ตอนที่ 918 เรื่องราวแห่งความทุกข์ทรมานกำลังเริ่มต้น

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“ย้ายจากกองทัพไปมีแต่หน่วยงานที่อยากได้ตัว ถ้าไม่เชื่อไว้มีเวลาให้พี่พาไปดูที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจไหมล่ะ? หลายคนเคยเป็นทหารมาก่อน” อวี๋หมิงหลางพูดไม่หมด ตำรวจพวกนั้นล้วนเคยเป็นทหารที่มากฝีมือ ทหารธรรมดามีเหรอจะย้ายได้?

สอบเข้าโรงเรียนทหารไม่ได้ทุกอย่างก็จบ แต่เรื่องพวกนี้เขาเลือกที่จะปิดบังไว้

“เป็นทหารเหนื่อยมากเลยไม่ใช่เหรอ?” ต้าหลงติดกับอย่างซื่อๆ

“มีพี่อยู่ทั้งคน” พูดไปแค่ครึ่งเดียว มีพี่อยู่ทั้งคน เหนื่อยกว่าเดิมแน่

“เชื่อได้เปล่าพี่?”

“มีพี่อยู่จะกลัวไร” อวี๋หมิงหลางหลอกเด็กอีกแล้ว

เด็กคนนี้อยากใช้เส้นมากไม่ใช่เหรอ หลอกให้เข้าไปก่อน เอาไปหลอกคราบสักหนึ่งชั้น ปรับทัศนคติเสียใหม่ เอาให้เหนื่อยตายไปเลย!

ต้าหลงก็แค่ยังเด็กเกินไป ขาดประสบการณ์การใช้ชีวิตในสังคม ยกนู่นนี่มาอ้างหน่อยก็เชื่อแล้ว

เสี่ยวเฉียงหลอกต้าหลงจนหลงกล ต้าหลงดื่มเบียร์หมดแก้วก็หน้าแดงก่ำ สายตาดูฮึกเหิมกล้าหาญขึ้นมาทันที

“พี่เขยวางใจได้ ถ้าอีกหน่อยผมไปได้สวย ผมไม่ลืมพี่กับพี่สาวผมแน่นอน!”

“อืม พี่จะรอวันนั้น”

“งั้นเราตกลงกันแล้วนะ ถ้าคะแนนผมถึงแค่เข้าเรียนสายอาชีพผมจะพักการเรียนไว้แล้วไปเป็นทหาร พี่เขย ช่วยผมเลือกที่ดีๆหน่อยนะ เอาแบบที่ไม่ทรมานมาก ผมไม่อยากเหนื่อย”

“ดูจากพื้นที่ตามทะเบียนบ้านของนายมีค่ายทหารดีๆพอดี ถึงตอนนั้นนายไปที่นั่นรับรองไม่มีปัญหา ไม่เหนื่อย” ไม่เหนื่อยที่ไหนกันเล่า!

“แล้วทหารที่พี่ว่าเป็นทหารแบบไหนเหรอ ทหารราบ ทหารปืนใหญ่ หรือทำงานหลังบ้าน?”

ต้าหลงไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ แค่เคยได้ยินคนพูดถึง

“ถึงตอนนั้นนายก็จะรู้เอง มันเหมาะกับนายมากๆ”

ต้าหลงเห็นพี่เขยยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ก็หลงกลเชื่อหมดใจ

รอจนถึงวันที่เขาแบกพลั่วเดินขึ้นเขาตะโกนเรียกฟ้าเรียกดินมีแต่ความเงียบตอบกลับ พบว่าตัวเองถูกพี่เขยหลอก ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว

เสี่ยวเฉียงเลือกทหารหน่วยที่เหนื่อยที่สุดให้เขา ใช้เส้นสายบ้าบออะไร ไม่อยากได้สิ่งไหนก็ต้องโดนสิ่งนั้น ตอนที่ต้าหลงเหนื่อยขั้นสุด สุดท้ายเขาก็จะเข้าใจคำพูดของอวี๋หมิงหลางในตอนนั้น ใครใช้ให้เขาไม่รู้จักพี่เขยดีพอล่ะ

เขาจะได้เข้าใจเสียทีว่าอวี๋หมิงหลางก็คือหมาป่าในคราบลูกแกะ!

ยิ้มอ่อนโยนบ้าบออะไร มีพี่อยู่ทั้งคนกับผีสิ โกหกทั้งนั้น คน หลอก ลวง!

แน่นอนว่า นั่นเป็นเรื่องในภายหลัง ต้าหลงในตอนนี้พลังเต็มเปี่ยม จิตใจพร้อมสู้เต็มที่ ดื่มเบียร์แก้วแล้วแก้วเล่า สุดท้ายเมาจนคอพับ เขาจำได้แค่ว่าพี่เขยหามเขากลับบ้าน

พี่เขยเป็นคนที่พึ่งพาได้จริงๆ ต้าหลงที่กำลังเมาคิด

เรื่องราวแห่งความทุกข์ทรมานของต้าหลงเริ่มต้นที่เบียร์ไม่กี่แก้วนี้ อวี๋หมิงหลางมองน้องเมียที่เมาจนสลบไปพลางพูดพึมพำกับเงาของพวกเขาทั้งสองคน

“เด็กโง่เอ๊ย พึ่งฟ้า พึ่งดิน พึ่งเส้นสายยังไม่สู้พึ่งตัวเอง มีทางลัดที่ไหนกัน ทุกอย่างล้วนต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง หวังว่านายจะเก่งขึ้นในเร็ววันนะ แล้วนายจะเข้าใจความลำบากของพี่สาวตัวเอง…”

ตอนเสี่ยวเชี่ยนตื่นอวี๋หมิงหลางก็ไม่อยู่บ้านแล้ว เจี่ยซิ่วฟางบอกว่าเสี่ยวเฉียงอาจไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แถมยังทำอาหารเช้าไว้ให้คนในบ้านด้วย

พอกินอาหารเช้าเสร็จเสี่ยวเชี่ยนเตรียมจะพาต้าหลงไปดูสนามสอบเพื่อทำความคุ้นเคยแต่ก็มีคนมาเคาะประตูเสียก่อน

เจี่ยซิ่วฟางเปิดประตูก็เห็นพ่อลูกอ่อนที่อยู่บ้านตรงข้ามหิ้วผลไม้ยืนอยู่หน้าบ้าน

“โอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้น!” เจี่ยซิ่วฟางทำตัวไม่ถูก

“คุณน้าครับ ช่วงหลายวันมานี้พวกเราสร้างความลำบากให้ ลูกผมร้องไห้งอแงกลางดึกบ่อยๆ รบกวนลูกชายคุณน้าที่กำลังเตรียมตัวสอบ ผมต้องขอโทษจริงๆครับ ผมซื้อผลไม้มาแบ่งให้เพื่อนบ้าน ช่วยรับไว้ด้วยนะครับ”

“อ้อ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพื่อนบ้านกันทั้งนั้นจะซื้อของมาให้ทำไม น้าก็มีลูกย่อมเข้าใจอยู่แล้ว เด็กบ้านไหนไม่ร้องไห้งอแงบ้าง—จริงสิ แล้วลูกเป็นไงบ้าง?”

พูดถึงเรื่องลูก พ่อลูกอ่อนคนนี้ก็มีสีหน้ารู้สึกผิด “โชคดีที่พาไปส่งได้ทันเวลา ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ หมอบอกว่าดีที่พวกเราพาลูกไปโรงพยาบาล ต่อไปห้ามเชื่อหนังสือที่เขียนส่งเดชพวกนั้นเด็ดขาด”

“ดูแลลูกให้ดีก็พอ ผลไม้นี่เอากลับไปกินเถอะ” เจี่ยซิ่วฟางบอกปัด แต่พ่อลูกอ่อนก็พยายามยัดเยียดแล้ววิ่งหนีไป เขายังต้องไปขอโทษเพื่อนบ้านชั้นบนกับชั้นล่างอีก

“พ่อหนุ่มคนนี้นี่จะเกรงใจอะไรนักหนา” เจี่ยซิ่วฟางส่ายหน้า

ต่อมาได้ยินว่าพ่อลูกอ่อนได้เอาผลไม้ไปขอบคุณป้าคนนั้นที่ได้ช่วยลูกของเขาไว้ เรื่องทะเลาะกันต่างไม่มีใครพูดถึง

“ลืมไปเลยว่าเมื่อวานแม่บ่นเรื่องเสียงเด็กร้อง แค่ให้ผลไม้แค่นี้ก็ดีใจอย่างกับอะไร ฉวยโอกาสชัดๆ”

ต้าหลงพูดพลางดื่มน้ำเต้าหู้

เจี่ยซิ่วฟางตบกะโหลกลูกชายหนึ่งที ต้าหลงเลยสำลัก

“แม่! ผมจะสอบอยู่แล้วนะ แม่มาตบหัวผมถ้าเกิดผมโง่ขึ้นมาจะทำไง!”

“นี่มันเป็นเรื่องผลไม้ที่ไหนกัน? มันเป็นผลจากการที่เพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือกันต่างหาก—เหล่าเลี่ยว ตอนนี้ลูกท้อโลละเท่าไร?” เจี่ยซิ่วฟางเห็นผลไม้ในมือคือลูกท้อจึงถามขึ้น

“ลูกเล็กก็โลละห้าเหมา ลูกใหญ่ก็น่าจะโลละหยวน ถ้าในเมืองใหญ่ๆก็อาจจะโลละหนึ่งหยวนห้าเหมา” พ่อเลี่ยวไปจ่ายตลาดเป็นเพื่อนเจี่ยซิ่วฟางบ่อยๆ จึงรู้เรื่องราคาผักผลไม้ดี

“พอได้ ค่อยน่ารับไว้หน่อย เดี๋ยวล้างให้สะอาดแล้วแช่เย็นไว้…”

เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองเงียบๆไม่พูดอะไร

คนส่วนใหญ่ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพียงแต่บางครั้งเรื่องราวมันฉุกละหุกจนไม่ทันได้คิด พอมีจุดเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย แต่ละฝ่ายต่างถอยให้กันแค่นั้นก็หมดเรื่องแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ต่อให้เป็นเจี่ยซิ่วฟางที่ชอบช่วยคนนู้นคนนี้ก็ยังมีนิสัยที่ชอบฉวยโอกาสเล็กๆน้อยๆเลยไม่ใช่เหรอ?

“ยังจะบอกว่าไม่ได้ฉวยโอกาสอีก…” ต้าหลงพึมพำ

“ทำไมถึงได้พูดมากแบบนี้? เอาอย่างพี่สาวแกบ้างซิ ไม่เห็นเขาจะพูดมากแบบแกเลย!”

“ถ้าผมมีสมองเหมือนพี่ ผมยังต้องเรียนอีกเหรอ?” ต้าหลงชินนานแล้วที่แม่ชอบเอาเขาเปรียบเทียบกับพี่สาว

“พี่แกฉลาดเหมือนฉันนี่ไง แต่ที่เขาฉลาดแบบนี้ใช่ว่าจะไม่ต้องเรียนหนังสือ! ตอนนั้นที่พี่แกจะสอบต้องเปิดไฟอ่านหนังสือจนดึกดื่น แล้วดูแกสิ!”

เสี่ยวเชี่ยนพอได้ยินแม่พูดว่าเธอฉลาดเหมือนแม่ก็มุมปากกระตุก พูดในใจว่า ถ้าเธอเหมือนแม่ก็หมดสิ้นความหวังแล้วล่ะ จะสอบเข้าโรงเรียนอาชีวะได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

“หลายวันก่อนฉันอ่านหนังสือพิมพ์ ในนั้นเขียนไว้ว่า ความฉลาดของลูกได้มาจากแม่! ถ้าเห็นเด็กที่ฉลาดๆก็เดาได้เลยว่ามีแม่ที่ฉลาด! อย่างฉันนี่ไง ฉันฉลาดเชี่ยนเอ๋อก็เลยเก่งสุดๆ ดูซิเดี๋ยวก็จะสอบเรียนปริญญาเอกแล้ว ฉันน่ะเกิดผิดยุค ถ้าเกิดยุคดีๆล่ะก็เรียนจบมหาลัยไปแล้ว!”

พูดเรื่องเสี่ยวเชี่ยนฉลาดไม่ใช่เหรอ ในสถานการณ์แบบนี้ แค่ยิ้มๆไว้ก็พอ ห้ามเถียงเด็ดขาด!

พ่อเลี่ยวเองก็เหมือนกัน ส่งยิ้มให้เออออตามไปด้วย

“ใช่ คุณพูดถูก!”

ดูเอา คนฉลาดเขาทำตัวกันแบบนี้

“หึหึ…ถึงผมจะเรียนชีวะไม่เก่ง แต่ผมก็รู้ว่าอย่างพี่น่ะเป็นพวกกลายพันธุ์ ยีนกลายพันธุ์…ดูผมแล้วหันไปดูแม่สิ แบบนี้หรอกที่เขาเรียกว่ากรรมพันธุ์”

ต้าหลงรู้สึกว่าตอนนี้ไอคิวตัวเองกำลังพุ่งกระฉูด ความรู้ที่เรียนได้จากวิชาชีวะนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม

จากนั้นก็ตามมาด้วยหมัดทะลวงไส้ของพี่สาวพุ่งเข้าที่แก้มซ้าย ฝ่ามือพิฆาตของแม่ฟาดเข้าที่แก้มขวา น็อคเอ๊าท์!

สมัยนี้พูดความจริงทำไมอยู่ยากแบบนี้