เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ หยวนก็ตรงไปยังห้องนอนของเขาพร้อมเสี่ยวฮัว ในขณะที่หลัวลี่ไปสรุปให้พ่อเธอฟังเกี่ยวกับการพาทัวร์และการกินอาหารเล็กๆน้อยๆ
“ตอนนี้เราจะทำอะไรดี เวลาเรามีเหลือเฟือกว่าจ้าวแห่งภูเขาจะโจมตี แต่พี่ไม่อยากนั่งรออยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย”
หยวนบอกกับเสี่ยวฮัว
“คนส่วนใหญ่จะฝึกฝนทุกเวลาว่าง เพราะเวลาทุกนาทีมีความสำคัญมาก”
“เอ่อ…แต่ข้าพบว่าการฝึกฝนตามปกตินั้นน่าเบื่อมาก แต่ถ้านั่งอยู่แบบนี้แล้วหายใจทิ้งไปเฉยๆ กว่าจะไปถึงระดับต่อไปก็คงอีกนาน”
หยวนถอนหายใจ
ตอนนี้เขาต้องการฉีจำนวนนับล้านเพื่อเข้าถึงระดับต่อไป อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการพัฒนาเพียงระดับเดียว เมื่อเทคนิคของเขาดูดซับเพียง 5 ฉีต่อวินาที
“โดยทั่วไปแล้วการฝึกฝนจะใช้เวลานานมาก”
เสี่ยวฮัวพูดกับเขา
“เมื่อพี่หยวนไปถึงดินแดนที่สูงขึ้น อาจจะต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฝึกฝนเพื่อพัฒนาขึ้นไประดับเดียว”
“แต่เนื่องจากพี่หยวนไม่ต้องฝึกฝนตามปกติ ทำไมไม่ให้เสี่ยวฮัวอ่านหนังสือให้พี่ฟังล่ะ?”
เสี่ยวฮัวแนะนำ
“อ๋อ หนังสือเล่มนั้นหรอ?” หยวนพยักหน้า ตอนนี้เขาต้องปรับปรุงเทคนิคการฝึกฝนแล้ว บางทีเขาอาจจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆก็ได้
ไม่กี่อึดใจต่อมาเสี่ยวฮัวก็หยิบหนังสือออกมาและเริ่มอ่าน
หลายนาทีต่อมาหลัวลี่กลับมาทีห้อง แต่เมื่อเธอเห็นว่าหยวนกำลังฝึกฝน เธอก็ตัดสินใจรออยู่ข้างนอกจนกว่าเขาจะทำสำเร็จ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเกลียดที่จะขัดจังหวะใครบางคน ขณะที่เขากำลังฝึกฝน และมันอาจจะนำไปสู่การบาดเจ็บได้
สองสามชั่วโมงต่อมา หยวนลืมตาขึ้นราวกับว่าความรู้ใหม่ลอยเข้ามาในหัวของเขา
(2)>
(2)>
‘500 ฉีต่อวินาที! เร็วกว่าเดิม 100 เท่า! และตอนนี้ฉันต้องการ 10 ล้านฉี เพื่อเปิดใช้งานดาบแยกสวรรค์! มากกว่าเมื่อก่อน 1,000 เท่า!’ หยวนตกใจกับการพัฒนาเทคนิคการฝึกฝนครั้งใหญ่ของเขา
‘มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่จะดูดซับพลังฉีได้ขนาดนี้ เพราะมันใช้ฉีมากขึ้นในระดับที่สูงขึ้น’
เมื่อได้เห็นออร่าที่น่าเกรงขามรอบๆ หยวน เสี่ยวฮัวก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าเขาได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นอีกครั้งในฐานะผู้ฝึกฝน
‘พี่หยวนมีขีดจำกัดแค่ไหนกันนะ? เขามีขีดจำกัดความสามารถของเขารึเปล่า?’
เสี่ยวฮัวครุ่นคิดกับตัวเอง
ผู้ฝึกฝนทุกคนภายใต้สวรรค์ล้วนเกิดมาพร้อมหรือไม่พร้อมกับพรสวรรค์ สำหรับผู้ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ไม่ว่าจะมากแค่ไหนก็มีขีดจำกัดความสามารถของพวกเขาเสมอ
‘ไม่…มีคนที่มีพรสวรรค์แบบไม่มีขีดจำกัดอยู่…แต่คนพวกนั้นคือ…’
“เสี่ยวฮัวความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการฝึกฝนของพี่ดีขึ้นเล็กน้อย”
จู่ๆหยวนก็บอกกับเธอ
“ตอนนี้พี่สามารถดูดซับฉีได้มากขึ้นด้วยเทคนิคการฝึกฝน”
เสี่ยวฮัวโยนความคิดของเธอทิ้งไปอย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า
“พี่หยวนมีการพัฒนาอยู่เสมอ เพรางั้นเสี่ยวฮัวไม่แปลกใจเลย”
ในขณะเดียวกัน เมื่อหลัวลี่ได้ยินทั้งสองคุยกัน ก็เคาะประตูและพูดว่า
“เจ้าฝึกฝนสำเร็จแล้วหรือยัง??”
“เอ๊ะ! อย่าบอกว่าเจ้ายืนรออยู่ข้างนอกตลอดเลยหรอ?”
หยวนรีบเดินไปเปิดประตูให้
“ข้าไม่อยากรบกวน”
เธอพยักหน้า
“ข้ามีข่าวเกี่ยวกับจ้าวแห่งภูเขามาบอกแก่เจ้า มันอาจจะเริ่มโจมตีเราในเช้าวันพรุ่งนี้”
“โอเค ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาพยักหน้า
“อีกอย่าง พ่อของข้าอยากจะเชิญให้ทานอาหารเย็น แต่ไม่เป็นไรหากเจ้าจะปฏิเสธ เพราะเรารู้ว่าเจ้ายังอิ่มจากร้านอาหารในวันนี้”
“อาหารเย็นงั้นหรอ น่าสนใจมาก”
หยวนตอบรับคำเชิญของเขาทันที ไม่ว่าจะอิ่มแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่อยากงดอาหารตราบใดที่อาหารนั้นไม่ใช่ซุป
“ดีเลย! ข้าจะบอกให้พ่อรู้!”
หลัวลี่กล่าวก่อนจะหายออกไป
หลังจากหลัวลี่ออกไป หยวนก็พูดกับเสี่ยวฮัวว่า
“พี่จะออกจากระบบก่อนถ้าหลัวลี่กลับมาเจ้าก็บอกให้เขารู้ด้วยนะ”
เสี่ยวฮัวพยักหน้า และหยวนหายไปในอากาศที่เบาบางต่อหน้าต่อตาเธอ
“…”
ความเงียบแผ่เต็มห้อง หลังจากที่หยวนออกจากระบบ และเสี่ยวฮัวก็ครุ่นคิดด้วยความอยากรู้อย่างเห็น
‘พี่หยวนหายไปและปรากฏตัวตามที่เขาพอใจอย่างนั้นได้ยังไงกัน? เขาไม่ควรรู้เทคนิคเทเลพอร์ตใดๆ แล้วเขาไปไหน?’
อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที เธอก็เลิกสนใจและทำกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องปกติเท่านั้น
ในขณะเดียวกันหลังจากออกจากเกม หยวนก็อดทนรอหยูรู่จนกระทั่งเธอเข้ามาในห้องและเริ่มทำกิจวัตรประจำวันของเธอ
“หยูรู่ พี่กำลังทำภารกิจสำคัญอยู่ และแม้ว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นจนถึงพรุ่งนี้เช้า แต่พี่อยากจะขออยู่ในเกมคืนนี้”
หยวนพูดกับเธอ
“โอ้ ในที่สุดพี่ก็เล่นเกมอย่างจริงจังแล้ว โอเคเลยหนูจะให้พี่เล่น แต่พี่ไม่ควรทำแบบนี้บ่อยเกินไปนะ หนูไม่ต้องการให้สุขภาพของพี่แย่ลงเพราะมัน”
“ฮ่าๆๆ เธอกังวลมากเกินไปแล้วหยูรู่ พี่ไม่เคยรู้สึกดีเลย จนได้มาเล่นเกมนี้ และมีหลายครั้งที่รู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลังงาน และแน่นอนสิ่งเดียวที่เป็นจริงก็คือพี่มีร่างกายที่น่าสมเพชนี้”
ในเวลาต่อมาหลังจากหยูรู้ทำความสะอาดและป้อนอาหารให้แล้ว หยวนก็กลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง