บทที่ 312 การเปลี่ยนแปลงของพิภพเบื้องล่าง!

จอมบงการเทพยุทธ์

บทที่ 312 การเปลี่ยนแปลงของพิภพเบื้องล่าง!
เหนือแดนนิรันดร์ราชันเฉียนราชันบรรพบุรุษนิรันดร์และราชันดอกบัวสามราชันเซียนนิรันดร์ยืนอยู่คนละมุมล้อมรอบจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญที่อยู่ตรงกลางเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศที่น่าขนลุก

สําหรับยอดยุทธ์แดนนิรันดร์ซึ่งเดิมต่อสู้กันอยู่ห่างออกไปเป็นล้านลี้ด้วยความระมัดระวังราชัน

เฉียนจึงย้ายพวกเขาออกไปยังที่ห่างไกลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งต่อไปอย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าผู้หญิงคนนี้ที่ได้รับการเลื่อนเขตแดนโดยการก้าวข้าม

ไปสู่ราชันเซียนนิรันดร์ระดับสูงผู้นี้เป็นศัตรูหรือสหายถ้าเป็นสหายย่อมเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว

แต่ถ้าเป็นศัตรู มันจะเป็นการต่อสู้อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งจะขยายไปยังพรมแดนที่ไร้ ที่สุดและสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนจะถูกทําลายล้างด้วยสิ่งนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้แม้จะมีราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ไม่ว่าอย่างไร พลังการต่อสู้ของเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ระดับสูงนั้นแตกต่างจากการก้าวไป

สู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์เป็นครั้งแรกอย่างสิ้นเชิงพลังทําลายล้างของฝ่ายแรกนั้นไม่อาจจินตนาการได้ แม้ว่าทั้งสามราชันบรรพบุรุษนิรันดร์จะร่วมพลังกันต้องการเอาชนะเขตแดนราชัน เซียนนิรันดร์ระดับสูงก็อาจจะต้องจ่ายในราคาที่สูงเช่นกัน

ดังนั้น สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทําได้คือย้ายสิ่งมีชีวิตในแดนนิรันดร์ออกจากพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบครั้งใหญ่นี้

สําหรับสิ่งมีชีวิตในดินแดนอื่นๆทั่วไปแม้ว่าราชันเฉียนและคนอื่นๆ จะมีความตั้งใจที่จะ

ปกป้องพวกเขาแต่ก็ไม่มีอํานาจเช่นกัน

สถานการณ์ตกอยู่ในภาวะชะงักงันราชันเฉียนราชันบรรพบุรุษนิรันดร์และราชันดอกบัวไม่สามารถระบุที่มาที่แท้จริงของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญได้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปล่อยนางไปและในตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่สามารถทําลายการชะงักงันนี้ได้คือฉินมู่

เหนือกาลเวลาอันไร้ขอบเขตและห้วงมิติที่ห่างไกลจากแดนนิรันดร์พิภพเบื้องล่างในจักรวาลตั้งแต่จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญขึ้นสู่ดินแดนนิรันดร์และจักรพรรดินีชื่หยางเย่หลิงเสวี่ยหยุนรั่วซีจีสื่อและคนอื่นๆได้ร่วมมือกันเพื่อทําลายประตูพิภพและเข้าสู่แดนนิรันดร์ในที่สุดจักรวาลที่วุ่นวายก็สงบลงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามจักรวาลในเวลานี้แตกต่างจากก่อนที่ฉินมู่จะมาถึงโดยสิ้นเชิง

ก่อนที่ฉินมู่จะมาเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนได้รับเกียรติในจักรวาลเผ่าพันธุ์มนุษย์มีสถานะที่ต่ำต้อยและอาศัยอยู่คาบเส้นอย่างน่ากลัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมียอดยุทธ์สูงสุดโบราณที่เป็นอมตะจํานวนหนึ่งซ่อนอยู่ในจักรวาลเป็นเวลาหลายล้านปี

ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณเหล่านี้ถูกฝังอยู่ในโลกปุถุชนมาหลายล้านปีแล้วเพียงรอคอยเพื่อที่จะกลายเป็นอมตะเท่านั้นและพวกมันเกือบจะกําจัดความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตไปแล้วและหัวใจของพวกมันราวกับเหล็ก

แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกมันคือสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนที่ประสบความสําเร็จในเส้นทางที่ถูกต้องจนกลายเป็นจอมจักรพรรดิ สุดท้ายแล้วยังคงมีร่องรอยของความรู้สึกอยู่ในใจ

ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่อายุขัยไม่เพียงพอมันจะตื่นขึ้นและสังหารเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายพันล้านชีวิตด้วยแก่นแท้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตนับพันล้านนั้นสามารถชดเชยอายุขัยของตัวเองได้ชะลอความเร็วในการสลายไปของความเป็นอมตะ

และเพราะว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เคยให้กําเนิดผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดดังนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับยอดยุทธ์สูงสุดโบราณเหล่านี้จึงไม่มีทางต่อต้านได้เลยทําได้เพียงให้ตัวเองกลายเป็นอาหารเพื่อชดเชยอายุขัยของพวกมันเท่านั้น

แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ฉินมู่มายังพิภพนี้ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ

เขาได้สร้างดินแดนต่างๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และแม้กระทั่งแสดง

กลุ่มของจอมยุทธ์สูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แท้จริงบดขยี้เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนและสังหารยอดยุทธ์สูงสุดโบราณ

ตั้งแต่เขาออกจากพิภพเบื้องล่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ครอบครองตําแหน่งเหนือกว่าเผ่าพันธุ์

ทั่วไปในจักรวาลแม้แต่เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนก็ทําได้แค่ยอมจํานนต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นสําหรับยอดยุทธ์สูงสุดโบราณนั้นถูกเขากําราบไปมากแล้ว เหลือเพียงไม่กี่ชีวิตและอยู่ได้เพียงมุมหนึ่งของจักรวาลเท่า

และตั้งแต่ฉินมู่ออกไปมีเย่หลิงเสวี่ยหยุนรั่วซีจีสื่อจักรพรรดินีชี่หยางที่ยังคงอยู่ในจักรวาลพูดให้ถูกก็คือทั้งสี่คนเติบโตขึ้นโดยไม่ได้ออกจากการฝึกวิชาของฉินมู่และความสําเร็จของพวกเขา ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง

จอมจักรพรรดิสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ในจักรวาลอย่างไม่ต้องสงสัยขัดขวางทุกด้านของทุกฝ่ายและมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนสามารถสั่งการได้อีกต่อไป

เย่หลิงเสวี่ยและคณะทั้งสี่คนต่างก็เป็นกังวลกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ และทั้งสี่ได้ทําหน้าที่จอมจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างซื่อสัตย์ และพวกเขาได้ปกป้องการพัฒนาของเผ่าพันธุ์มนุษย์และทําให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น

ด้วยความช่วยเหลือของจอมจักรพรรดิทั้งสี่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้สืบทอดสมบัติและศิลปะการต่อสู้มากมายและได้พัฒนาจนเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการก้าวกระโดดมาระยะหนึ่งแล้ว

ในเวลาเพียงสิบปีราชันผู้กําแหงได้ปรากฏขึ้นคนแล้วคนเล่าเป็นครั้งแรกในเผ่าพันธุ์มนุษย์แม้ว่าจะไม่ใช่จอมยุทธ์ชั้นนําก็ตามแต่ด้วยขุมพลังของกลุ่มเผ่าพันธุ์ก็ยังสามารถกดข่มเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนได!

และในเวลานี้เย่หลิงเสวี่ยและพวกทั้งสี่คนเห็นว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้รับอันตรายอีกต่อไปและจะไม่ถูกกดดันจากเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนอีกต่อไปดังนั้นพวกเขาจึงเปิดประตูแดนนิรันดร์ด้วยความมั่นใจและเข้าสู่แดนนิรันดร์

ก่อนที่เย่หลิงเสวี่ยและคนอื่นๆจะจากไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงพวกเขาจึงจงใจ

กวาดล้างจักรวาลยอดยุทธ์สูงสุดโบราณทั้งหมดถูกกําจัดและไม่มีเหลืออยู่

แต่ทว่า หลังจากที่ทั้งสี่คนจากไป พิภพยังคงมียอดยุทธ์สูงสุดโบราณหลงเหลืออยู่อีกหนึ่งตน”ชิความฝันอันยิ่งใหญ่นับพันปีของนักพรตผู้นี้ตอนนี้ปีอะไรแล้ว!?”

พรมแดนของจักรวาลบนดาวเคราะห์โบราณที่หนาวเหน็บ ภายนอกพิภพโลงศพสีแดงปรากฏขึ้นฝาโลงศพเปิดออกเอง นักพรตที่สวมเสื้อคลุมนักพรตลุกขึ้นนั่งในโลงศพโบราณและอาละวาด

ตอนแรก ดวงตาของนักพรตร่างอ้วนผู้นี้ยังคงสับสนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งสีหน้าของเขาก็ปรากฏความตื่นเต้นมากขึ้น

“เทพเซียนคุ้มครองนับไม่ถ้วนในที่สุดก็มาถึงวันที่ประทับเจตสิกหายไปหมดแล้วว่ะฮ่าฮ่าฮ่านักพรตผู้นี้หลับไหลไปเป็นเวลาหลายพันปีในที่สุดก็หลีกเลี่ยงพวกเขาทั้งหมดได้”

ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไปที่แดนนิรันดร์กันหมดแล้ว

นักพรตร่างอ้วนสวมเสื้อนักพรตสวมมงกุฎสีม่วงทองบนศีรษะ ใบหน้าแดงก่ำเปล่งประกายราวกับอัญมณีนั่นคือนักพรตตัวนหยุนเชิง!