ตอนที่ 103 ดาวหาง

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 103

ดาวหาง

 

“ให้ตายสิ หัวหน้าคิดอะไรของเขานะ”อาวุโส 7 บ่นขณะนั่งอยู่บนหลังของหลินหลิน พร้อมแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ก็เข้าใจหรอกนะว่ามีหนุ่มที่ไหนไม่รู้ว่าลักพาตัวลูกสาวไปเลยของขึ้น แต่ไม่เห็นต้องส่งไปเขตอสูรเลยนี่นา”อาวุโส 7 บ่นอีกครั้งพลางเท้าเอวอย่างไม่พอใจ

“มังกรยิ่งรับมือยากอยู่ แบบนี้ข้าก็ต้องอับเดทข้อมูลน่ะสิ”อาวุโส 7 ยังบ่นไม่หยุดแต่นางก็เริ่มเอาตำราออกมาอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจแล้ว โดยในเนื้อหาล้วนเป็นข้อมูลเก่าของเขตอสูรหุบเขามังกรทั้งสิ้น

“ข้าขออ่านด้วยได้ไหมขอรับ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองตำราที่อาวุโส 7 นำออกมา

“อ๋อ เอาสิ ก่อนจะเข้าไปในเขตอสูรการทำความเข้าใจอสุรในนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญนะ”อาวุโส 7 ตอบพลางอ่านตำราต่อเงียบๆ

ความจริงข้อมูลของหุบเขามังกรนั้นมีไม่มาก เพราะนักสำรวจส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไปใกล้กันเสียเท่าไหร่ ทำให้ข้อมูลในตำรามีแต่ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจรอบนอกเท่านั้น ทำให้มีข้อมูลเจาะลึกไม่มาก ส่วนใหญ่ก็แค่บอกได้ว่าลักษณะของมังกรในหุบเขามีแบบไหนบ้าง

“ดูเหมือนมังกรที่เป็นราชาของเขตหุบเขามังกรจะเป็นมังกรทองสินะ”อาวุโส 7 ว่าพลางมองภาพวาดที่ถูกวาดเอาไว้ในตำรา ดูเหมือนจะมีหน่วยสำรวจในยุคก่อนเห็นมังกรทองบินอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเหล่ามังกรในหุบเขา

“มังกรทองเหรอ”ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วพลางนึกถึงภาพท่านน้ามังกรที่มีร่างกายเป็นทองทั้งตัวแทน แต่น่าเสียดายมังกรธรณีไม่เหมือนมังกรทองเลยแม้แต่น้อย

“อืม…ดูเหมือนจะเป็นอสูรที่มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่หายากเชียวล่ะ”อาวุโส 7 ว่าพลางเปิดภาพของมังกรทองให้ไป๋จูเหวินดู แต่เพราะมันเป็นภาพขาวทำให้ไม่สามารถมองภาพมังกรทองให้งดงามเหมือนจริงได้

“ธาตุศักดิ์สิทธิ์เหรอขอรับ”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว ธาตุของมารดามันคือรัตติกาล แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่นอกเสียจากเปิดปิดมิติของตนเองเลย

“เจ้ายังไม่ก้าวเข้าระดับหลอมรวมวิญญาณก็คงยังไม่ได้เปิดรับพลังธาตุสินะ พวกเราเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณพอก้าวข้ามระดับหลอมรวมวิญญาณแล้วจะได้รับพลังธาตุชนิดหนึ่งมากับตัวน่ะนะ”อาวุโส 7 ว่าพลางสร้างกระแสลมเบาๆพักมาทางไป๋จูเหวิน

“เรื่องนั้นข้าเองก็ได้พลังธาตุมาแล้วขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางสร้างหลุมมิติของตนออกมาทั้งๆที่ระดับหลอมรวมนภาของไป๋จูเหวินยังไม่สามารถสร้างได้แท้ๆ

“…ทำไม”อาวุโส 7 ขมวดคิ้วพลางสัมผัสพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินอย่างจริงจัง แต่ไม่ว่าจะสัมผัสลึกเท่าไหร่ก็รับรู้แต่เพียงระดับหลอมรวมนภาเท่านั้น

“หรือว่า”อาวุโส 7 สะดุ้งโหยงก่อนจะใช้สัมผัสลังอสูรแทน

“เจ้า พลังอสูรของเจ้าเหนือกว่าระดับหลอมรวมวิญญาณแล้วงั้นเหรอ”อาวุโส 7 พูดด้วยท่าทีประหลาดใจ แต่เดิมนางมีพลังอสูรต่ำมากอยู่แล้ว เลยไม่แปลกที่จะมีคนอื่นพลังอสูรเหนือกว่าตนเอง แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงระดับเกินกว่าระดับหลอมรวมวิญญาณแล้ว ถึงขั้นสร้างพลังธาตุขึ้นมาแล้วด้วย

“ขอรับ พลังอสูรของข้าเกินระดับหลอมรวมวิญญาณแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางสัมผัสพลังของตนเอง ตอนนี้มันอยู่ระดับทอง ขั้นที่ 4 แล้ว ส่วนพลังวิญญาณเองก็เลื่อนขึ้นมาเป็นระดับหลอมรวมนภาขั้นที่ 5 เช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าทำได้ยังไง”อาวุโส 7 ขมวดคิ้วพลสงมองไป๋จูเหวินอย่างประหลาดใจ

“นอกจากท่านหัวหน้ากับคุณหนูเหม่ยหลินแล้ว ไม่น่าจะมีใครทำได้อีกเลยนี่นา”อาวุโส 7 พูดด้วยท่าทีประหลาดใจสุดขีด เพราะนางทราบดีว่ากว่าเหม่ยหลินจะได้พลังอสูรระดับนั้นมาต้องใช้ความยากลำบากและเสียเลือดเสียเนื้อไปมากเท่าไหร่ สมุนไพรที่นำมาทดลองล้วนเสียเลือดเสียเนื้อของเหล่านักล่าอสูรไปไม่น้อย

“จะว่าไปเจ้าเองก็มีพลังอสูรมาแต่แรกแล้วนี่นา”อาวุโส 7 พึมพำพลางเชื่อมโยงเรื่องราวในสมองของตนเอง

“ขอรับ ข้าได้รับพลังอสูรมาเพราะอุบัติเหตุในสมัยเด็กขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆออกมา

“หรือว่า….”

“ท่านน้าของข้าใช้สมุนไพรมากมายเพื่อรักษาชีวิตข้าเอาไว้ได้ ข้าได้พลังอสูรมาเช่นไรท่านน้าของข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน”ไป๋จูเหวินตอบเพราะอาวุโส 7 ทำหน้าเหมือนคนอื่นๆที่ได้ทราบเรื่องนี้ไม่มีผิด แม้ตอนนี้ไป๋จูเหวินจะทราบส่วนผสมของยาที่กลุ่มนักล่าอสูรใช้แล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่คิดจะเผยแพร่ความลับนี้ออกไปแต่อย่างไร

“แบบนี้นี่เอง”อาวุโส 7 พยักหน้าเข้าใจพลางมองมิติที่ไป๋จูเหวินสร้างขึ้น

“อย่าบอกนะว่าเจ้ามีธาตุรัตติกาล”อาวุโส 7 ขมวดคิ้วอีกรอบด้วยความประหลาดใจ ยามนี้นางรู้สึกราวกับเจออสูรหน้าตาแปลกประหลาดที่นางไม่เคยพบมาก่อนเลย

“ขอรับ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆออกมา มันเป็นพลังของมารดา พอเห็นอาวุโสทำท่าตกใจเช่นนี้มันก็แอบดีใจเหมือนกัน

“ท่าทางเจ้าจะยังใช้ไม่เป็นสินะ แต่ข้าเองก็ไม่รู้จักคนที่ใช้พลังธาตุรัตติกาลเสียด้วย คงช่วยอะไรไม่ได้”อาวุโส 7 ตอบพลางถอนหายใจออกมา น่าเสียดายเจอพลังหายากอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับไม่สามารถสอนสั่งได้

“ไม่เป็นไรขอรับ แค่ท่านช่วยมากับข้าก็ดีมากแล้ว”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเรียบ แต่ก็เหมือนมันจะนึกอะไรออก

“แต่จะว่าไป ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ทางหรอกหรือหงเยว่”ไป๋จูเหวินถามพลางหันไปมองหงเยว่ที่กำลังชี้ทางให้หลินหลินอยู่

“นั้นสินะเจ้าคะ”หงเยว่ขยิบตาเล็กน้อยพลางบอกทางหลินหลินต่อราวกับได้ตอบคำถามไปแล้ว ทำให้ทั้งไป๋จูเหวินทั้งอาวุโส 7 หัวเราะแห้งๆออกมา

.

.

“ท่านอาวุโส ท่านไม่พักหน่อยเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองอาวุโสที่กำลังใช้ดวงไฟที่นางสร้างขึ้นเพื่ออ่านตำราทั้งๆที่ล่วงเลยมายามค่ำคืนแล้ว

“ข้าไม่ได้มีความทรงจำดีแบบเจ้าผู้ช่วยนี่นา ก่อนจะถึงหุบเขามังกรข้าอยากจำเนื้อหาในตำราให้หมดก่อน”อาวุโส 7 ว่าพลางพลิกหน้าตำราช้าๆ คนทั่วไปไม่เหมือนกับไป๋จูเหวินที่เพียงอ่านครั้งเดียวก็จำได้ทันที ยิ่งเป็นอาวุโส 7 ที่มีข้อมูลมากมายในหัวอยู่แล้ว การรับข้อมูลใหม่ๆเข้าไปก็ยิ่งยากกว่าคนปกติเสียอีก

“ถ้าเช่นนั้นก็พยายามเข้านะขอรับ”ไป๋จูเหวินไม่ทราบจะช่วยอย่างไร มันเลยนั่งลงข้างๆเริ่มฝึกฝนพลังต่อไป แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร อยู่ๆไป๋จูเหวินก็มองเห็นแสงสีทองที่วาดผ่านท้องฟ้าราวกับดาวหาง ก่อนที่มันจะค่อยๆขยายใหญ่มากขึ้น

“อาวุโส นั่นใช่มังกรทองที่ท่านพูดถึงหรือไม่”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองแสงสีทองที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา

“เรายังมาไม่ถึงครึ่งทางเลยนะ จะเจอพวกมังกรได้อย่างไร”อาวุโสว่าพลางเงยหน้าขึ้นมามอง แต่พอเห็นแสงสีทองตรงหน้านางก็ถอดแว่นตาออกเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้ายามเช้า ดวงตาของนางส่องประกายเล็กน้อยยามมองขึ้นไปพบแสงสีทอง

“มังกรจริงๆด้วย”อาวุโส 7 ว่าพลางกระพริบตาปริบๆ ความจริงแล้วนางไม่ได้สายตาสั้นแต่อย่างไร เพียงแต่นางกลืนแก่นอสูรของอสูรประเภทอินทรีเข้าไป มันทำให้นางสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าคนปกติมาก ทำให้นางต้องสวมแว่นเวลามองพื้นที่ใกล้ๆเท่านั้นเอง

“เหมือนมันจะมาทางนี้นะขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองแสงสีทองที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“มันพลังไม่สูงมาก ท่าทางจะเป็นแค่ลูกมังกร”อาวุโส 7 ว่าพลางเริ่มปล่อยพลังเซียนออกมา ไม่ทราบว่ามังกรตนนั้นจะมาดีหรือมาร้ายกันแน่

ตูม!! อยู่ๆร่างของมังกรทองก็ร่วงลงมาที่ด้านหน้าของหลินหลิน มันไม่ได้กำลังมุ่งหน้ามาทางไป๋จูเหวิน แต่มันกำลังร่วงลงมาที่พื้นต่างหาก

คลืนนนนน เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจากแรงกระแทกของมังกรทองเริ่มจางไป ร่างของมังกรสีฟ้าและสีแดงก็ปรากฏตขึ้นตรงหน้าพวกไป๋จูเหวิน

“หนีได้เท่านี้ล่ะ”มังกรสีฟ้าพูดพลางอ้าปากออก ภายในปากของมันปรากฏเพลิงสีฟ้าออกมาจากปากราวกับจะพ่นไฟออกมา

“อย่านะ”มังกรทองคำรามพลางพยายามดิ้นหนี หากมองดีๆจะพบว่าตามตัวมันมีบาดแผลไม่น้อย อาจจะเกิดขึ้นเพราะมังกรสีแดงและฟ้าตรงหน้าก็ได้

“พี่ชสบทั้งสอง ใจเย็นก่อน”ไป๋จูเหวินที่ยืนอยู่บนหลังของหลินหลินรีบห้ามทันทีเพราะหากมันพ่นไฟออกมาตอนนี้ พวกมันคงโดนไฟเล่นงานไปด้วยแน่ๆ แถมพลังของทั้งสองตนยังสูงมากถึงขั้นเกือบจะเข้าระดับเทียนเซียนแล้วเสียด้วยซ้ำ

“รีบหนีก่อน พวกมันไม่ฟังที่เจ้าพูดหรอก”อาวุโส 7 ว่าพลางเข้ามาดึงไป๋จูเหวินเอาไว้ แม้อสูรระดับสูงจะมีสติปัญญา แต่ไม่ได้เชื่อฟังมนุษย์ไปซะทุกตน

“ขะ ขออภัยคุณชาย”มังกรสีฟ้าดับไฟในปากตนเองลง ก่อนจะกระแอมออกมาเล็กน้อย ทำเอาอาวุโส 7 เบิกตากว้างอีกรอบ วันนี้นางเจอเรื่องประหลาดใจเยอะจริงๆ

“นี่เป็นปัญหาภายในของพวกเรา คุณชายท่านถอยไปเถอะ”มังกรสีแดงพูดพลางก้มลงกัดคอของมังกรทองเอาไว้

“พวกพี่ชายมาจากหุบเขามังกรงั้นเหรอ หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว เพราะเท่าที่มันอ่านมามังกรจะอยู่แต่ในเขตหุบเขามังกรเท่านั้นไม่ได้ออกไปไหนไกล

“ใช่แล้ว”มังกรสีฟ้าตอบพลางมองร่างของมังกรทองที่อยู่ในปากของมังกรสีแดงนิ่ง

“ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น”ไป๋จูเหวินถามพลางนั่งลงบนหลังของหลินหลิน ในเมื่อมันได้รับมอบหมายให้มาสำรวจหุบเขามังกร มันก็ควรสืบให้ทราบด้วยว่าทำไมมังกรสองตนนี้ถึงไล่ตามมังกรทองออกมา