68 ให้เขารอฉันซักหนึ่งชั่วโมง

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 68 : ให้เขารอฉันซักหนึ่งชั่วโมง

 

เขารับโทรศัพท์และทันใดนั้นก็มีเสียงด่าดังออกมาทันที

“แกไอ้ลูก*****! บิดาให้บาร์แกไปบริหารแต่แกดันทํามันโดนปิดเนี่ยนะ! แกคิดจะตอบแทนบิดาอย่างนี้หรอ? แกรีบกลับมาหาบิดาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

 

เจิ้งฮัวหยินอยากจะร้องไห้ออกมา “พ่อ! บาร์กาแล็กซี่ของเราโดนปิดงั้นหรอ?”

 

เจิ้งจื่อหงคํารามออกมา “ฉันไม่มีเวลามาเล่นตลกกับแกหรอกนะ แกไปทําให้ใครขุ่นเคืองมา หะ? แล้วก็รีบกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย!”

 

ณ จุดนี้เจิ้งฮัวหยินร้องไห้ออกมา “แต่ตอนนี้ผมกําลังโดนตํารวจจับแล้วพาตัวไปสถานนีตํารวจอยู่นะพ่อ! ผมกลับไปไม่ได้”

 

เจิ้งจือหงโมโห “แก* * * * * * * *! ถ้าวันนี้แกกลับมาไม่ได้! งั้นก็อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”

 

ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…

 

โทรศัพท์ถูกวาง

 

เจิ้งฮัวหยินที่เมื่อกี้ยังต่อปากต่อคํากับเจียงเฉินอยู่ในตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความอับอาย ดวงตาค่อยๆหม่นหมองขณะโดนหลิวเมี่ยวลากออกไป!

 

กลุ่มคนที่ได้ยินต่างก็เงียบกันอีกครั้ง

 

เงียบจนถ้ามีเข็มตกก็ยังได้ยิน!

 

หลังจากผ่านไปซักพัก บรรยากาศก็ค่อยๆผ่อนคลาย บรรดาแขกก็ค่อยๆเริ่มพูดคุยกันช้าๆ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ยินไหมบาร์กาแล็กซี่โดนปิดไปแล้ว!”

 

“เจิ้งฮัวหยินก่อนหน้านี้เขาก็บอกว่าจะปิดบาร์เทียนฉู่แต่กลับกลายเป็นว่าบาร์ตัวเองโดนปิดแทน นี่มันตบหน้าตัวเองชัดๆ”

 

“ฉันต้องยอมรับเลยว่าบอสคนใหม่ของบาร์เทียนฉู่เขาสุดยอดจริงๆ!”

 

“ใช่ๆ บาร์กาแล็กซี่ห่วยๆนั่นจะมาเทียบกับบาร์เทียนฉู่ได้ยังไงกัน!”

 

“ใช่ๆ! จะมีที่ไหนเหมือนที่นี่อีก!”

 

ในเวลานี้เอง ในแววตาของเฉียนเหยากวงนั้นเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชมที่มีต่อเจียงเฉิน เขาเพิ่งจะได้ตระหนักว่าเขานั้นประเมินความสามรถของบอสตัวเองต่ำไป!

 

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขานั้นเข้ารับตําแหน่งผู้จัดการอย่างเป็นทางการ!

 

แม้ว่าบาร์กาแล็กซี่นั้นจะคอยเป็นศัตรูกับบาร์เทียนฉู่มาถึงสามปี แต่ในวันนี้อีกฝ่ายนั้นถูกปิดไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!

 

ด้วยวิธีการที่เฉียบขาดแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะเข้าควบคุมบาร์เทียนฉู่ได้อย่างง่ายดาย

 

เฉียนเหยากวงคุกเข่าลงอีกครั้ง

 

“บอสเจียง ผมจะรับโทษอีก 93 นาทีที่เหลือต่อครับ!”

 

เจียงเฉินไม่สนใจเขา แต่มุมปากกลับยกขึ้นมา และยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายแล้วเดินไปทางเล้งเสี่ยวหยาน

 

ในวันนี้ เจียงเฉินทําให้ทุกคนประหลาดใจมากไม่น้อยแล้ว!

 

เล้งเสี่ยวหยานมองเจียงเฉินที่กําลังเดินตรงมาทางเธออย่างช้าๆ ใจของเธอก็สั่นระรัว

 

วันนี้ เขาหล่อมาก!

 

ไม่เพียงแต่เขาจะยืนขึ้นมาเพื่อปกป้องเธอในเวลาที่เธอตกอยู่ในเวลาวิกฤต แถมเขายังสามารถช่วยบาร์ของเขาออกจากช่วงเวลาวิกฤตได้ในเวลาเดียวกัน

 

แถมยังลบบาร์กาแล็กซี่ออกไปได้อีก! ด้วยความสามารถและกล้าหาญขนาดนี้ จะยังหาใครซักคนที่เหมือนเขาในเหลียงเฉิงได้อีกหรอ?

 

เธอเชื่อว่าหลังจากที่ผ่านพ้นคืนนี้ไป ชื่อเสียงของเจียงเฉินจะต้องแพร่กระจายเป็นวงกว้าง!

 

นอกจากนี้เจียงเฉินก็สารภาพกับเธอถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของหวังไห่หลง และในเวลานั้นเขาก็ยังกลับไปช่วยครูของเขาสู้คดี

 

ตั้งแต่นั้นช่วงเวลาที่เธอได้เจอกับเจียงเฉินเป็นครั้งแรกเธอก็ยังเก็บมันไว้ในใจเสมอ

 

จนกระทั่งมาถึงครั้งที่มาพบกับเธอที่โรงพยาบาล

 

มันก็กลายเป็นความทรงจําที่จะไม่มีวันสูญหายไปจากใจของเธอ

 

คนที่เป็นผู้ชายของเล้งเซี่ยคนนี้ต้องมีความซื่อตรง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จิตใจที่ดี มีความรักใคร่และต้องเป็นคนที่มีความชอบธรรม!

 

และที่มากไปกว่านั้นเขาต้องเป็นคนที่ไม่ย่อท้อต่ออะไรทั้งนั้น

 

และทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่าเขานั้นจะมีมันหมดทุกอย่าง

 

เธอนั้นก็ไม่เคยมีความรักมาก่อน แม้ในตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอนั้นกําลังตกหลุมรักเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่โมโหหรอกตอนที่มีผู้หญิงมาเกาะแกะเขา

 

ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว เจียงเฉินก็เดินมาถึงตัวเธอแล้วก็เอามือของเขามาโอบเอวของเธอเบาๆ

 

วันนี้เธอแต่งตัวมาสวยมาก ชุดด้านบนที่จัดเต็มด้านล่างก็เป็นกางเกงขายาวสีดํา ขาที่เรียวยาวของเธอก็ช่วยเพิ่มความโดดเด่นของร่างกายของเธอไม่น้อย

 

มันสวยมากจริงๆ เมื่อมองจากด้านข้างก็จะเห็นรูปร่างที่โค้งเป็นตัว 5 อย่างเห็นได้ชัด

รูปร่างของเธอมันเร่าร้อนจริงๆ!

 

และแน่นอน ด้วยรูปร่างที่งดงามแบบนี้ย่อมไม่มีใครกล้าจ้องเธอตรงๆนอกเสียจากเจียงเฉินเพียงคนเดียว

 

การโดนสายตาที่เร่าร้อนของเจียงเฉินจ้อง มันไม่ได้ทําให้เธอรู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย แต่มันกลับทําให้เธอรู้สึกเขินอายมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็จ้องมองไปที่ใบหน้าที่แสนจะหล่อเหลาของเจียงเฉิน ร่างกายของเธอก็เริ่มจะอ่อนระทวยโดยไม่รู้ตัว

 

อืมมม มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับฉันกัน~~

 

เธออยากจะต่อต้านมัน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่แข็งแกร่งพอ

 

เจียงเฉินยิ้มเยาะ “เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?”

 

เมื่อกี้เธอเรียกเขาว่าสามี~

 

นี่ ใครมันไปเรียกคนอื่นว่าสามีง่ายๆได้ยังไงกันเนี่ย~

 

ดวงตาที่แสนจะเย็นชาของเธอก็เริ่มเบลอ เธออายจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ

 

แถมที่มากไปกว่านั้นคือ ตรงนี้ยังมีคนอีกเป็นพันคนกําลังดูอยู่ด้วย

 

จินตนาการดูสิว่าไม่ว่าใครี่ได้มาอยู่ตรงนี้ก็คงโดนบดขยื้อย่างสมบูรณ์ไม่ต่างจากเธอแน่ๆ

 

เสี่ยวหูกับพี่น้องที่เหลืออยู่ต่างก็ได้ยินที่เธอเรียกเจียงเฉินว่าสามีกันอย่างถ้วนหน้า

 

คนทั้งบาร์นับพันคนต่างไม่ส่งเสียงแต่กลับจ้องมองทั้งคู่อย่างเงียบๆ

 

แถมยังมีคู่รักอีกไม่น้อยที่พากันจูบตามบรรยากาศ

 

เสี่ยวหูนั้นก็รู้งานเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นว่าเล้งเซี่ยแสดงท่าทีเขินอายออกมาเขารีบจัดการขนพี่น้องที่บาดเจ็บออกไปทันที

 

เจียงเฉินใช้เวลาซักพักและกอดเอวของเล้งเสี่ยวหยานแน่นจนตัวของทั้งสองติดกัน

 

ก่อนจะก้มหัวลงมาและจูบเธอ

 

ดวงตาที่เย็นชาของเธอค่อยเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ก่อนเธอจะเริ่มหลับตาลงเพื่อเก็บอาการ

 

กลับกลายเป็นว่ามันกลายเป็นความรู้สึกที่วิเศษมาก

 

โดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอนั้นก็เอาแขนของเธอไปโอบรอบคอของเจียงเฉินไว้จนในที่สุดก็ปรากฏท่าทางแปลกๆออกมา

 

บรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความละอียดอ่อนและสวยงามเป็นอย่างมาก

 

คนทั้งสองยืนอยู่กลางฟลอร์สําหรับเต้น และกลายเป็นคู่ที่ดูโดดเด่นมากที่สุดในบาร์ไปในทันที

 

ในเวลานี้เองเสี่ยวหูกับบรรดาพี่น้องที่เหลือก็พากันออกมาสูบบุหรี่ด้านนอกได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว

 

“พี่หู พี่ไม่ต้องกังวลไปหรอกบางทีพี่เล้งเซียอาจจะไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้นจริงๆก็ได้”

 

“ใช่พี่”

 

ในเวลานี้เองเจียงเฉินก็เดินนําเล้งเสี่ยวหยานออกมาและบนใบหน้าของเธอนั้นก็ไม่สามารถที่จะซ่อนรอยสีแดงที่หญิงสาวที่กําลังมีความรักมีได้

 

“พี่เฉิน พี่เล้งเซี่ย”

 

“พี่เฉิน พี่เล้งเซี่ย”

 

เมื่อเห็นทั้งสองออกมาพวกเขาก็ลุกขึ้นมาทักทายด้วยความเคารพทันที

 

ในมือของเจียงเฉินเขาถืมกระเป๋ามาใบหนึ่ง “ข้างในนี้มีเงินอยู่ 200,000 หยวนพี่เล้งเซี่ยของพวกนายจะให้พวกนายไปหาข้าวเย็นกินกัน แล้วก็วันนี้พวกนายทํางานกันมาหนักแล้วในนี้มีเงินอยู่ 3 ล้านรหัสคือเลข 6 หกตัวเอาไปแบ่งกันล่ะ”

 

เสี่ยวหูรับไป “ขอบคุณมากพี่เฉิน พี่เล้งเซี่ยด้วย”

“เยี่ยมไปเลย~ พี่เฉิน~”

 

“พี่เฉินทั้งหล่อทั้งรวย! ให้เงินตั้งสามล้านในครั้งเดียว”

 

“พี่เฉินกับพี่เล้งเซี่ยอยู่ด้วยกันจะต้องมีความสุขแน่ๆ”

 

“โอเค งั้นพวกฉันขอตัวก่อนละกัน”

 

หลังจากเจียงเฉินพูดจบ เขาก็พาเล้งเสี่ยวหยานไป

 

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ก็ปรากฏเงาของคนสองคนกําลังอิงแอบกันอยู่ใต้แสงจากเสาไฟฟ้า

 

เจียงเฉินยิ้มและถามออกมา “ทําไมเมื่อกี้ถึงร้องไห้ล่ะ เธอคิดว่าฉันรังแกเธองั้นหรอ?”

 

ใบหน้าของเล้งเสี่ยวหยานแดงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ใช่ซะหน่อย มันเป็นครั้งแรกของฉัน..ฉันก็เลยกลัวนิดหน่อย”

 

เจียงเฉินอดไม่ได้ที่จะมีความสุข เขาไม่คิดเลยว่าเล้งเสี่ยวหยานที่ภายนอกดูมีแต่ความเย็นชาก็จะมีด้านน่ารักๆแบบนี้เหมือนกัน

 

“งั้นเธอช่วยเรียกฉันแบบตอนนั้นอีกได้ไหม?”

 

เจียงเฉินถามออกไปอีกครั้ง

 

เล้งเสี่ยวหยานมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วก็หันกลับมามองเจียงเฉินด้วยดวงตาที่ดูเย็นชาของเธอ

 

“สามี~”

 

นางฟ้าตัวน้อยของฉัน~

 

เธอเรียกเขาว่าสามีจริงๆ!

 

เจียงเฉิน “งั้นเรากลับบ้านเธอกันเถอะ~”

 

ดวงตาที่เย็นชาของเล้งเสี่ยวหยานเบิกกว้าง “ทําไมต้องไปบ้านฉันด้วย?”

 

เจียงเฉิน “ก็ไปทําสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทํากันไง”

 

เล้งเสี่ยวหยานคิดไปซักพัก “มันคงไม่ดีหรอกมั้ง ฉัน..ฉันยังไม่พร้อมเลย”

 

เจียงเฉินที่ได้ยินก็ไม่มีทางเลือกได้แต่เคารพการตัดสินใจของเธอ “งั้นก็ไปบ้านเธอแล้วก็นอนด้วยกันก็พอ โอเคไหม?”

 

“งั้นก็ได้”

 

เล้งเสี่ยวหยานตอบกลับมาอย่างไม่ลังเล

 

หนึ่งคืนผ่านไปที่บ้านของเล้งเสี่ยวหยานนั้นมีแต่ความเงียบสงบ

 

แต่ในโลกของวงการของบาร์นั้นไม่ใช่

 

บาร์กาแล็กซี่ถูกสั่งปิด และจะไม่มีทางได้กลับมาเปิดใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน!

ข่าวลือทําเอาใจชายร่างใหญ่ถึงกับตะลึง!

 

การที่บาร์กาแล็กซี่นั้นถูกปิดก็กลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดคุยกันมากที่สุดภายในชั่วข้ามคืน!

 

วันถัดมา

 

ที่บาร์เทียนฉู่ ห้องผู้บริหาร

 

เจียงเฉินกําลังตรวจสอบบัญชีด้วยตัวของเขาเอง เพราะถึงยังไงก็ตามเขาก็ต้องใส่ใจกับธุรกิจที่มีค่าถึง 980 ล้านซะหน่อย

 

ในเวลานี้เองเลขาก็เคาะประตูก่อนจะเข้ามา

 

เลาขาสาวพูดออกมาด้วยความเคารพ “เจียงตงกับเจิ้งจื่อหงจากบาร์หยินเหอมาขอพบท่านค่ะ พวกเขาบอกว่าพวกเขามีบางอย่างสําคัญที่ต้องปรึกษากับท่าค่ะ”

 

เจียงเฉินเหลือบตาขึ้นมามอง “เจิ้งจื่อหงหรอ? ไม่ใช่ว่าเขาคือพ่อของเจิ้งฮัวหยินงั้นหรอ?”

 

ก่อนหน้านี้เจียงเฉินได้ทําการตรวจสอบคนที่มาหาเรื่องที่บาร์ของเขาไว้แล้ว จึงทําให้เขานั้นคุ้นเคยกับชื่อนี้พอสมควร

 

นี่แหละที่เรียกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

 

มันคือกลยุทธ์ในการทําธุรกิจอย่างหนึ่ง!

 

เลขาสาว “ใช่ค่ะ เขาคือพ่อของเจิ้งฮัวหยินค่ะ”

 

เจียงเฉินก้มหน้า ก่อนจะพลิกหน้าสมุดบัญชีอย่างไม่ใส่ใจ และพูดเบาๆออกมา

 

“งั้นก็ให้พวกเขารอข้างนอกซักชั่วโมงก็แล้วกัน ถ้าพวกเขารอไม่ไหวก็ให้พวกเขากลับไป”