บทที่ 240 จ้าวอสูรเต่าทมิฬที่น่าสงสาร!

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

บทที่ 240 จ้าวอสูรเต่าทมิฬที่น่าสงสาร!

“หนี ถ้าข้าไม่หนีตอนนี้มีหวังเจ้ามนุษย์น่ารังเกียจนี้ต้องสังหารข้าแน่แม้ว่าพรสวรรค์ด้านการ

ป้องกันระดับลึกลับและพรสวรรค์ในการรักษาระดับสูงสุดก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของข้าไว้ได้!”

ทันทีที่จ้าวอสูรกระทิงเขียวตระหนักได้ถึงเรื่องนี้มันรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่ต้องสงสัยตอนนี้มันได้ทําให้พรสวรรค์ทางสายเลือดของมันกลายเป็นระดับตะวันได้แล้วในอนาคตมัน

สามารถไปถึงระดับพระเจ้าได้ แล้วมันจะยอมตายที่นี่ง่ายๆได้อย่างไร?
มันจึงต้องการที่จะหนี!

เมื่อหนีออกไปแล้ว มันก็จะพยายามทะลวงผ่านการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดครั้งที่ 12 และหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดสําเร็จ 12 ครั้งมันจะยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้

กลายเป็นระดับพระเจ้าทันที เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่สายที่จะกลับมาฆ่าเย่เทียนเพื่อแก้แค้น
ตูม!

จ้าวอสูรกระทิงเขียวเผาผลาญพลังทางสายเลือดและพยายามกระตุ้นพรสวรรค์ด้านความเร็วของมันเพื่อหลบหนีออกไป

น่าเสียดายที่ภายใต้อํานาจของพรสวรรค์ด้านมิติ พื้นที่แห่งนี้ถูกกักขัง ความเร็วของจ้าวอสูรกระทิงเขียวถูกกดไว้ด้วยพลังมิติอันน่าสะพรึงกลัวแม้ว่ามันจะเผาผลาญพลังทางสายเลือดของมันแต่ก็ไม่สามารถวิ่งออกจากพื้นที่ที่ถูกกักขังโดยพรสวรรค์มิติได้

“เคลื่อนย้ายพริบตา!”

เย่เทียนเคลื่อนไหวไปปรากฏตัวอยู่ด้านข้างของจ้าวอสูรกระทิงเขียวและใช้ทักษะดาบตัดดาราฝันไปยังแผ่นหลังของจ้าวอสูรกระทิงเขียว

ตูม ตูม!

บาดแผลขนาดใหญ่ที่มีความยาวหลายร้อยเมตรปรากฎขึ้น บาดแผลในครั้งนี้ลึกเสียจนมองเห็นอวัยวะภายในของเจ้าอสูรกระทิงเขียวได้อย่างชัดเจพรสวรรค์ในการรักษาถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติแต่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของจ้าว

อสูรกระทิงเขียวได้เนื่องจากพรสวรรค์หนามวิญญาณและหอกวิญญาณได้เจาะทะลุวิญญาณของมันอย่างต่อเนื่องทําให้มันสัมผัสได้ถึงความตายที่กําลังย่างกรายเข้ามาในที่สุด

วิญญาณของเจ้ากระทิงเขียวก็พังทลายลงสติของมันค่อยๆจมดิ่งสู่ความมืดมิดแม้แต่พรสวรรค์ด้านการรักษาของมันก็ไม่อาจช่วยมันได้ทั้งวิญญาณและร่างกายของมันล้วนถูกทําลายเกือบจะพร้อมๆกัน

ไหว

ตูม!

ร่างอันใหญ่โตของจ้าวอสูรกระทิงเขียวร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ทําให้แผ่นดินทั่วบริเวณเกิดสั่นพริบ!

เย่เทียนไปปรากฏตัวขึ้นอยู่ข้างๆศพของจ้าวอสูรกระทิงเขียวเขามองไปที่มันและพึมพําว่า”สมแล้วที่เป็นจ้าวแห่งสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ในการรักษาระดับสูงสุดไม่ง่ายเลยที่จะฆ่ามันมันมีพลังเทียบเท่ากับจักรพรรดิ 6 ดาราแม้ว่าเราจะสามารถฆ่ามันได้แต่เราก็ต้องใช้พลังทั้งหมดของเรารวมถึงต้องเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อหากอีกฝ่ายคิดจะหนีตั้งแต่แรกจริงๆแล้วละก็ไม่มีทางที่เราจะสามารถฆ่ามันได!”

ระดับการบ่มเพาะเป็นข้อด้อยของเย่เทียนการทําลายขีดจํากัดของร่างกาย 8 ครั้งกับการทําลายขีดจํากัดของร่างกาย 10 ครั้งห่างกันเพียง 2 ขั้นแต่แตกต่างกันตรงที่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายครั้งใหญ่

ถ้าเขาสามารถทําลายขีดจํากัดของร่างกายถึง 10 ครั้งและบรรลุการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่การจะฆ่าจักรพรรดิ 6 ดาราย่อมเป็นเรื่องง่ายเหมือนการฆ่าไก่และสุนัข

“แม้เราจะฆ่าจ้าวอสูรกระทิงเขียวไปแต่เราไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ถึงหูของจ้าวแห่งสัตว์

อสูรตนอื่นๆ มิฉะนั้นหากพวกมันกังวลถึงภัยคุกคาม บางทีพวกมันอาจจะตัดสินใจรีบทะลวงเข้าสู่ระดับพระเจ้าเมื่อถึงตอนนั้นมันจะเป็นปัญหาอย่างมากสําหรับเรา”!

เย่เทียนพึมพ่า

ทักษะการรับรู้มิติของเขาแผ่ขยายออกไปหลายพันไมล์
วินาทีนั้น

ร่างของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิบางตัวก็ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเย่เทียน

แม้ว่าการต่อสู้ระหว่างเขากับจ้าวอสูรกระทิงเขียวจะส่งผลให้สัตว์อสูรจํานวนมากถูกสังหารแต่ก็ยังมีอีกจํานวนมากที่ยังคงมีชีวิตอยู่

สัตว์อสูรเหล่านั้นอยู่ห่างออกไป แต่บางทีพวกมันอาจสังเกตเห็นการคงอยู่ของเขาแล้ว”เหล่าสัตว์อสูรพวกนี้ต่างอยู่คนละทิศทาง หากเราไล่ล่าพวกมันพวกมันบางตัวอาจจะหนีรอดไปได้แต่ตอนนี้เรามีทักษะดาบระดับต่านานสามารถโจมตีผ่านมิติได้มันช่วยแก้ปัญหาให้เราอย่างแท้จริง!”เย่เทียนยิ้มบางๆ

ดาบระดับดาราในมือของเขาฟันออกไปเบาๆ ตัดผ่านมิติความว่างเปล่าในพริบตาสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่อยู่ห่างออกไป 300,000 ลี้กําลังวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง

มันเป็นสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิวัวเกราะโลหิตเดิมทีมันแค่เดินเตร็ดเตร่อยู่บริเวณนี้แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะได้เห็นจ้าวอสูรกระทิงเขียวที่กําลังต่อสู้กับมนุษย์และท้ายที่สุดมันก็เห็นจ้าวแห่งสัตว์อสูรกระทิงเขียวถูกสังหาร

นี่เป็นเรื่องใหญ่ มันจึงต้องการที่จะกระจายข้อมูลนี้ออกไป
แต่ทันใดนั้น!

ล่าแสงแห่งดาบก็ตัดผ่านช่องว่างทะลุผ่านร่างกายของมัน
ปัง!

วัวเกราะโลหิตล้มลงกับพื้นและพลังชีวิตของมันก็ค่อยๆจางหายไป

มันถูกเย่เทียนสังหารจากระยะไกลถึงสามแสนลี้!!!!

“ฟัน!”

“ฟัน!”

“ฟัน!”

เย่เทียนกวัดแกว่งดาบระดับดาราในมืออย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่เขาฟันออกไปจะมีสัตว์อสูรตัว

หนึ่งที่กําาลังหลบหนีตกตายในทันที

พริบตาเดียว

ในระยะ 1 ล้านลี้ไม่มีสัตว์อสูรร้ายตัวใดรอดชีวิตพวกมันล้วนถูกเย่เทียนสังหารจนหมดสิ้น

อาจกล่าวได้ว่าสัตว์อสูรจํานวนไม่น้อยไม่เข้าใจว่าตัวมันนั้นถูกสังหารได้อย่างไร

“ต่อไปก็หาจ้าวแห่งสัตว์อสูรตัวที่สอง!”

เย่เทียนไม่รู้ว่าจะไปหาจ้าวแห่งสัตว์อสูรตัวต่อไปที่ไหนดี ตอนนี้เหล่าจ้าวแห่งสัตว์อสูรกําลัง

ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนพวกมันคงกําลังซ่อนตัวเพื่อเตรียมพร้อมทําให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

ในเวลานี้ เขาคงทําได้เพียงค้นหาเบาะแสเล็กน้อยเท่านั้น เช่น เช่นการตรวจสอบร่องรอยของจ้าวแห่งสัตว์อสูร3 วันผ่านไป

เขาใช้เวลาอีกสามวันกว่าจะพบร่องรอยของสัตว์อสูรอีกตัว

ปล่องภูเขาไฟ

เย่เทียนพบจ้าวอสูรยักษ์เพลิงซึ่งเป็นหนึ่งในจ้าวแห่งสัตว์อสูร

ยักษ์เพลิงเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟเพียงตัวเดียวในบรรดาจ้าวแห่งสัตว์อสูร มันมีพรสวรรค์ธาตุไฟระดับลึกลับถึง 2 ชนิด

ประเภท: ยักษ์เพลิง

พรสวรรค์ทางสายเลือด: ตะวัน

พรสวรรค์ด้านพละกําลัง: ลึกลับปลอม (60%)

พรสวรรค์ในการป้องกัน: สูงสุด

พรสวรรค์ด้านความเร็ว: สูงสุด

พรสวรรค์มังกรอัคคี: ลึกลับ

พรสวรรค์หอกอัคคี: ลึกลับ

พรสวรรค์ฝ่ามือ: ปานกลาง

พูดตามตรง พรสวรรค์พื้นฐานทั้งสามของอสูรยักษ์เพลิงไม่ได้แข็งแกร่งมากนักบางทีนี่อาจจะมีเหตุผลมาจากสายพันธุ์ของมัน มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะยกระดับพรสวรรค์พื้นฐานเหล่านี้

แต่มันกลับมีพรสวรรค์ฝ่ามือระดับกลางที่สามารถซ้อนทับกับพรสวรรค์ด้านพละกําลังได้ดังนั้นพลังโจมตีของมันจึงแข็งแกร่งมากทั้งยังแข็งแกร่งกว่าจ้าวอสูรกระทิงเขียวเสียอีก

ก่อนหน้านี้มันสามารถเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดได้ถึง 11 ครั้ง และตอนนี้มันก็กําลังจะสามารถเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดครั้งที่ 12 ได้สําเร็จ

เมื่อเย่เทียนมาถึงที่นี่ เขาก็เห็นว่าจ้าวอสูรยักษ์เพลิงกําลังจะเสร็จสิ้นกระบวนการการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดครั้งที่ 12 ดังนั้นเขาจึงลงมือขัดขวางในทันที

หลังจากปะทะกันได้ไม่นานเย่เทียนก็สามารถฆ่าจ้าวอสูรยักษ์เพลิงได้สําเร็จ

เนื่องจากการเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้าบวกกับมันไม่มีพรสวรรค์ในการรักษา ดังนั้นเย่เทียน

จึงสามารถสังหารมันได้ง่ายกว่าจ้าวอสูรกระทิงเขียว

เมื่อจ้าวอสูรกระทิงเขียวจ้าวอสูรยักษ์เพลิงถูกเขาสังหารบวกกับจ้าวมังกรดําและจ้าวอสูรพยัคฆ์ทมิฬที่ถูกสังหารก่อนหน้านี้เท่ากับว่าในตอนนี้เหลือจ้าวแห่งสัตว์อสูรแค่เพียง 8 ตนเท่านั้น

ในบรรดาจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้ง 8 ตัว จ้าวอสูรเต่าทมิฬเพียงตัวเดียวที่ไม่สามารถแย่งชิงผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้

พูดอีกอย่างก็คือ หากเย่เทียนกําจัดจ้าวอสูรอีก 7 ตนที่เหลือได้ เขาก็ไม่จําเป็นต้องกังวลว่าโลกของสัตว์อสูรนี้จะมีสัตว์อสูรระดับพระเจ้าปรากฏขึ้นมาได้อีก

แต่การทําเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย!

อย่างไรก็ตามยังมีเรื่องที่เย่เทียนไม่รู้ มีการต่อสู้เกิดขึ้นภายในทะเลของสัตว์อสูรทะเลสัตว์อสูร

เต่ายักษ์ตัวหนึ่งลอยอยู่ท่ามกลางทะเลไร้สิ้นสุดโดยปกติแล้วกระดองของมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแม้แต่จ้าวแห่งสัตว์อสูรด้วยกันก็ไม่อาจทําลายได้แต่ตอนนี้กระดองของมันถูกทําลาย

จนแตกกระจายสามารถมองเห็นบาดแผลจํานวนมากและอวัยวะภายในของมันได้อย่างชัดเจนสายตาของมันมองไปยังแมวตัวหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศ แววตาของมันเต็มไปด้วยความคับข้องใจและความเกลียดชัง

“จักรพรรดิแมวเก้าชีวิต ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าฆ่ามังกรดําและพยัคฆ์ดําไปเพราะสิ่งที่มันท่าลงไป

ก่อนหน้านี้ ดังนั้นการที่พวกมันถูกสังหารก็สมควรแล้ว แต่ข้าไม่เคยมีปัญหากับเจ้าและข้าเองก็ไม่ได้ครอบครองผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีทางชีวิตนี้ของข้าจะสามารถก้าวสู่ระดับพระเจ้าได้อีกแล้วไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคตข้าก็ไม่ใช่คู่มือของเจ้า แต่ทําไมเจ้าถึงต้องฆ่าข้าด้วย??” เต่าทมิฬคำรามออกมาอีกครั้ง

จักรพรรดิแมวเก้าชีวิตจ้องมองเจ้าเต่าทมิฬด้วยสายตาหยอกล้อและกล่าวว่า”เต่าทมิฬ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้าข้าแค่อยากรู้ว่าจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้ง 9 ที่ได้รับผลมังกรศักดิ์สิทธิ์เมื่อ1 ปีที่แล้ว หลังจากพวกมันก้าวสู่ระดับพระเจ้าพวกมันหายไปไหน?เป็นโลกอื่นหรือไม่?หากข้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ข้าคงไม่กล้าทะลวงเข้าสู่ระดับพระเจ้า! และเจ้าเองก็มีชีวิตอยู่มานานนับหมื่นปี เจ้า

คงรู้เรื่องราวของยุคสมัยนั้นดีและเจ้าก็ยังเป็นสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิเพียงตัวเดียวในยุคนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้หากเจ้าบอกข้าข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า!”