ตอนที่ 199 มาทันเวลาอย่างหวุดหวิด

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

“ซุนซ่างชูของพวกเจ้าต้องการพบข้าทำไมรึ?” ซูหวานหว่านเหลือบมองคนเหล่านั้น และเห็นป้ายแสดงสถานะของพวกเขาที่ผูกเอาไว้ที่เอว ทำให้รู้ว่าชายพวกนี้เป็นพลลาดตระเวนตัวจริง แต่นางคิดไม่ออกว่าเหตุใดคนของซุนซ่างชูจะต้องเรียกตัวนางไป จึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ?”

“เมื่อไปถึงเจ้าจะรู้เอง” พลลาดตระเวนคนหนึ่งพูดออกมา

ซูหวานหว่านไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ นางหันไปสบตาฉีเฉิงเฟิงและทั้งสองคนก็ตอบตกลงที่จะไป หญิงสาวจึงพูดออกมาอีกครั้งว่า “ไม่จำเป็นต้องใช้เชือก ข้าเป็นผู้ชาย ในเมื่อพูดว่าจะไปข้าก็จะไป ข้ารักษาสัจจะอยู่แล้ว”

พลลาดตระเวนคนนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เดินตามหลังซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงไปพร้อมกับกลุ่มคนอื่น ๆ ไปยังศาลาว่าการ และเมื่อพวกเขามาถึงก็เห็นว่าซุนซ่างชูนั่งรออยู่ในห้องโถงอยู่แล้ว โดยยังมีซุนฮวนและเจียเหวินยืนอยู่ข้าง ๆ อีกด้วย!

อีกทั้งยังมีผู้ดูแลร้านซุยชุนโหลวนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นอย่างเงียบ ๆ และเมื่อเห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามาก็พูดออกมาว่า “ใต้เท้าท่านจับผิดคนแล้ว! ชายคนนี้บอกว่าเขาชอบผู้ชาย เขาไปตามหาผู้ชายที่นั่น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับร้านของพวกเราเลยแม้แต่น้อย! ส่วนผู้ชายพวกนั้นที่บอกว่าตัวเองถูกปล่อยตัวออกมามันเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น พวกท่านดูสิ พวกผู้ชายที่หลบหนีออกมาได้พูดอะไรเกี่ยวกับหอซุยชุนโหลวบ้าง? ใต้เท้าได้โปรดยกเลิกคำสั่งและให้พวกเรากลับมาเปิดร้านเถิดขอรับ!”

เมื่อได้ยินแบบนั้นซูหวานหว่านก็รู้สึกตกใจและไม่เข้าใจเล็กน้อย นางได้ช่วยชายพวกนั้นออกมา อีกทั้งยังให้ยาแก้พิษกับพวกเขา จากนั้นก็ให้พวกเขาแยกกันไปหาที่พักผ่อน เป็นไปได้หรือไม่ว่า… พวกเขาทั้งหมดกลับบ้านไปแล้ว แต่พอคิดไปคิดมาก็คงไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ออกมาอยู่แล้ว เพราะกลัวจะกระทบกับชื่อเสียงของตน

ซูหวานหว่านคิดเอาไว้อย่างนั้น แต่ใครจะรู้ว่ามันคือข้อสันนิษฐานที่ถูกต้อง! ซุนซ่างชูเคาะไปที่กระดานแล้วพูดว่า “เป่ยฉวนเฟิงหลิว พวกเจ้าทั้งสองคนไปทำอะไรกันที่นั่นในตอนกลางคืน มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“ในวันนั้นมีคนจำนวนมากที่เดินออกมา และพวกเขาทั้งหมดก็มีตา ท่านน่าจะพาพวกเขามาเพื่อไต่สวน อีกอย่างในคืนนั้นก็มีพลลาดตระเวนของท่านอยู่ด้วย และพวกเขาก็เห็นทุกอย่างหมดแล้วไม่ใช่หรือ?” ซูหวานหว่านพูดออกมา

แต่ซูหวานหว่านกลับเผลอเปิดช่องโหว่เอาไว้ ซึ่งเจียเหวินก็ได้เตรียมเอาคืนนางแล้ว! ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ปล่อยเวลามานานถึงเพียงนี้หรอก

เจียเหวินขยิบตาให้กับผู้ดูแลร้าน ทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาทันที “เช่นนั้นก็เรียกตัวมาไต่สวนได้เลย! คนของเราไม่มีใครทำแบบนั้นอย่างแน่นอน!”

ซูหวานหว่านรู้สึกตะหงิดใจเล็กน้อย เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็มีพลลาดตระเวนและกลุ่มผู้ดูแลร้านจากทางทิศตะวันออกเดินเข้ามาในห้องโถง และทุกคนก็พูดออกมาว่า “ในกลางดึกคืนนั้นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น! ข้าตื่นขึ้นมากลางดึกหลายรอบแต่ไม่เห็นมีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย!”

“นั่นสินะ! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดหอซุยชุนถึงถูกสั่งปิดได้!”

“…”

นางยังไม่ได้ร้องเรียนเรื่องหอซุยชุนโหลวเลย ในคืนวันนั้นเป็นกลุ่มพลลาดตระเวนเองต่างหากที่จับผู้ดูแลร้านและคนอื่น ๆ ไปไว้ที่ห้องขัง ซูหวานหว่านเหลือบมองไปที่เจียเหวิน และก็เห็นว่าแววตาของเขาดูภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก สิ่งนี้ทำให้นางเริ่มรู้สึกไม่มีความสุขและพูดออกมาว่า “แล้วท่านซุนซ่างชูจะทำอะไร จะจับพวกเราสองคนงั้นหรือ แต่ว่าพี่ชายของข้าและข้าทำอะไรผิด พวกท่านมีหลักฐานหรือไม่?”

เจียเหวินรีบขยิบตาให้กับผู้ดูแลร้านอีกครั้ง “ในคืนวันนั้นเรื่องราวมันเกิดขึ้นเร็วมาก พ่อหนุ่มทั้งสองคนนี้ได้พยายามจะเอาคนใช้ในร้านของเราไป แต่เมื่อเห็นพลลาดตระเวนพวกเขาก็พยายามปล่อยข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับหอซุยชุนโหลวของข้า แบบนี้มันมากเกินไปจริง ๆ! ข้าหวังว่าท่านใต้เท้าจะลงโทษพวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่ร้านของข้าด้วย!”

ผู้ดูแลร้านชักจะหน้าด้านเกินไปแล้ว เหตุใดถึงไม่ไปเป็นนักเขียนบทละครไปเสียล่ะ ซูหวานหว่านกลอกตาไปมาและพยายามสงบสงบสติอารมณ์ แล้วพูดออกมาว่า “ข้านึกไม่ถึงเลยว่าผู้ดูแลร้านจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และพบเจอหลักฐาน แต่พวกท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ทำอยู่เรียกว่าปกปิด พวกท่านควรรู้ไว้นะว่าพลาดอะไรไป”

พวกเขาจะพลาดอะไรไปอีก? เจียเหวินและซุนฮวนต่างมองหน้ากัน พวกเขาสองคนสบตากันอยู่สักพัก ก่อนจะละสายตาออกจากกัน และเจียเหวินก็พูดขึ้นมาว่า “เป่ยฉวนเฟิงหลิว! เจ้าก็เป็นผู้ชาย หากเจ้าทำผิดก็ต้องยอมรับมันสิถึงจะถูก!”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมจะต้องยอมรับ?” ซูหวานหว่านปฏิเสธ “ข้ายอมรับว่าพี่ชายของข้าและตัวข้านั้นได้เข้าไปในหอซุยชุนโหลวจริง แต่ข้าไปเพื่อตามหาชายคนหนึ่งและไปตามหาหลักฐานกับช่วยเหลือคนอื่นออกมา! เหตุใดเจ้าต้องใส่ร้ายข้า และข้าก็ยังคงมีพยานคนอื่น ๆ อีก”

ซูหวานหว่านจะมีพยานได้อย่างไรกัน!

คนที่หลบหนีออกมาได้วันนั้นถูกเขาข่มขู่เอาไว้หมดแล้ว บางคนก็ถูกจับตัวกลับมา และบางคนก็หลบหนีไปอยู่ที่ไกล ๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว!

เจียเหวินจึงเร่งเร้าออกมาอีกว่า “เป่ยฉวน เจ้าจะมีพยานได้อย่างไร? ในเมื่อตอนนี้หอซุยชุนโหลวนำพยานมามากมายแล้ว ทั้งพยานและหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่นี่ ท่านซุนซ่างชูจับกุมพวกเขาทั้งสองคนไปได้เลยขอรับ!”

เขาคงจะอยากให้นางตายเร็ว ๆ สินะ ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะและพูดออกมาว่า “ท่านใต้เท้ารู้หรือไม่ว่าลูกชายคนเล็กของท่านหายตัวไปไหนมาเมื่อสองสามวันก่อน? ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาถูกคนของหอซุยชุนโหลวจับตัวเอาไว้ แล้วเขาก็เพิ่งได้กลับไปอยู่ที่บ้าน ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่?”

“รุยเอ๋อร์แค่ไปเล่นสนุกตามประสาของเด็ก เขาไปที่บ้านป้าของเขาแล้วไม่ได้บอกข้าเท่านั้น แล้วพี่ชายของเขาก็พาตัวเขากลับบ้านแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน!”

เหลวไหล! ดูเหมือนว่าซุนฉางอานจะกลัวซุนซ่างชู ทำให้เขาไม่พูดความจริงออกมา!

นางมองไปที่ซุนซ่างชู กำลังจะบอกว่าให้ไปตามซุนรุยมา แต่แล้วซุนซ่างชูก็เคาะไปที่กระดานไม้แล้วพูดว่า “ใครก็ได้! มาลากตัวทั้งสองคนออกไป โบยพวกเขาเป็นจำนวนยี่สิบครั้งก่อนที่จะนำตัวไปพิจารณาคดี!”

เขาไม่ให้โอกาสนางอธิบายด้วยซ้ำ! ซุนซ่างชูผู้นี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย อีกทั้งยังจะจับนางไปทรมานอีกด้วย!

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วพร้อมเตะพลลาดตระเวนที่จะเข้ามาจับนาง และพูดเยาะเย้ยออกมาว่า “ข้าไม่นึกเลยว่าซุนซ่างชูจะโง่ถึงเพียงนี้”

กล้าดีอย่างไรมาด่าเขา? มันจะมากเกินไปแล้ว! ต่อให้คนคนนั้นเป็นถึงขุนนางชั้นสูงในราชสำนักก็ไม่มีใครกล้าพูดจาแบบนี้กับเขา! ซุนซ่างชูโกรธเป็นอย่างมาก “ใครก็ได้มาจับตัวเขาที! ข้าจะตีเขาให้ตายคามือ!”

แววตาของซูหวานหว่านฉายแววอาฆาต หากไม่ใช่เพราะร้านอาหารของคุณชายถังอยู่ในเมืองนี้ และหากซุนฉางอานนั้นไม่ได้เป็นเพื่อนนาง นางคงจะทุบศาลาว่าการแห่งนี้จนพังแน่ ๆ ซูหวานหว่านลุกขึ้นยืน ดึงตัวฉีเฉิงเฟิงหันหลังกลับเดินออกไป เมื่อซุนซ่างชูเห็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งโกรธจัดตะโกนออกมาว่า “มันกำลังจะหนีไปแล้ว! ใครก็ได้! มาจับตัวพวกเขาสองคนเอาไว เร็วเข้า!”

พลลาดตระเวนที่อยู่บริเวณศาลาว่าการวิ่งเข้ามาในห้องโถง พร้อมกับมาขวางทางของพวกเขาเอาไว้ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านพ่อ ช้าก่อน!”

ซุนฉางอานและซุนรุยปรากฏตัวขึ้นอยู่ที่หน้าประตูห้องโถง พวกเขาก้าวเดินเข้ามาช้า ๆ พลางเหลือบมองเจียเหวินและซุนฮวน “ข้าก็ว่าแล้วว่าทำไมห้าวันมานี้พวกเราถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก ที่แท้ก็มีเรื่องบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นที่ศาลาว่าการนี่เอง”

มันคงจะไม่เป็นอะไรหากมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับซูหวานหว่านทำให้เขาไม่สามารถทนอยู่เฉย ๆ ได้ จึงพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “คุณชายเจีย เจ้ามาที่นี่ในนามอะไร กลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าเป็นของหอซุยชุนโหลวอย่างงั้นหรือ?”

แน่นอนว่าคนภายนอกไม่รู้ความจริงของเรื่องนี้! ผู้ดูแลร้านเห็นสีหน้าของเจียเหวินเปลี่ยนสี เขาจึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ตึกนั้นเป็นของคนอื่น! เหตุใดพวกท่านถึงพูดเสมอว่ามันเป็นของเขา!”

สรุปแล้วเป็นของใครก็ยังไม่มีใครรู้เลย ซูหวานหว่านกลอกตาไปมาและกำลังจะเดินออกไป แต่ซุยรุยกลับปล่อยมือที่จับซุนฉางอานเอาไว้และวิ่งเข้าไปกอดต้นขาของนางแล้วพูดว่า “ท่านพี่เป่ยฉวน! ในที่สุดข้าก็เจอท่านแล้ว เมื่อไรท่านจะไปเล่นกับรุยเอ๋อร์บ้าง? รุยเอ๋อร์คิดถึงท่านเหลือเกิน!”

อะไรนะ? ซูหวานหว่านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อซุนรุย? ซุนซ่างชูรู้สึกแปลกใจ และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

ซูหวานหว่านหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับนั่งลงยอง ๆ และกอดซุนรุยเอาไว้ “รุยเอ๋อร์ เจ้าบอกทุกคนไปสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในคืนวันนั้น ทวงความยุติธรรมกลับคืนมาให้ข้าที”

เจียเหวินตื่นตระหนก จบแล้ว จบเห่แน่ ๆ! และในตอนนี้หอซุ่ยชุนโหลวของเขาก็ต้องจบลงด้วยเช่นกัน!