“พวกเจ้า…เป็นพวกเดียวกัน!” เป่ยเหมินเวยมองเจียงหลีและหรงจิ่ง ในที่สุดก็เข้าใจ “หรงจิ่ง ไอ้คนทรยศ!”
หรงจิ่งกลับยิ้ม “ไม่เคยหักหลัง แล้วจะเป็นคนทรยศได้อย่างไร”
เป่ยเหมินเวยพูดไม่ออก ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา ในเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม หัวเราะเยาะตัวเองหรือว่าหรงจิ่งก็มิอาจรู้ได้ หลังจากที่เขาหัวเราะเสร็จก็กระอักเลือดสีดำออกมาแล้วพูดกับหรงจิ่งด้วยความโกรธแค้นว่า “คุณชายจิ่งที่เดิมมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งใต้หล้าก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมก้มหัวให้กับผู้หญิง เพราะความรัก”
คำพูดนี้ หรงจิ่งไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“หรงจิ่ง! ข้าขอสาปแช่งเจ้า ขอให้เจ้าไม่มีวันได้หัวใจของคนที่เจ้ารักทุกๆ ชาติไป!”
“หุบปาก!” เจียงหลีปล่อยพลังวิญญาณออกมาจากกลางฝ่ามือ พุ่งโจมตีไปยังหัวใจของเป่ยเหมินเวย ทำให้เขาตายตาไม่หลับ เบิกตาโตมองบัลลังก์ของตัวเอง
เจียงหลีได้ฆ่าเป่ยเหมินเวยแล้ว แต่กลับยังไม่หายโกรธ นางรีบเดินเข้าไป แล้วเอาเท้าเหยียบบนศพของเป่ยเหมินเวย แล้วพูดอย่างดุดันว่า “เจ้ากล้าสาปแช่งเขา ข้าก็จะทำให้ตระกูลเป่ยเหมินของเจ้าสูญสิ้นไปจากหนานฮวงตั้งแต่บัดนี้!”
คำพูดที่รุนแรง ทำให้หรงจิ่งยิ้มเล็กน้อย
“ฆ่าคนพวกนี้ให้หมด!” เจียงหลีออกคำสั่ง เซียวเซียวและคนอื่นๆ ต่างก็พากันเข้ามาในวัง แล้วจบชีวิตของคนพวกนี้อย่างง่ายดาย
อาเฉวียนเดินเข้ามาในวัง แล้วมองหรงจิ่ง ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่กลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา
“จักรพรรดินีแห่งจยาเซียน! อ๊ากกก! ชาติหน้าข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!” เป่ยเหมินเจวี๋ยตะโกนเสียงดัง
เจียงหลีหันมามองเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ข้ารอให้เจ้ามาฆ่าข้า เจ้ากล้ามา ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าอีกชาติ”
“เจ้า!” ทันใดนั้นเป่ยเหมินเจวี๋ยก็เบิกตาโต เขาโกรธเจียงหลีมากจนขาดใจตาย
“คุณชาย!” เสียงที่ร้อนรนของอาเฉวียนดังขึ้น
เจียงหลีรีบหันไปมองเมื่อเห็นร่างของหรงจิ่งกำลังจะล้มลง
“หรงจิ่ง!” ร่างของเจียงหลีหายแวบไปปรากฏอยู่ข้างๆ เขาแล้วประคองเขาไว้
นางค่อยๆ คุกเข่าลงแล้วให้เขานอนลงกับพื้น ศีรษะของเขาหนุนอยู่บนแขนของนาง ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันแบบที่ไม่เคยใกล้ขนาดนี้มาก่อน
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะช่วยเจ้าเอง” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ฝ่ามือของนางเปล่งแสงของนกอมตะ
แต่ว่าในตอนที่นางเตรียมจะช่วยชีวิตเขา หรงจิ่งกลับใช้มือที่เย็นเฉียบจับมือนางไว้ ปิดแสงของนกอมตะไว้
“ไม่ต้องช่วยข้า” หรงจิ่งอมยิ้มแล้วส่ายหน้า
ทำไมล่ะ ไม่ให้นางช่วยเขาในตอนนี้…
หรงจิ่งแววตาอมยิ้ม เขามองเจียงหลีที่เป็นห่วงเขาจึงเผยรอยยิ้มที่เจิดจ้าที่สุดในชีวิตออกมา “ข้ากลัว” เขาตอบกลับ
“กลัว กลัวอะไรหรือ” เจียงหลีไม่เข้าใจ แววตาร้อนรนเป็นอย่างมาก ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ หรงจิ่งตายแน่
“เพราะว่า…” แววตาของหรงจิ่งกลับสับสนและไม่อยากตัดใจ เขาพูดอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางที่สูงส่งเหมือนที่ผ่านมา “ข้ากลัวว่าวันหนึ่งข้าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ข้ากลัวว่าข้าจะบ้า เพราะว่าอยากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ากลัวว่าความรักที่ร้อนแรงของข้าจะแผดเผาตัวเองและเจ้า ข้ากลัวว่าข้าจะกลายเป็นเสี้ยนหนามตำใจเจ้า”
“…” ในใจเจียงหลีว้าวุ่นไปหมด
ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ว่าหรงจิ่งรู้สึกอย่างไรกับนาง เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะสารภาพรักเยี่ยงนี้
“เจียงหลี ยอมให้ข้าเรียกเจ้าว่าหลีเอ๋อร์สักครั้งได้หรือไม่” สายตาของหรงจิ่งเต็มไปด้วยความวิงวอน
หรงจิ่งเป็นเช่นนี้ จะให้นางปฏิเสธได้อย่างไร
เจียงหลีพยักหน้าอย่างช้าๆ
การยินยอมของนาง ทำให้แววตาของหรงจิ่งเต็มไปด้วยความดีใจ เขาพูดเบาๆ ว่า “หลีเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าในใจของเจ้ามีเพียงลู่เจี้ย ถึงเขาจะตายไปแล้วเจ้าก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดใกล้ชิดเจ้า การใกล้ชิดเยี่ยงนั้นทำให้เจ้าไม่ชอบ แทนที่จะปล่อยให้ข้าถูกเจ้าเกลียดแล้วกลายเป็นเสี้ยนหนามตำใจเจ้า มิสู้ให้ข้าดึงมันออกเองด้วยมือของข้าก่อนหน้านี้จะดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต ข้าก็จะเติมเต็มเจ้าและเจ้าก็จะเติมเต็มข้า”
“เจ้านี่มันโง่จริงๆ เลย” เจียงหลีมองเขาด้วยสีหน้าสับสน
“โง่อย่างนั้นหรือ” หรงจิ่งยิ้ม “ถ้าเทียบกับลู่เจี้ย ข้าก็โง่จริงๆ ด้วย หลีเอ๋อร์ถ้าหากข้าไม่ตาย เจ้าจะยอมรับรักข้าได้หรือไม่”
“…” เจียงหลีเงียบไป แน่นอนว่านางรับไว้ไม่ได้
หรงจิ่งไม่ได้ผิดหวัง พูดต่อว่า “ลู่เจี้ยนี่วางแผนมาดีจริงๆ! เขาก็รักเจ้ามากจริงๆ ถึงได้คิดแผนเช่นนี้ เพียงแต่…ลู่เจี้ยรวมหนึ่งในสามของหนานฮวงก่อนจะตายเพื่อเจ้า วางแผนไว้ทุกอยาง ส่วนข้าก็ช่วยจัดการสิ่งกีดขวางที่จะรวมหนานฮวงเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเจ้า นับดูแล้ว พวกเราก็เสมอกันแล้ว แต่ว่าเจ้าชอบเพียงแต่เขา ข้าก็แพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบเลย หลีเอ๋อร์ ที่ข้าและลู่เจี้ยวางแผนไม่ใช่เพื่อครอบครองใต้หล้า แต่เพื่อครอบครองหัวใจของเจ้า”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เสียงของเจียงหลีแหบแห้งเล็กน้อย
“ได้ ข้าไม่พูดแล้ว” หรงจิ่งทำตามที่นางต้องการ ไม่ขัดขืน “ข้าขอถามคำถามสุดท้ายได้หรือไม่ เจ้าต้องตอบข้ามาตามความจริง”
เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ เก็บความอึดอัดใจลงไป แล้วพยักหน้า “เจ้าถามมา”
หรงจิ่งยิ้ม แล้วถามเบาๆ ว่า “ถ้าหากว่าเจ้าเจอกับข้าก่อน เจ้าคงชอบข้าใช่ไหม ไม่ใช่ลู่เจี้ยใช่ไหม”
เจียงหลีเม้มปาก ไม่พูดอะไร
หรงจิ่งพูดอีกว่า “ตอบมาตามความจริง”
ตามจริง…
เจียงหลีจ้องมองใบหน้าที่ไม่สู้ดีนักของหรงจิ่ง แล้วพูดคำตอบของตัวเองออกมาอย่างใจร้าย “ไม่มีทาง”
หรงจิ่งยิ้ม แล้วพูดอย่างซาบซึ้งว่า “ให้เจ้าพูดตามจริง ก็ไม่จำต้องพูดตามจริงก็ได้ ข้าจะตายอยู่แล้ว เจ้าจะโกหกข้าสักครั้งก็ไม่ได้หรือไร”
เจียงหลีทำปากขมุบขมิบแล้วตอบกลับว่า “คุณชายจิ่งไม่ควรค่าแก่การถูกหลอก”
หรงจิ่งนิ่งไป ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะเสียงดัง
เสียงหัวเราะของเขาดังก้องทั่ววังแล้วค่อยๆ หายไปในอ้อมกอดของเจียงหลี
“คุณชายยย!” อาเฉวียนคุกเข่าลงกับพื้น ตะโกนเสียงดังอย่างเจ็บปวด
เสียงนี้ ทำให้ผู้คนในวังหยุดการกระทำลง ต่างพากันหันมามองเจียงหลีและหรงจิ่ง เหมือนหรงจิ่งนอนหลับอย่างสงบเยือกเย็นอยู่ในอ้อมกอดของเจียงหลีอย่างไรอย่างนั้น ปากยังคงอมยิ้มอย่างพอใจ
ส่วนเจียงหลี ค่อยๆ กุมมือของเขาแน่นขึ้น กำเสื้อของเขาแน่น นางก้มหน้าลง ตัวสั่นไปทั้งตัว ไม่ได้พูดอะไร หรงจิ่ง ชาตินี้ข้าติดค้างเจ้า ถ้าหากมีชาติหน้า ข้ายอมชดใช้ให้ด้วยชีวิต นางชดใช้ให้ได้เพียงชีวิต เพราะว่าหัวใจของนาง ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว
….
พระราชวังเป่ยโหรงว่างเปล่าไปหมด
แผนการที่น่าตะลึงของคุณชายอันดับหนึ่งในใต้หล้า ปรากฏขึ้นอีกครั้งในตอนนี้
ราชวงศ์จยาเซียนรวมหนานฮวงเป็นหนึ่ง กลายเป็นผู้มีอำนาจ ยากที่จะต้านทาน แต่เจียงหลีไม่ได้ไปจัดการเรื่องที่เป่ยโหรวรวมเข้ากับอาณาเขต แต่พาหรงจิ่งกลับบ้านเกิดด้วยตัวเอง
ตระกูลหรง…
เจียงหลีประกาศพระราชโองการ กลับคำตัดสินของตระกูลหรงด้วยตัวเอง ประกาศต่อคนทั้งใต้หล้าว่าตระกูลหรงทั้งตระกูลซื่อสัตย์และยอมพลีชีพ เพื่อให้ได้รับความเชื่อใจจากเป่ยโหรว ปูทางเพื่อหรงจิ่ง ก็เหมือนกับปูทางให้ราชวงศ์จยาเซียน
เพื่อหรงจิ่ง เจียงหลียอมให้ตระกูลหรงมีชื่อเสียงที่ดี
หรงจิ่งได้ถูกฝังตามมาตรฐานขององค์ชายของแคว้น
หลุมศพของหรงจิ่งถูกสร้างเป็นวิหาร ด้านในเป็นรูปปั้นของหรงจิ่ง ส่วนหรงจิ่งก็ถูกฝังอยู่ในสุสานของตระกูลหรง ถือเป็นการกลับสู่วงศ์ตระกูล
เพียงแต่ ในตอนที่เจียงหลีกำลังจะเลือกที่ฝัง กลับตั้งใจเลือกที่ๆ เงียบสงบ
เพราะว่าหรงจิ่งชอบความเงียบสงบ
……………………….