ตอนที่ 60 ซุบซิบนินทา

ระบบอัพเกรดเทพชาย

ตอนที่ 60 ซุบซิบนินทา

 

ถัดจากตําแหน่งของหลิงเซียว มีหญิงสาวคนหนึ่งเมื่อดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว คะแนนที่เธอได้คือมากกว่า 90 คะแนน

 

นี่คืออะไร? นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้าประทานพรขอให้หลิงเซียวเข้ามาเก็บเกี่ยวค่าสถานะหรอกหรือ?

 

หลิงเซียวจะปล่อยโอกาสนี้ทิ้งไปหรือไม่? ล้อเล่นน่า ใครมันจะบ้าปล่อยไป!

 

เมื่อหลิงเซียวมาถึงที่นั่งของเขา เขาก็หันไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆและกล่าวว่า “พี่สาวฉันชื่อหลิงเซียว พี่สาวชื่ออะไร แล้วพี่สาวมีแฟนหรือยัง?”

 

เสียงของหลิงเซียวไม่ดัง แต่ก็ไม่เบาเช่นกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเซียวเพิ่งเข้ามาในห้องเรียน กลุ่มนักเรียนปีหนึ่งกลุ่มใหญ่จึงจ้องมองมาที่หลิงเซียว

 

คําถามของหลิงเซียวที่โพล่งออกมานั้น ทําให้ทุกคนที่อยู่ในห้องเรียนตกตะลึง

พี่ครับ ทําไมพี่โหดจังครับ?

 

พี่ชาย พี่ไม่รู้สึกถึงสายตาของพวกเราเลยหรือ?

 

วิธีการจีบของพี่มันไม่แข็งที่อไปหน่อยหรือ?

 

อาจารย์ปรุงยาก็เบิกตากว้างเช่นกัน แต่เมื่อเขานึกได้ว่าหลิงเซียวถูกอาจารย์ใหญ่พามา เขาจึงไม่ได้พูดอะไร

 

หญิงสาวขมวดคิ้วและพูดตามความจริงว่า “ฉันชื่อ เย่ปิง และตอนนี้ฉันยังไม่มีแฟน”

 

หลิงเซียวยิ้มอย่างมีความสุข “เช่นนั้นก็ยินดีด้วย ตอนนี้พี่สาวมีสหายปืนใหญ่เพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว!” (มันหมายถึงคู่นอน)

 

สีหน้าของเย่ปิงเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นเย็นชาเหมือนชื่อของเธอ

 

พัฟ!

 

อาจารย์และนักเรียนในห้องเรียนทุกคนแทบจะกระอักเลือดเก่าออกมาเต็มปาก วิธีการพูดแบบนี้ช่างพิเศษจริงๆ!

 

ถามว่าสาวมีแฟนมั้ย เมื่อเธอบอกว่าไม่มี คุณพี่ชายกลับไปพูดกับเธอแบบนั้น พี่ชายไม่อยากสานสัมพันธ์กับเธอต่อแล้วหรือไง?

 

ทําไมพี่ชายถึงพูดอะไรแบบนั้นออกไป ตอนนี้เธอมีสหายปืนใหญ่เพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว? หน้าของคุณพี่ชายทํามาจากอะไรกันทําไมมันถึงได้หนาอย่างนี้?

 

“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสําเร็จ พลังชีวิต +2!”

 

“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสําเร็จ พลังวิญญาณ +2!”

 

เมื่อหลิงเซียวได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือนเขาก็รู้สึกมีความสุขทันที

 

เมื่อเห็นว่าเย่ปิงไม่พูดอะไร หลิงเซียวจึงกล่าวขึ้นมาอีกครั้งว่า “อย่าคิดมากเลยนะ ฉัน หลิงเซียว จะเข้าสู่ร่างกายของพี่สาวเพียงอย่างเดียวและจะไม่เข้าไปในชีวิตของพี่สาว”

 

“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสําเร็จ พลังชีวิต +1! ”

 

“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสําเร็จ พลังวิญญาณ +1!”

 

เมื่อสิ้นเสียง ทั้งห้องเรียนพลันเงียบกริบในทันที

 

โอ้! ไม่เพียงแต่ เย่ปิง จะไม่ได้คิดมาก แม้แต่กลุ่มอาจารย์และนักเรียนของเราก็ไม่ควรคิดมากเกินไป ใช่ไหม?

 

แต่ได้โปรดอธิบายที พี่ชายกลายเป็นคนที่ไร้ยางอายอย่างนี้ได้อย่างไร

 

ดูจากท่าทางการพูดแล้ว มันช่างชํานาญจนน่ากลัวจริงๆ

 

เย่ยิ่งจ้องมองไปที่หลิงเซียวด้วยความโกรธ “ไม่จําเป็น!”

 

เมื่อเห็นว่าหลิงเซียวยังคงต้องการจะพูด อาจารย์สอนปรุงยาจึงหยุดทันทีและกล่าวว่า “หยุดพูดซุบซิบนินทากันได้แล้ว เรียนกันก่อน”

 

หลิงเขียวหยุดพูด หากอาจารย์สอนปรุงยาไม่ห้าม เขาคงจะสามารถพูดได้อีกสองสามประโยค

 

“จริงสิ หลิงเซียว คุณเคยเรียนวิชาปรุงยามาก่อนหรือเปล่า?” อาจารย์สอนปรุงยาถาม

 

หลิงเซียวตอบอย่างมั่นใจ “ผมไม่มีพื้นฐานอะไรเลย แต่ผมเรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็วมาก”

 

นักเรียนคนอื่นไม่สามารถทนได้อีกต่อไป พวกเขาอดไม่ได้ที่จะพูดซุบซิบกัน

 

“ฮิฮิ มีนักรบจิตวิญญาณมากมายที่ต้องการเรียนวิชาปรุงยา แต่คนที่มีพรสวรรค์จริงๆกลับมีอยู่น้อยมาก!”

 

“มันควรจะเป็นภูมิหลังทางครอบครัวของเขา อาจารย์ใหญ่จึงไม่สามารถทําอะไรเขาได้ ดังนั้นเขาจึงได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องปรุงยา เพื่อที่จะทําให้เขาขายหน้า”

 

“ในโลกนี้ คนที่มีภูมิหลังนั้นช่างดีจริงๆ”

 

“ใครบอกให้เราไม่มีภูมิหลังกันล่ะ? เราทําได้แค่อิจฉา”

 

ความขมขื่นและความรังเกียจในคําพูดของเขาแทบจะไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

 

หลิงเซียวรู้สึกขบขัน คิดว่าคําพูดพวกนั้นจะทําอะไรฉันได้? ฉันเป็นบรรพบุรุษของพวกแก โอเค๊?

 

หากเขาฆ่าคนได้ด้วยปาก หลิงเซียวคิดว่าการสังหารผู้คนทั้งโลกในชั่วพริบตานั้นไม่ยากเลย

 

ไม่นานนักเรียนกลุ่มนี้ก็รู้สึกถึงความสิ้นหวัง!