บทที่ 310 ปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจลอกเลียนได้!

จอมบงการเทพยุทธ์

บทที่ 310 ปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจลอกเลียนได้!

PS: นางอลังการจริงๆนะครับจากบทก่อนหน้านี้

จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญยืนนิ่งบนเก้าสวรรค์ รับรู้การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเองอย่างเงียบๆ

จากจุดสูงสุดของเซียนนิรันดร์ ก้าวข้ามไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์แม้ว่าจะไม่ยากเท่ากับจากก้าวข้ามจากผู้ที่ได้มาทีหลังเป็นผู้กุมชะตาโดยกําเนิดไม่ถึงกับถือกําเนิดใหม่ผลัดกระดูกเปลี่ยนกล้ามเนื้อเช่นนั้น

แต่ในแง่ของผู้ที่ได้มาภายหลัง เขตแดนเซียนนิรันดร์และเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ก็นับได้ว่าเป็นช่องว่างระหว่างฟ้าดินอย่างแท้จริงเช่นกัน

เซียนนิรันดร์และราชันเซียนนิรันดร์ ก็เปรียบเหมือนกับผู้ที่ได้รับมาภายหลังและผู้ที่ได้มาโดยกําเนิด

นี่คือการก้าวกระโดดที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นช่องว่างระหว่างฟ้าดิน

แดนนิรันดร์นั้นกว้างใหญ่ไร้ที่สุดแต่ตั้งแต่วันเดือนปีที่ไม่รู้จบมีราชันเซียนนิรันดร์ปรากฏขึ้นมากี่คนกัน?

เกรงว่าจะนับได้ด้วยมือเดียว

แล้วเซียมนิรันดร์ล่ะ?

หลังจากหลายแสนปีผ่านไปโดยเฉลี่ยจะมีเซียนนิรันดร์ปรากฏตัวขึ้นหนึ่งคน

จากสิ่งนี้ สามารถเห็นได้ว่า การก้าวข้ามจากเซียนนิรันดร์ไปเป็นราชันเซียนนิรันดร์นั้นยากเพียงไหน

ตอนนี้ จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญประสบความสําเร็จบรรลุเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ก้าวข้าม

จากบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ได้รับมาภายหลังและกลายเป็นผู้มีความสามารถที่แท้จริง

เพียงพอที่จะกลายเป็นตัวตนอันครอบงําฟ้าดิน

ในอดีตก่อนหน้านี้ในพิภพเบื้องล่างนางก็ทรงอํานาจเช่นกันแต่ก็สามารถครอบครองได้เพียงเฉพาะพื้นที่หนึ่งในพิภพเท่านั้น

แต่หลังจากเลื่อนเขตแดนเป็นราชันเซียนนิรันดร์แล้วนางก็สามารถที่จะมองไปยังทุกดินแดนในโลกอันไร้ที่สุดสามารถไปได้ในทุกที่!
“นี่คือเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์งั้น ”

จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญยกมือขึ้นเบาๆมองไปยังฝ่ามือที่เหมือนกับผลึกอันกระจ่างใสประดุจหยกคู่หนึ่ง

ผิวเรียบเนียนประดุจหยกที่สวยที่สุดในพิภพเปี่ยมไปด้วยความงดงาม

แต่ในสายตาของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญนางกลับมองเห็นอนุภาคหลายร้อยล้านอนุภาคนั่นคือหน่วยพื้นฐานที่ประกอบขึ้นเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตทุกอนุภาคล้วนเปล่งประกายและทุกอนุภาคเปี่ยมไปด้วยความยิ่งใหญ่

ด้วยพลังอันมากมายเหลือล้น

จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญประสบความสําเร็จในการก้าวเข้าสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ซึ่งแตกต่างจากราชันเซียนนิรันดร์คนอื่นอย่างมาก

ราชันเซียนนิรันดร์คนอื่นนั้นตรึงวิญญาณพํานักไว้ระหว่างฟ้าดิน สะสมความแข็งแกร่งเพื่อทําลายพันธนาการของฟ้าดิน

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เนื่องจากวิญญาณพํานักได้เกาะเกี่ยวอยู่ระหว่างฟ้าดินจึงมีการเชื่อมต่อที่แยกไม่ออกกับฟ้าดินตามธรรมชาติ
แม้ว่าวิญญาณพํานักจะแยกตัวจากฟ้าดินแต่ก็ไม่ได้ตัดการเชื่อมต่อกับฟ้าดินได้อย่างสมบูรณ์

แต่จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่เพียงแต่วิญญาณพํานักจะอยู่ในร่างกายเท่านั้นยังย่อยสลายวิญญาณพํานักอย่างสมบูรณ์รวมเข้ากับอนุภาคเซลล์หลายพันล้านตัวในร่างของนางเองด้วย

อาจกล่าวได้ว่าการก้าวข้ามไปของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญนั้น เป็นก้าวข้ามไปที่สมบูรณ์ซึ่งขจัดการเชื่อมโยงกับฟ้าดินออกไปอย่างแท้จริงซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการก้าวข้ามไปยัง เขตแดนที่สูงกว่าของนางในอนาคต

เนื่องจากผู้ที่ได้มาภายหลังนั้น จุดที่สําคัญที่สุดในการก้าวข้ามไปสู่ผู้กุมชะตาก็คือการตัดการเชื่อมโยงกับฟ้าดินทั้งหมดอย่างสมบูรณ์เคารพเพียงตัวเองเท่านั้น!

ผู้กุมชะตาคือใครกัน?

แม้แต่ฟ้าดินผู้ให้กําเนิดก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้และไม่ปนเปื้อนอะไรเลยแม้แต่น้อยถ้าไม่เป็นเช่นนั้นจะเรียกว่าก้าวพ้นจากกรรมทั้งหมดสุขชั่วนิรันดร์ได้อย่างไร?และตอนนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็ได้ตัดพันธนาการและความเชื่อมโยง กับฟ้าดินไว้ล่วงหน้าแล้วซึ่งเอื้อต่อการก้าวข้ามไปในอนาคตของนางโดยธรรมชาติ

ซึ่งมันมีผลกระทบที่ลึกล้ำเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าอย่างไร ยิ่งพลังยุทธ์นั้นลึกล้ำเท่าไหร่ การเชื่อมโยงกับฟ้าดินนั้นก็จะยิ่งลึกเข้าไปเท่านั้น

และกรรมก็จะลึกล้ำยิ่งเช่นเดียวกัน

ทรัพยากรในการฝึกฝนพลังยุทธ์มาจากไหน แน่นอนว่ามันต้องมาจากฟ้าดิน

ยิ่งเขตแดนสูงล้ำเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้ทรัพยากรมากยิ่งขึ้นความผูกพันระหว่างฟ้าดินก็ยิ่งมากขึ้นและการก้าวข้ามไปก็ยิ่งยากขึ้น

นี่เป็นวัฏจักรที่เกือบจะไร้ที่สุดเป็นพันธนาการที่รัดคอของผู้ที่ได้มาภายหลังทั้งหมดและถ้าไม่ต้องการที่จะเพิ่มความผูกพันกับฟ้าดินก็ต้องไม่ฝึกฝน

แต่ในกรณีนั้น การก้าวข้ามไปสู่ผู้กุมชะตาย่อมเป็นเรื่องสิ้นหวังตามธรรมชาติ

ดังนั้น เพื่อที่จะทําลายวัฏจักรอันไร้ที่สุดนี้ผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็พยายามด้วยวิธีการอันน่าอัศจรรย์มากมาย

บางคนใช้ความปรารถนาดีใช้ความเมตตาต่อโลก สร้างอิสระให้กับสรรพชีวิต ปลดพันธนาการระหว่างพวกเขากับฟ้าดิน และบรรลุผู้กุมชะตา

บางคนต้องการลบล้างตัวตน แสวงหาความว่างเปล่า ถ่ายโอนกรรมของตนเองกับฟ้าดินไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นอย่างสมบูรณ์ผ่านการเตรียมการมากมาย

บางคนแบ่งร่างออกเป็นหลายตัวตน ยกพันธนาการระหว่างฟ้าดินและกรรมไปยังร่างแยกจะรอจนถึงวันที่ได้ทําลายบ่วงกรรมของร่างแยกไปอย่างสมบูรณ์ก็จะเป็นเวลาที่ได้บรรลุผู้กุมชะตา……

ทะเลพหุภพอันไร้ที่สิ้นสุดไม่รู้ว่ามีผู้ที่ได้มาภายหลังที่น่าอัศจรรย์มากแค่ไหนต่างใช้ทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อที่จะกําจัดโซ่ตรวนแห่งกรรม บรรลุเขตแดนผู้กุมชะตาแต่ถึงแม้จะมองไปยังทะเลพหุภพอันนับไม่ถ้วนก็ยังหาได้ยากมากที่จะมีสิ่งมีชีวิตที่จะสามารถทําลายกําแพงนี้และได้รับตําแหน่งผู้กุมชะตาและหากบุคคลเหล่านี้ที่มีเจตนาที่จะบรรลุเขตแดนของผู้กุมชะตารับรู้ว่าจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยม

หาญผู้อยู่ในเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์

ได้ตัดความสัมพันธ์กับฟ้าดินไปเรียบร้อยแล้วไม่รู้ว่าพวกเขาจะอิจฉามากมายแค่ไหน

ไม่ว่าอย่างไร นี่คือผลลัพธ์สุดท้ายที่พวกเขาแสวงหามาตลอดชีวิต แต่ไม่อาจบรรลุได้แน่นอนนอกจากความพยายามของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเองแล้วฉินมู่เองก็นับได้ว่าเป็นผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด

หากเขาไม่ได้ก้าวข้ามไปสู่เขตแดนผู้กุมชะตา จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็คงจะไม่ก้าวข้ามเขตแดนไปได้เร็วเช่นนี้

หากเขาไม่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ว่าได้ให้คําแนะนํากับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็ยากที่จะคิดหาวิธีทําลายพันธนาการได้อย่างสมบูรณ์แน่นอนสิ่งที่สําคัญ

มากกว่านั้นก็คือจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญคือตัวตนที่ฉินมู่สร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่าโดยใช้แต้มตกใจ

นางไม่ได้เป็นคนของโลกนี้ ความผูกพันระหว่างฟ้าดินและกรรมนั้นตามปกติแล้วไม่ลึกเท่าสิ่งมีชีวิตอื่น

มิฉะนั้น แม้ว่านางจะคิดวิธีไม่ล้มก็ไม่ลุกก็ตามก็จะไม่ง่ายดายและเรียบง่ายเช่นนี้ในการก้าวข้ามไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์

ด้วยความช่วยเหลือของหลายสาเหตุ จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญจึงสามารถประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ทําลายความสัมพันธ์ระหว่างฟ้าดินและห่วงกรรม เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ยากจะลอกเลียน!