“ข้าไม่ใช่คนนอก เจ้าไม่จำเป็นต้องปิดบังข้า พูดมาเถอะว่าเจ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องการคุยกับเขา” ฉีเฉิงเฟิงพูดขึ้นมา

คำพูดของอีกฝ่ายดูเหมือนไม่มีอะไร แต่สำหรับซูหวานหว่าน นางถึงกับปาดเหงื่อและพูดกับซุนฉางอานว่า “ที่เขาพูดมาก็ถูก เจ้าสามารถพูดออกมาได้เลย”

“ข้า…” ซุนฉางอานกัดฟันแน่นพลางหลับตาลง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความลังเล “คุณชายเป่ยฉวน อีกไม่กี่วันแม่ของข้าจะให้ข้าไปดูตัว เจ้าสามารถช่วยข้าเล่นละคร…”

ยิ่งเอ่ยเรื่องนี้ออกมาซุนฉางอานก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าข้อเสนอของเขามันมากเกินไป จึงหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ข้า… เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดอะไรออกมา! เจ้าสองคนอย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง!”

ถึงแม้ว่าเขาจะพูดออกมาไม่จบประโยค แต่ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงก็พอจะเดาออกว่าเขาหมายถึงอะไร! ไม่ใช่ว่าอยากจะขอให้ซูหวานหว่านเล่นละครเป็นคนรักของเขาหรอกหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร! ถึงแม้ว่าซูหวานหว่านจะตอบตกลง แต่ฉีเฉิงเฟิงจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางแน่นอน!

ซูหวานหว่านกลัวว่าซุนฉางอานจะขายหน้าจึงพูดออกมาว่า “เอาเป็นว่าข้าจะถือว่าเมื่อครู่เจ้าไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วกัน และพวกเราก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของฉีเฉิงเฟิงก็พลันดีขึ้นมาเล็กน้อย หากแต่ยังไม่ได้เดินออกไปไหน “คุณชายซุน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่อย่างงั้นเจ้าคงจะแหกกฎและตกลงอยู่กับเจียเหวินไปแล้ว แต่ว่าเจ้าไม่ควรให้น้องชายของข้าซึ่งเป็นผู้ชายปลอมตัวไปเป็นผู้หญิงเพื่อมาเล่นละครหลอกตา!”

“ฮึ่ม!” ใบหน้าของซุนฉางอานขึ้นสีแดงระเรื่อพลางพูดว่า “ข้ารู้”

“รู้ก็ดีแล้ว” ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วและดึงซูหวานหว่านให้เดินออกไป ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยุดเดิน และหยิบจี้หยกออกมาแล้วคืนให้กับซุนฉางอาน “บ้านของเจ้ามีคนสกปรกอยู่ พวกเราสองคนพี่น้องหาที่อยู่ได้แล้ว คงไม่ได้ไปอยู่บ้านเจ้าอีก”

พูดจบก็เดินจากไปทันที ซูหวานหว่านเห็นซุนฉางอานขมวดคิ้วแน่น ทำให้นางรู้สึกผิดเล็กน้อยหากแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยม ฉีเฉิงเฟิงสอบถามขอห้องพักหนึ่งห้อง ผู้ชายที่เป็นผู้ดูแลมองดูทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจ เมื่อรู้สึกว่าซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงคงไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้นจึงเอ่ยถามออกมาอย่างสุภาพว่า “คุณชาย เมื่อครู่ข้าไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม? เจ้าต้องการห้องขนาดใหญ่หนึ่งห้องเตียงเดียว?”

“ใช่” ฉีเฉิงเฟิงตอบรับและพยักหน้าราวกับไม่ต้องการพูดอะไรอีก ส่วนซูหวานหว่านเองก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาภายในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นฉีเฉิงเฟิงมีท่าทางที่โกรธมากแบบนี้ และนางก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย กลัวว่าฉีเฉิงเฟิงจะเผลอทำเรื่องที่น่าสงสัยออกไป นางจึงพูดออกมาว่า “ข้าต้องการสองห้อง”

“ย่อมได้!” ผู้ดูแลยิ้มออกมาอย่างมีความสุข หยิบป้ายห้องและกุญแจสองบานออกมาทันที ก่อนจะเดินนำทางไปแล้วพูดว่า “พวกท่านทั้งสองคน ได้โปรดเดินตามข้ามา”

ซูหวานหว่านเดินตามชายคนนั้นไปทันที ฉีเฉิงเฟิงเองก็เดินตามไปช้า ๆ ไม่นานซูหวานหว่านก็หยุดลงที่หน้าประตูห้อง ฉีเฉิงเฟิงที่เดินตามมาก็หยุดเช่นกัน ชายหนุ่มสั่งให้อีกฝ่านเปิดประตูก่อนจะก้าวเข้าไป พร้อมกับดึงตัวของซูหวานหว่านเข้าไปด้วยแล้วปิดประตูทันที เขาใช้มือข้างหนึ่งผลักซูหวานหว่านชนกับผนังห้อง จับคางหญิงสาวด้วยความโกรธเล็กน้อย ริมฝีปากบางเผยอออกมาก่อนจะพูดว่า “มองมาที่ข้า..”

ส่วนผู้ดูแลที่อยู่นอกประตูก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไร และทำเพียงยืนอยู่ข้างนอกประตู พลางตะโกนถามออกมาว่า “คุณชายทั้งสอง! เจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่? รีบเปิดประตู! ข้ายังมีกุญแจอีกดอก! แล้วห้องข้าง ๆ ก็อยู่ด้านข้างนี่เอง!”

“ไม่จำเป็น พักอยู่ห้องเดียวกันประหยัดเงินดี!” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา

ประหยัดเงิน? ผู้ดูแลคนนั้นเกิดอาการสับสน ก็ชายหนุ่มอีกคนเป็นคนเอ่ยปากเองว่าต้องการสองห้อง ดูเหมือนว่าเขาจะหยิบกุญแจมาเปล่าประโยชน์แล้ว ว่าแล้วผู้ดูแลก็ได้แต่เกาหัวตนเองอย่างงุนงงก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

เมื่อฉีเฉิงเฟิงฟังเสียงฝีเท้าที่เดินห่างออกไป เขาก็ก้มหน้าแล้วประกบริมฝีปากของตนเองลงบนริมฝีปากของซูหวานหว่านทันที!

ท่าทางของฉีเฉิงเฟิงในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังข่มอารมณ์เอาไว้ ท่าทางค่อนข้างก้าวร้าว จูบจนนางหายใจไม่ทัน อีกทั้งยังจะเอามือลูบไล้ไปทั่วร่างกายของนางอีก!

“อื้อ…” ซูหวานหว่านร้องออกมาเบา ๆ ทันใดนั้นเสื้อผ้าช่วงล่างของนางก็ถูกเปิดออก ซูหวานเกิดอาการตกใจและผลักฉีเฉิงเฟิงออกไปพร้อมกับถามว่า “เจ้ากำลังทำอะไร!”

น้ำเสียงของนางเย็นชามาก แม้กระทั่งตัวนางเองก็ยังตกใจที่เผลอใช้น้ำเสียงแบบนั้น!

ฉีเฉิงเฟิงหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน แววตาของเขาแดงก่ำดูเข้าใจยาก “เจ้าดูชอบซุนฉางอานมาก แต่กับข้า…เจ้ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ข้า…”

ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย! แต่นาง…จะอธิบายอย่างไรดี?

ซูหวานหว่านมองเข้าไปในดวงตาของฉีเฉิงเฟิง ในใจของนางรู้สึกกลัวเล็กน้อย กลัวว่าฉีเฉิงเฟิงจะต้องการในตอนที่นางไม่พร้อม หญิงสาวกัดฟันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ฉีเฉิงเฟิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน ชายหนุ่มจ้องมองซูหวานหว่านด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ไม่นานก็ถอนหายใจและพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ในเมื่อเจ้าชอบคนอื่น ข้าจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ! ในอนาคตพวกเราสองคนไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีก!”

พูดจบฉีเฉิงเฟิงก็ปผลักประตูห้องเดินออกไปหาผู้ดูแลและบอกเขาว่า “ข้าต้องการห้องอีกห้อง!”

ผู้ดูแลตกตะลึง รีบวิ่งไปเอากุญแจแล้ววิ่งกลับมาอีกครั้ง!

ส่วนซูหวานหว่านได้แต่นั่งนิ่งอยู่ในห้องนั้น เมื่อได้ยินเสียงประตูก็อดไม่ได้ที่จะออกไปดู เห็นฉีเฉิงเฟิงเดินเข้าไปในห้องข้าง ๆ ไม่แม้แต่จะมองนางด้วยซ้ำ ทำราวกับว่านางเป็นคนแปลกหน้า! และอากาศที่ลอยอยู่รอบตัว!

ซูหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า “ฉี…”

นางยังไม่ทันได้พูดจบ ฉีเฉิงเฟิงก็ปิดประตูใส่หน้านางดัง ‘ปัง!’ ทิ้งให้ซูหวานหว่านยืนอยู่ข้างนอกท่ามกลางสายลมอันเหน็บหนาวที่พัดมา หญิงสาวรู้สึกหนาวจนร่างกายสั่นเทา

ฉีเฉิงเฟิงไม่อยากแม้แต่มองหน้านางด้วยซ้ำ เช่นนี้นางจะพูดอะไรได้อีก ถึงแม้ว่านางจะแก้ตัวให้ตนเอง แต่ซูหวานหว่านก็รู้สึกอึดอัดใจ อยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็เหมือนจะพูดไม่ออก นางยืนอยู่ข้างนอกสักพักหลัง จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง

แสงของพระจันทร์สาดเทลงมาทางหน้าต่างห้องส่องแสงสีเหลืองนวลไปทั่วห้อง ซูหวานหว่านมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเงาของต้นไม้ มันทำให้นางรู้สึกอ้างว้าง หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมาตลอดเวลาไม่สามารถข่มตาหลับได้

ไม่รู้ว่านางเผลอหลับไปตอนไหน พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้เช้าแล้ว ไม่มีผู้ใดอยู่ข้างกายนางดั่งเช่นทุกที ซูหวานหว่านรีบวิ่งออกไปเปิดประตูห้องข้าง ๆ และพบเด็กของโรงเตี๊ยมกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ เมื่อชายคนนั้นเห็นนางจึงพูดออกมาว่า “คุณชายท่านนี้ ต้องการออกไปแล้วใช่หรือไม่?”

“ข้า… คุณชายคนนั้นไปแล้วหรือ?” ซูหวานหว่านถามขึ้น ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นภายในหัวใจของนาง

“คุณชายคนนั้นไปแล้ว ข้าถามเขาว่าเขาต้องการปลุกท่านหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกท่านไม่รู้จักกันหรือ?” เด็กโรงเตี๊ยมเอ่ยออกมา

เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของซูหวานหว่าน ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “คุณชาย อย่าคิดมากไปเลย ข้าคงจำผิดไป เมื่อครู่ข้าพูดผิดไป”

หัวใจของซูหวานหว่านเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่แต่นางรู้สึกว่าฉีเฉิงเฟิงอาจจะทำเช่นนั้นจริง

ฉีเฉิงเฟิงตัดสินใจทำแบบนั้นจริงหรือ? ซูหวานหว่านรู้สึกผิดหวังมาก นางจ่ายเงินค่าห้องและเดินจากไป เด็กโรงเตี๊ยมก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจึงเดินตามออกไปและตะโกนว่า “ข้าเพิ่งทำความสะอาดห้องนั้น แต่ดูเหมือนว่าคุณชายคนนั้นได้ทิ้งบางอย่างเอาไว้ ท่านอยากจะเอามันไปด้วยหรือไม่?”

ซูหวานหว่านเหลือบมองก็พบว่าเป็นปิ่นไม้ที่นางชอบมากที่สุด! ต่อมาเพื่อเป็นการแสดงความรักต่อกันและกัน นางจึงแลกของแทนใจให้กันและกัน การที่ฉีเฉิงเฟิงทำแบบนี้มันซักจะมากเกินไปแล้ว!

“ไม่ ทิ้งมันไปซะ!” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมา แล้วเดินออกไป

หญิงสาวเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ใบหน้าของฉีเฉิงเฟิงยังคงวนเวียนอยู่ภายในใจของนางเสมอ ทันใดนั้นซูหวานหว่านก็เงยหน้าขึ้น เห็นชายร่างสูงที่มีสัดส่วนกำลังดี กำลังเดินอยู่บนถนน และกำลังอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ซูหวานหว่านตกใจ ฉีเฉิงเฟิงไม่ใช่เหรอ?

ในขณะนั้น ภายในหัวใจของซูหวานหว่านก็ดูเหมือนจะพังทลายลง และนางก็รีบวิ่งเข้าไปดูใกล้ ๆ ทันที!