บาฮาล ณ จุดหนึ่งของถนน…..
ตรงกลางได้มีกลุ่มคนอยู่ ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มคนที่กำลังถืออาวุธด้วยใบหน้าเคร่งขรึม อีกส่วนเป็นกลุ่มคนที่มีฝูงหมาหน้าตาน่ารังเกียจอยู่ด้านข้าง ทั้งสองฝ่ายต่างก็จ้องเขม็งไปที่คู่กรณี เห็นได้ชัดว่าทั้งสองกลุ่มไม่ได้เป็นมิตรกัน
เวลาผ่านไปคนก็ยิ่งวิ่งมามุงดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจับกลุ่มคุยกันชี้มือชี้ไม้ไปที่ตรงกลาง แค่ดูก็รู้ว่าคนพวกนี้มาดูโชว์สนุกๆ
ที่ยืนอยู่หน้าสุดของแต่ล่ะฝ่ายเห็นได้ชัดว่าต้องเป็นหัวหน้า ฝั่งหนึ่งเป็นผู้ชายที่ดูยังหนุ่มอยู่ และอีกฝั่งเป็นชายวัยกลางคนกับหมาที่ไร้ขน
ผู้ชายที่ดูยังหนุ่มพูดขึ้นมาว่า “เทียนเกอร์! ถ้าแกไม่ส่งคุณหนูของพวกเราคืนมาล่ะก็ วันนี้แกอย่าหวังว่าจะได้กลับไปเลย!”
เทียนเกอร์ ผู้ชายกลางคนได้ยินก็อ้าปากหัวเราะเยาะเย้ยทันที ก่อนจะหยุดแล้วหันไปมองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วพูดทั้งๆที่ยิ้มอยู่ว่า “มึงคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับข้า อย่างน้อยๆก็ต้องให้เกรย์มาไม่ใช่องครักษ์ตัวเล็กๆอย่างมึง เหอะๆ เชื่อไหมว่าต่อให้ข้าฆ่ามึงตอนนี้เกรย์มันยังไม่กล้ามาพูดอะไรด้วยซ้ำ”
ดาบในมือชายหนุ่มสั่นทันที เขากัดฟันแน่นแล้วพูดด้วยความหนักแน่นว่า “ถ้าแลกกับชีวิตของผมเดลล่าผู้นี้แล้วสามารถช่วยคุณหนูได้ล่ะก็ ผมก็ยอม!”
“อั้ยยะ! คำพูดเอ็งนี่มันกินใจจริงๆ เอาซะข้าอยากร้องไห้เลยวะ!” พูดเสร็จก็ถุยน้ำลายลงพื้นก่อนที่จะโดนเลียโดยหมาของตน เทียนเกอร์โบกมือคนด้านหลังเขาก็ก้าวเดินออกมาพร้อมกับหมาอีกเป็นฝูง
“จากคำพูดแกเมื่อกี้ ข้าสามารถฆ่าแกได้เลย ถามหน่อยเหอะแกใช้ตาหรืออะไรมองวะว่าคุณหนูแกอยู่กับข้า! การที่แกกล้ามาพูดจาใส่ร้ายข้าแบบนี้ วันนี้และตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
“เหอะ! ตรายใดที่เป็นคนของบาฮาลก็ย่อมรู้ดีว่าแกเกลียดผู้นำตระกูลของพวกเรามากขนาดไหน และวันๆในหัวแกก็คิดแต่จะกลืนตระกูลมิดเดอร์เรีย แล้วถ้าไม่ใช่แกมันจะมีใคนหน้าไหนกล้าลักพาตัวคุณหนูของพวกเราไปล่ะ!”
ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย สีหน้าของเทียนเกอร์ดิ่งลงทันที เห็นโง่ๆแบบนี้แต่ใครจะไปคิดล่ะมันจะกัดตนไม่ปล่อยแบบนี้!
“เจ้านั่นตายแน่……” คนข้างๆเทียนเกอร์พูดขึ้นมาด้วน้ำเสียงยินดีในคราวเคราะห์ของคนอื่น “มันกล้าจับเกล็ดมังกรของหัวหน้าเทียนเกอร์ ฮึ ตอนนี้ต่อให้หัวหน้าตระกูลมันมาเองก็ช่วยชีวิตมันไม่ได้”
แน่นอนว่าคำพูดนี่ก็แค่พูดเอามัน เอาจริงๆถ้าหัวหน้าตระกูลมัไม่มาช่วยก็คงไม่มีใครหน้าไหนช่วยมันได้อีกแล้วล่ะนะ
เทียนเกอร์ มองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อแกอยากตายมากนัก ข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ให้! ทุกคนรับคำสั่ง!”
“เยสเซอร์!!!”
“แกกล้าดียังไงมาพูดใส่ร้ายข้าคนนี้ ถ้าวันนี้ข้าไม่ฆ่าเอ็งล่ะก็ทุกคนก็จะคิดว่ากลุ่มทหารรับสุนัขเหล็กของข้ามันไม่สู้คน! ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าเกรย์มันจะมาช่วยแกไหม!”
“ทุกคนฆ่ามัน!”
ขณะที่กลุ่มทหารรับกำลังขะขยับตัว ก็เกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา ในเมื่อมันดังจนทำให้พวกเขาได้ยินได้แสดงว่าจำนวนคนมันต้องไม่ใช่น้อยๆแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าเทียนเกอร์เองก็ได้ยิน มันรีบอ้าปากตะโกน “หยุดก่อน!!” แล้วหันไปดูที่ต้นเสียง
ฝูงชนแยกตัวให้คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาโดยที่มีผู้ชายวัยกลางคนเดินนำหน้า เมื่อเห็นคนที่เดินมาสีหน้าเทียนเกอร์ก็มืดครึ้มทันทีขณะเดียวกันสีหน้าขององครักษ์หนุ่มกลับยิ้มออกมาด้วยความสุข
“ผู้นำตระกูล!”
ใช่แล้วคนที่กำลังเดินนำคนกลุ่มนี้เข้ามาก็คือผู้นำตระกูล เกรย์ มิดเดอร์เรีย!
เทียนเกอร์มองเกรย์ที่เดินมาด้านหน้าเดลล่าด้วยแววตาเกลียดชัง แต่เขาก็เก็บความรู้สึกกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วยกมือส่งสัญญาณไม่ให้ลูกน้องทำอะไรไม่คิด จากนั้นก็เงียบไป
เกรย์จ้องเดลล่าเขม็งแล้วตะคอกด่าว่า “แกรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่? ใครสั่งให้แกมาทำแบบนี้ฮ๊ะ!”
เดลล่ามีสีหน้ากังวลเล็กน้อย ถึงหัวหน้าจะด่าเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังเป็นห่วงตน เพราะแบบนี้เขาถึงได้ตัดสินใจติดตามคนๆนี้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังเถียงกลับไปว่า
“แต่ท่านผู้นำ เทียนเกอร์มันต้องอยู่เบื้องหลังที่คุณหนูหาย……”
“หุบปาก….” เกรย์พูดขัดเดลล่า แต่ถึงแบบนั้นเมื่อได้ยินคำพูดเดลล่าในแววตาก็เกิดประกายโกรธเกรี้ยวขึ้นมา “กลับไปยืนอยู่ข้างในซะ!”
“แต่ท่านผู้นำ……” พูดไม่ทันจบเมื่อเขาเห็นสีหน้าของเกรย์ที่ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ เขาก็กลืนตำที่จะกลับลงคอไปแล้วตอยด้วยความไม่ยินยอมว่า “รับทราบครับ…..”
“เกรย์! ดูเหมือนว่าแกจะเลี้ยงสุนัขให้เชื่องไม่เป็นสินะ!”
เกรย์ชะงักไป ก่อนที่จะหัวเราะออกมาแล้วหันนิ้วมาชี้ไปที่เทียนเกอร์ พูดยิ้มว่า “เทียนเกอร์ นายพูดแบบนี้ไม่กลัวเหรอว่าจะกลายเป็นตัวตลกน่ะ? ชาวบาฮาลเรารู้ดีว่ามีแต่กลุ่มทหารรับจ้างของนายที่เลี้ยงหมา แต่ทางฉันเลี้ยงคน!”
“แก!” เทียนเกอร์มองเกรย์ด้วยสีหน้าดุร้าย คำพูดของเกรย์มันล้อเลียนกลุ่มของเขาว่าเป็นหมา แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ ทำได้แต่ยิ้มเยาะเย้ย
“อยากพูดอะไรก็พูดไปเกรย์ แต่ตอนนี้องครักษ์ตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังแก มันพึ่งพูดใส่ร้ายข้าไป จะเอายังไงก็ว่ามา!”
ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย เกรย์ก็หยุดหัวเราะ แล้วมองไปที่ชายตรงหน้า ก่อนจะพูดว่า “แล้วแกจะเอาอะไร?”
“ง่ายมาก!” เทียนเกอร์ตะโกนเสียงดังตอบกลับมาทันที แล้วชี้นิ้วไปที่เดลล่า “แกแค่ส่งไอ้เจ้านั่นมา ทุกอย่างก็จบ!”
“อย่าได้หวัง!” เกรย์ตะโกนกลับทันที ทำให้เทียนเกอร์สะดุ้ง ทว่านี่ทำให้เดลล่าซาบซึ้ง “คิดจะให้ฉันส่งคนของตัวเองให้ แกฝั่นไปเถอะ!”
“งั้นเหรอ….” เทียนเกอร์ยิ้มราวกับได้กะไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ “มันพูดทำลายชื่อเสียงข้า แต่กลับไม่ส่งมันมา แสดงว่าตระกูลมิดเดอร์เรียต้องการปกป้องมัน? ถ้างั้นแกก็เตรียมทำสงครามกับข้าได้เลย! จะไม่มีการประนีประนอมอะไรทั้งนั้น!”
ประนีประนอม? กล้าพูดมาได้ไงวะ ทั้งๆที่คนของมันชอบออกไปกลั่นแกล้งคนอื่นอยู่บ่อยครั้งแท้ๆ…….
ผู้คนรอบๆเกือบทั้งหมดต่างก็สบถด่าเทียนเกอร์ ‘ไอ้ไร้ยางอาย!’ แต่แน่นอนว่าฉากหน้าพวกเขาย่อมไม่พูดอะไร เพราะถ้าเทียบกับอีกฝ่ายแล้วพวกเขาก็เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา…….
เกรย์กำหมัดแน่น เขาไม่ได้กลัวที่ต้องทำสงคราม แต่ที่กลัวก็คือคำพูดมันที่กลับจากดำเป็นขาว ถ้าทำสงครามทั้งๆแบบนี้ ชื่อเสียงตระกูลมิดเดอร์เรียของเขาที่สั่งสมมาหลายปีได้ถูกทำลายหมดแน่!
“บอกเงื่อนไขแกมา เทียนเกอร์…..” เกรย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แกก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่มีทางส่งคนของตัวเองให้แกแน่!”
เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเกรย์มันมีนิสัยยังไง ได้ยินคำพูดมัน เทียนเกอร์ก็ยิ้มทันที แล้วชี้ไปที่ตัวเกรย์
“ในเมื่อแกพูดถึงขนาดนี้ข้าก็จะไว้หน้าแกสักหน่อย ตราบใดที่แกพูดขอโทษข้าตอนนี้ ทุกอย่างก็จบ!”
“ว่าไงนะ!” เดลล่าตะโกนออกมาด้วยความลืมตัว แล้วก้าวเท้ามายืนข้างๆเกรย์ จากนั้นพูดว่า “ไม่ไดนะท่านผู้นำท่านอย่าทำตามที่มันพูดเด็ดขาด…..”
เกรย์ยกมือให้เดลล่าหยุดพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเทียนเกอร์มันคิดอะไรอยู่? ถ้าเขาขอโทษมัน ในวันพรุ่งนี้คนทั้งบาฮาลก็จะรู้ว่าผู้นำตระกูลมิดเดอร์เรียพูดขอโทษให้หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็ก แล้ววันหลังถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกทางพวกเขาก็จะเป็นรองอีกฝ่ายทันที
ที่ผู้มีอำนาจให้ความสำคัญก็คือใบหน้า ถ้าเขาเสียมันไปคนอีกหลายๆคนก็จะเสียกำลังใจไปไม่ต่างอะไรกับคนขี้แพ้……
แต่ว่า เขาก็ไม่สามารถส่งตัวองครักษ์ที่ซื่อสัจที่สุดของตนให้มันได้……..
ขณะที่เกรย์กำลังจะอ้าปากพูดขอโทษ เสียงที่นุ่มนวลก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงของเด็กสาว ทว่าเสียงนี้กลับทำให้ตัวเกรย์สั่นเทา
“ปะป๋า!”