บทที่ 314 การตรวจสอบของราชันเฉียน

จอมบงการเทพยุทธ์

บทที่ 314 การตรวจสอบของราชันเฉียน

“เชี่ย! ใครที่กําลังเล่นกับนักพรตผู้นี้!”

ตัวนหยุนเชิงถูกจับอยู่ในฝ่ามือขนาดใหญ่เขาพบว่าตัวเองต่อหน้าฝ่ามือนี้ไม่สามารถต่อต้าน

ได้เลย หาได้เพียงคารามด้วยความโกรธแค้นและหมดหนทาง

มือใหญ่คลุมนภาตกลงมากวาดตัวนหยุนเชิงไปทุกอย่างเกิดขึ้นในทันที

จากนั้น ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฝ่ามือขนาดใหญ่เหมือนจับลูกไก่จับต๋วนหยุนเชิงไว้ในฝ่ามือ แล้วข้ามมิติอันไร้ขอบเขตตรงไปยังทิศทางแดนนิรันดร์

ในสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นของตัวนหยุนเชิงมือใหญ่นั้นได้ทะลุผ่านประตูแดนนิรันดร์ที่ปิดกั้นพิภพเบื้องล่างกับแดนนิรันดร์โดยตรงไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย

กระทั่งความล่าช้าก็ไม่เคยปรากฏ

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเขามือนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง โยนตัวนหยุนเชิงไปอย่างรุนแรง

ที่ชายแดนร้างของแดนนิรันดร์การเผชิญหน้าระหว่างจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญกับราชันเฉียนและคนอื่นๆยังไม่สิ้นสุดและสถานการณ์ก็ยังไม่เป็นไปในแง่ดี

อย่างไรก็ตามในขณะที่ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์และราชันเฉียนไม่รู้ว่าจะต้องทําอย่างไรต่อไปการเคลื่อนไหวระยะไกลก็ได้กระตุ้นความคิดของพวกเขา

ในขอบฟ้าอันไกลโพ้น ดูเหมือนจะมีจุดดํากําลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงมากบินจากระยะไกลเข้ามาใกล้ มายังทิศทางของพวกเขา
“นั่นอะไรนะ?”

ราชันเฉียนย้ายสายตาไปยกมือขึ้นเล็กน้อยราวกับจะฟาดฝ่ามือออกไปแต่ในวินาทีสุดท้ายเขาก็ได้หยุดยั้งดูเหมือนจะรู้ว่า ‘สิ่งของ’ที่บินอยู่นั้นคืออะไร

เปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกรงเล็บหยิบ’สิ่ง’ นั้นและหิ้วไว้ในมือ

“เทพเซียน เชี่ย… …”

ตัวนหยุนเชิงที่ถูกโยนจนมีสภาพอเนจอนาถกําลังจะด่าอีกฝ่าย แต่ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันทรงอํานาจทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนคําพูดถัดไปลงไปในท้องต่อหน้ากระแสพลังอันไร้ใครเทียบต้วนหยุนเชิงรู้สึกไม่มีความสําคัญเหมือนมดใต้ดวงตะวันบนฟ้ากว้าง

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ตามปกติแล้วเขาไม่กล้าที่จะหยิ่งผยอง

ในตอนนี้ตัวนหยุนเชิงเกือบจะเข้าใจว่าเขาถูกส่งตัวมายังแดนนิรันดร์โดยใครบางคน

แต่ใครกันที่ลงมือส่งตัวเขามาที่นี่

และที่นี่ที่ไหน ทําไมจึงมีผู้ที่แข็งแกร่งจํานวนมากนักพรตผู้นี้กลัวแทบตายแล้วจริงๆ!

ตัวนหยุนเชิงตกอยู่ในสภาวะสับสนและราชันเฉียนก็ขมวดคิ้วเช่นกันไม่ทราบว่านักพรตอ้วนผู้นี้ที่พลันบินเข้ามานั้นมาจากที่ไหน

แต่ทว่าจากการตรวจสอบเล็กน้อยเขาก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นไร้กระแสพลังของแดนทมิฬราชันเฉียนจึงวางแผนที่จะโยนเขาไปด้านข้าง เพื่อไม่ให้โดนลูกหลงและได้รับผลกระทบในภายหลัง

อย่างไรก็ตามเมื่อราชันเฉียนกําลังจะปล่อยมือตัวนหยุนเชิงที่ถูกจับในมือก็ดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างและอ้าปากออกกว้าง
เขาอุทานออกมา

“เทพเซียนคุ้มครอง!จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ!จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญช่วยข้าด้วยช่วยข้าด้วย!จําได้ไหมว่านักพรตผู้นี้เคยไปที่สุสานของเจ้าในตอนนั้นอาาา!ข้าได้ไปไปที่สนามฝึก

ของเจ้าด้วยในฐานะแขก!”

เมื่อต้วนหยุนเชิงมองไปรอบๆและพบกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญยืนอยู่เหนือเก้าสวรรค์

อย่างไม่ต้องสงสัยว่าเขาจะต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจในทันที

เขาไม่ได้โง่ในสถานการณ์ปัจจุบันแค่ดูก็สามารถวิเคราะห์ได้แปดเก้าส่วนแล้วสิ่งมีชีวิตที่ส่งกระแสพลังอันทรงอํานาจทั้งสามนี้ต่างรายล้อมรอบจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญแบบไม่เด่นชัดไว้ตรงกลาง ดูเหมือนพวกเขากําลังจะกลายเป็นศัตรูดังนั้นเมื่อต้วนหยุนเชิง ตระหนักถึงการมีอยู่ของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญตามปกติแล้ว ย่อมต้องขอความช่วยเหลือจากนางอย่างไรก็ตามหัวใจเขาก็ยังผสมปนเปกันไปด้วยความรู้สึกตกใจและสงสัยที่น่าตกใจก็คือ

ความแข็งแกร่งของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญในตอนนี้ได้ไปถึงระดับที่เขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้แล้ว

นี่น่าสงสัยก็คือเป็นคนพวกนี้หรือไม่ที่จับเขามาที่นี่พวกเขาเป็นศัตรูกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญใช่ไหม?นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาจึงจับเขามาที่นี่เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจับเขา

ไว้เป็นตัวประกันเพื่อรีดไถจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ

ตัวนหยุนเชิงสับสนแต่เขาก็คิดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเขาไม่ได้เป็นคนสําคัญรอบตัวของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญต่อให้คุกคามอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

“เจ้ารู้จักนางงั้นรี”

ราชันเฉียนที่กําลังจะปล่อยมือหลังจากที่ได้ยินต้วนหยุนเชิงตะโกนก็เลิกคิ้วขึ้นและจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวนหยุนเชิงทันที

เมื่อมองดูหน้ากันแล้วพลังอันยิ่งใหญ่ของราชันเซียนนิรันดร์ก็ได้กําราบการต่อต้านทั้งหมดของตัวนหยุนเชิงในทันที

ฉากที่ต้วนหยุนเชิงเคยประสบมาในอดีตในสายตาของราชันเฉียน เหมือนเดินดูดอกไม้ในสวนเริ่มย้อนทวนกลับไปสู่อดีตโจรปล้นสุสาน

ยิ่งมองลึกเข้าไป ราชันเฉียนก็ยิ่งมีหน้าตาบิดเบี้ยวดูตกใจมากขึ้นเท่านั้น!

หลังจากผ่านไปเนิ่นนานในที่สุดเขาก็ถอนหายใจโยนตัวนหยุนเชิงทิ้งไปพูดกับราชันบรรพบุรุษนิรันดร์และราชันดอกบัวข้างตัวเขาว่า “ทุกอย่างที่นางพูดเป็นความจริงนางมาจากพิภพเบื้องล่างจริงๆ

คนจากต่างภพ

ความทรงจําไม่สามารถปลอมแปลงได้เพียงแค่ราชันเฉียนตรวจสอบความทรงจําของตัวนหยุนเชิงก็ถือได้ว่าเป็นการตรวจสอบจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญตามธรรมชาติ

ส่วนของความทรงจําเหล่านี้ล้วนเป็นความจริงไม่มีทางปลอมแปลงได้

ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือราชันเฉียนได้รู้ความจริงในทุกสิ่ง

ผลปรากฏว่า ผู้หญิงคนนี้ชื่อจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญนางมาจากพิภพเบื้องล่างจริง!ผู้หญิงที่มาจากพิภพเบื้องล่างนี้อายุไม่ถึงหนึ่งหมื่นปีก็ได้บรรลุเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ระดับสูง … …

เมื่อคิดเช่นนี้แล้วราชันเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจมีผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้ในพิภพนี้จริงๆ

แต่ทว่า เมื่อนึงถึงบุคคลผู้ทรงอํานาจที่อยู่เบื้องหลังจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญแล้วทั้งหมดนี้

ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติอีกครั้ง

ในความทรงจําของต้วนหยุนเชิงแม้ว่าจะมีเพียงเบาะแสแต่ราชันเฉียนก็สามารถอนุมานได้ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีในตำนาน!