กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 471
เยี่ยจิ่งหานไม่สามารถที่จะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อีกต่อไป น้ำเสียงเขาค่อนข้างร้อนรน กล่าวว่า“จะสำแดงฤทธิ์ทุกวันที่สิบห้าของเดือนใช่หรือไม่?”

กู้ชูหน่วนใจเต้นระรัว

เผ่าหยกถูกปิดซ่อนจากโลกมานานนับพันปี คนทั่วไปไม่ได้รู้องค์ประกอบอะไรเกี่ยวกับเผ่าหยกเลย และยิ่งไม่รู้คำสาปโลหิตด้วย

เยี่ยจิ่งหานรู้คำสาปโลหิตได้อย่างไร?

เขารู้คำสาปโลหิต เช่นนั้นเขารู้วิธีคลายคำสาปโลหิตหรือไม่

คิดได้แบบนี้ กู้ชูหน่วนจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นางขมวดคิ้วกล่าวถามว่า“ใช่ ทุกวันที่สิบห้าของเดือนจะสำแดงฤทธิ์ กระดูกของร่างกายจะหักและทั้งตัวจะสึกกร่อนจากภายในสู่ภายนอก เน่าเปื่อยอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งตาย ท่านรู้วิธีคลายคำสาปโลหิตหรือไม่? ”

เยี่ยจิ่งหานหน้าซีดเผือดทันที มือทั้งสองข้างกำแน่นจนมีเสียงดังขึ้น

ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่ากู้ชูหน่วนกล่าวพูดเท็จมาโดยตลอด และเขาก็หวังว่าที่กู้ชูหน่วนจะกล่าวพูดเท็จด้วย

แต่แววตาที่ร้อนรนของนาง มันไม่เหมือนกับพูดเท็จเอาเสียเลย

แววตาของคนหนึ่งไม่สามารถโกหกคนได้หรอก

นางร้อนรนใจ จากก้นบึ้งหัวใจด้วยความที่อยากจะได้วิธีคลายคำสาปโลหิต

กู้ชูหน่วนกอบกุมมือของเขาทันที และกล่าวถามอย่างร้อนใจอีกหนึ่งครั้งว่า“เหตุใดท่านถึงไม่พูด ท่านต้องมีวิธีคลายคำสาปโลหิตอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”

ลำคอของเยี่ยจิ่งหานเหมือนกับมีก้างปลามาติดอยู่ นัยน์ตาของเขาที่มองกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความเห็นใจสงสารและความโกรธ

เป็นเวลานาน เขาถึงได้ปล่อยมือช้าๆ กล่าวออกมาว่า“ข้าไม่มีทางให้เจ้าตาย แล้วก็จะช่วยเจ้าคลายคำสาปโลหิตด้วย”

“พูดเช่นนี้ แสดงว่าท่านรู้วิธีคลายคำสาปโลหิตใช่หรือไม่?เยี่ยจิ่งหาน ท่านบอกข้าได้หรือไม่ เรื่องนี้สำคัญกับข้ามาก ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด ข้าตกลงยอมหมดทุกอย่าง”

“ไข่มุกมังกรเจ็ดเม็ด อยากจะคลายคำสาปโลหิต มีเพียงวิธีเดียว คือรวบรวมไข่มุกมังกรให้ครบเจ็ดเม็ด”

กู้ชูหน่วนปล่อยมือในทันที

ไข่มุกมังกรอีกแล้ว

ดูเหมือนว่าหากไม่รีบตามหาไข่มุกมังกรที่เหลืออีกสองเม็ด คำสาปโลหิตของเผ่าหยก ไม่มีทางคลายได้ชั่วชีวิตเป็นแน่

“เจ้าวางใจ มีข้าอยู่ เจ้าจะต้องไม่ตาย”

“เช่นนั้นท่านมีข่าวคราวของไข่มุกมังกรหรือไม่?”

“ไม่มี แต่เผ่าหยกน่าจะมีไข่มุกมังกรจำนวนหนึ่ง”

กู้ชูหน่วนยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า“ข้าโกหกท่าน ระหว่างทางที่ข้ากลับมา ไม่ได้พบเจอคนของเผ่าเพลิงฟ้าหรอก แล้วก็ไม่ได้โดนคำสาปโลหิตด้วย”

บุญคุณความแค้นของเผ่าเพลิงฟ้ากับเผ่าหยก นางไม่อยากจะดึงลากเขามาด้วย

เยี่ยจิ่งหานสีหน้าอึมครึมยากที่จะเข้าใจ

ความสัมพันธ์ชายหญิงที่ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อครู่ จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ดึกแล้ว คืนนี้เจ้านอนที่นี่เถิด ข้าสัญญาจะไม่แตะต้องเจ้า”

มันดึกมากแล้วจริงๆ

หรืออาจจะพูดได้ว่า ใกล้จะฟ้าสางแล้ว

ทรมานทั้งคืน อีกทั้งเดินทางติดต่อกันหลายวัน กู้ชูหน่วนเหนื่อยมากจริงๆ

ที่สำคัญคือ ระดับความยากที่จะหนีจากเยี่ยจิ่งหานนี้ยากมากด้วย

นางหาวนอนทีหนึ่ง จากนั้นพลิกแยกผ้าห่มออกแล้วนอนลงไป “ข้านอนเตียง ท่านนอนเตียงไม้แบบยาวนะ”

“ได้”

ทั้งคืนไร้การพูดคุย

กู้ชูหน่วนมีเรื่องมีราวในใจมากมาย ภายในใจที่นึกถึงล้วนเป็นชาวบ้านผู้คนของเผ่าหยก ค่ำคืนนี้ไม่รู้ว่าพลิกตัวไปตั้งเท่าไหร่ครั้ง ถึงได้หลับไป

เยี่ยจิ่งหานนอนบนเตียงไม้แบบยาว แม้เขาจะไม่ได้พลิกตัว แต่ทว่าก็มีเรื่องภายในใจเช่นกัน

ได้ยินเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของกู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหานเลยลุกขึ้นเบาๆเขานำแสงเทียนส่องที่หลังหูของนาง

ด้านหลังใบหูของนางไม่มีอะไร

เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่มีร่องรอยของการถูกคำสาปโลหิต?

ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ เยี่ยจิ่งหานเลยนำน้ำตานางเงือกที่เปลี่ยนเป็นไข่มุกหรือไข่มุกนางเงือกขึ้นมาจุด

ครั้งนี้ แสงโลหิตสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นที่หลังหูของกู้ชูหน่วนด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เยี่ยจิ่งหานสมองหนักอึ้ง แทบจะเป็นลม

คำสาปโลหิต…..

คิดไม่ถึงว่าเป็นคำสาปโลหิต…..

นางได้รับคำสาปโลหิตที่เผ่าหยกไม่สามารถคลายออกได้มาหลายพันปี

และเป็นคำสาปโลหิตที่ร้ายแรงมาก เป็นคำสาปโลหิตที่คลายยากมากที่สุด……

เหมือนกับท่านแม่ของเขา…..

………

ความทรงจำที่ฝุ่นกลบไปหมดคล้ายดั่งแม่น้ำล้นตลิ่ง ไม่หยุดที่จะถาโถมพรั่งพรูประเดประดังเข้ามาในหัวของเยี่ยจิ่งหาน

ทุกฉากล้วนคือคำสาปโลหิตของแม่เขาสำแดงฤทธิ์ เป็นภาพที่เจ็บปวดเจียนตาย

ใจของเยี่ยจิ่งหานเจ็บเหมือนกับกริชกรีดฟาดฟัน

หากว่าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากนึกถึงฉากโศกนาฏกรรมในชีวิตของเขาแล้ว

มันเหี้ยมโหดเหลือเกิน

ไม่มีคำกล่าวพูดใดบนโลกที่สามารถบรรยายฉากความโหดร้ายนั้นได้

ร่างกายค่อยๆ เน่าเปื่อยจากภายในสู่ภายนอก กระดูกทั้งตัวแตกหักทีละชุ่น และแต่ละอันก็มีเสียงแตกหักดังลั่น ราวกับว่ากำลังดีดผีผา

คนที่ต้องคำสาปโลหิต ประมาณยี่สิบวันกระดูกถึงจะเจริญเติบโตดี

ยี่สิบวันนี้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กระดูกเจริญงอกขึ้นไม่ได้ดีสบายไปกว่าการแตกหักเท่าไหร่

มันไม่ง่ายที่กระดูกจะงอกขึ้นแบบสมบูรณ์ เพราะไม่นานก็วนมาวันที่สิบห้า พอหนึ่งถึงวันที่สิบห้า ก็เริ่มวนวัฏจักรเดิม

หญิงที่ถูกคำสาปโลหิต มิสู้กับเอากริชให้นางหนึ่งด้าม ก็สามารถหลีกเลี่ยงรสชาติการตายดีกว่ามีชีวิตอยู่ได้

เยี่ยจิ่งหานไม่อยากจะเชื่อจริงๆ หากกู้ชูหน่วนได้รับคำสาปโลหิต เช่นนั้นชีวิตวันข้างหน้าของนางควรจะทำอย่างไร?

เด็กน้อยที่อยู่ในท้องจะทำอย่างไร?

คำสาปโลหิตสามารถส่งต่อรุ่นลูกได้……

อีกทั้งยังส่งต่อถ่ายทอดแบบเต็มรูปแบบ โดยไม่มีข้อยกเว้น

ลูกของเขา…..ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ก็จะได้รับคำสาปโลหิต?

เยี่ยจิ่งหานมองกู้ชูหน่วนด้วยความชะงักอึ้ง สีหน้าท่าทางดูไม่ได้

ตอนกู้ชูหน่วนสะลึมสะลือนางรู้สึกว่ามีสายตากำลังจับจ้องนาง แต่ทว่ากลับไม่ได้มีความอำมหิตอะไร

นางลืมตาขึ้นช้าๆ พอลืมตาขึ้น นางลุกขึ้นนั่งโดยฉับพลัน แล้วดึงผ้าห่มของตนเอง กล่าวด้วยความตื่นตะหนกว่า“เยี่ยจิ่งหาน ดึกดื่น ท่านอยากทำให้คนตกใจตายหรือ?”

เยี่ยจิ่งหานจะไม่ตอกกลับนางแล้วก็ไม่โมโหเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เขาเพียงแค่ใช้แววตาที่ซับซ้อน อีกทั้งแววตาที่ทะนุถนอมนางเป็นอย่างมากมองนาง

กู้ชูหน่วนลูบคลำใบหน้าของตนเอง กล่าวอย่างลังเลว่า“แววตานี้ของท่าน มันค่อนข้างน่ากลัว เยี่ยจิ่งหาน ข้าไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อท่านนะ”

“ฟ้ายังไม่สาง เจ้านอนอีกสักหน่อยเถิด”น้ำเสียงของเยี่ยจิ่งหานที่เปล่งออกมามันช่างแหบพร่า

“เช่นนั้นท่านล่ะ?”

“นอนไม่หลับ ข้าจะไปอ่านตำราที่ห้องตำรา”

กู้ชูหน่วนมองตามแผ่นหลังที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของเขาแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างแปลกประหลาด

แท้จริงแล้วเป็นเรื่องอะไร ถึงได้ทำให้เขาอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวได้แบบนี้ไม่รู้จบนะ

กู้ชูหน่วนก้าวสองสามก้าวเดินมาตรงหน้าเขา“ท่านเป็นอะไร?เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”

เยี่ยจิ่งหานยิ้มออกมา จงใจกล่าวอย่างสบายอารมณ์ว่า“ไม่มี ฟ้าใกล้สางแล้ว ข้ายังมีงานมากมายต้องจัดการ อีกสักครู่ข้าจะกินมื้อเช้ากับเจ้า ตอนเย็นค่อยนอนเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าเพิ่งจะนอนได้สักพักหนึ่ง นอนต่ออีกหน่อยเถิด อย่าคิดอะไรไปเรื่อย ไข่มุกมังกรข้าจะเป็นคนช่วยหา”

กู้ชูหน่วนขนลุกซู่

เยี่ยจิ่งหานอ่อนโยนแบบกะทันหัน

ผิดจากปกติจะต้องมีอะไรแน่นอน เขาคิดจะทำอะไร?

รู้ว่านางแกล้งท้อง?

เพราะฉะนั้นเลยมาขู่นาง หาไข่มุกมังกรเจอแล้วก็ไม่มีทางให้นางอีกทั้งอาจจะรั้งไม่ให้นางหาไข่มุกมังกรเจอ?

น่าจะไม่ใจแคบถึงขนาดนั้นไหม

แม้ว่าในวันปกติเยี่ยจิ่งหานจะใจแคบจริงๆ ถูกนางบังคับเรื่องหนึ่ง จนวันนี้ยังไม่ลืม จุกจิกคิดเล็กคิดน้อย

แต่เรื่องไข่มุกมังกรเป็นเรื่องสำคัญ เขารู้คำสาปโลหิต คงไม่เอาอำนาจมาใช้ในการแก้แค้นหรอกนะ

ไม่ว่าอย่างไร กู้ชูหน่วนยังยิ้มแล้วเชิญเขาออกไป “เรื่องราชการสำคัญ ท่านอ๋องยุ่งก็รีบไปเถิด ข้าจะนอนอย่างว่าง่ายอีกสักครู่หนึ่ง ไม่มีทางทำให้ท่านอ๋องยุ่งยากหรอก”

“ได้……”

กู้ชูหน่วนยิ่งพูดง่าย เยี่ยจิ่งหานยิ่งสงสารทะนุถนอม

เขาสาวเท้ายาวๆออกไป รีบเรียกหลีลั่วมาทันที แล้วเริ่มเคลื่อนไหวหอเทียนหวั่ง

กู้ชูหน่วนทอดถอนหายใจออกมายาวเหยียด

ไปแล้วก็ดี พอดีกับที่นางตะได้ค้นห้องนอนว่ามีม้วนตำราหนังแกะโบราณหรือไม่

พูดแล้ว กู้ชูหน่วนจึงรีบค้นหาที่หัวเตียงและบริเวณฉากกั้นห้อง

เหมือนว่านางพลิกฟ้าค้นหาทั่วห้องนอนก็หาไม่ม้วนตำราหนังแกะโบราณไม่เจอ

“บัดซบ เยี่ยจิ่งหานคนเลวนี่ เอาม้วนตำราหนังแกะโบราณไปไว้ที่ไหนกันนะ”