เจ๋งโคตรๆ แล้ว ไม่แปลกใจที่พวกเขาบรรลุถึงระดับทะเลสาบเทียนหู เดี๋ยวก่อนนะ ฟางหนิงพลันคิดได้หนึ่งคำถาม

เขาถามระบบที่กำลังอัพเกรดอยู่ว่า “แกเคยคิดจะตั้งระดับเทียนหูใช่ไหม?”

ระบบ “ใช่ มันเคยเป็นพลังที่แข็งแกร่งมากแต่ก็ไม่ใช่ระดับที่สูงอะไร มันเทียบเท่ากับจุดสูงสุดของระดับทะเลสาบนั่นแหละ เดิมทีฉันคิดจะสร้างระดับเทียนหูขึ้นมาแต่แล้วก็คิดได้ว่าเพิ่งจะสร้างระดับบ่อน้ำไปได้ไม่เท่าไร เลยไม่อยากหาเรื่องใส่หัว”

ฟางหนิงนิ่งอึ้ง ระบบเป็นคนเอาแต่ใจขนาดนี้เลย…

จากนั้นเขาจึงใช้ข้ออ้างในการฟื้นความทรงจำเพื่อแอบดึงข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลมังกรในอาณาจักรเบื้องบนมาจากปากของหนอนยักษ์…

ตราบใดที่ไม่เกี่ยวกับความลับของหนอนยักษ์ มันก็ไม่ต้องกังวล ฟางหนิงถามอะไรมันก็ตอบสิ่งนั้น โชคดีที่มันไม่จำเป็นต้องเคี้ยวอาหาร ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีเวลาตอบ เนื่องจากฟางหนิงถามคำถามมากเกินไปหน่อย

คำถามที่ว่าเคยเจอมังกรของตระกูลมังกรกี่ตัว งานอดิเรก อาหารการกินส่วนใหญ่ ไปจนถึงพลังจุดแข็งจุดอ่อนของพวกมัน ทุกอย่างถูกถามอย่างต่อเนื่อง…

จนท้ายที่สุดฟางหนิงก็ได้เข้าใจคร่าวๆ ว่าตระกูลมังกรในอาณาจักรเบื้องบนนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง มังกรตัวจริงที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นถูกขนานนามว่าเทพมังกรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการของฟางหนิงไปมาก เจ้านั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถทลายแผ่นดินได้ด้วยเพียงกรงเล็บเดียว…

ขณะที่ตอบคำถาม เจ้าหนอนยักษ์ก็เขมือบอาหารในจากอีกใบไปพร้อมกัน เรียกได้ว่ามันแทบไม่ปล่อยจานเลยด้วยซ้ำ

ถึงจะเป็นตัวกินจุสมองตื้นแต่มันก็ไม่ได้โง่ เพียงคิด ‘ฮิฮิ อยากถามก็ถามไป รอข้าอิ่มก่อนเถอะ เรื่องที่เจ้าทำข้าเสียหน้าในร้านเมื่อครู่ ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม…’

ในเมื่อทำร้ายคนดีไม่ได้ ถึงทีข้าเมื่อไรจะลงโทษเจ้าให้แต่งเพลงใหม่ให้ข้าสักพันเพลงซึ่งทั้งหมดต้องเกี่ยวกับของกิน

……………………………………………….