“ตู้ม!”
“บัดซบ! ไอ้เด็กบ้านั่น! มันกล้าดียังไง….กล้าดียังไงกัน! บัดซบที่สุด!”
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความเกลียดชังดังสั่นฐานที่มั่นจองกลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็ก ยังมีเสียงข้าวของที่ถูกข้างปาลงพื้น แต่ว่านี่ก็ไม่ได้ทำให้เทียนเกอร์หายหัวร้อนเลย เขาตะโกนเป็นบ้าเป็นหลังโดยไม่สนใจว่าลูกน้องตนจะมองดูอยู่หรือไม่
เมื่อย้อนคิดกลับไปถึงตอนที่ตนโดนเด็กที่ไม่รู้หัวนอนเปลายเท้าข่มขู่ต่อหน้าชาวเมืองแถมเขายังถูกบังคับให้เดินกลับไปอย่างหมาขี้แพ้อีก คิดถึงตรงนี้เขาก็บ้าคลั่งกว่าเดิม เทียนเกอร์ต่อยทุกอย่างที่เข้ามาในสายด้วยหมัดที่ห่อหุ้มด้วยปราณ
เหล่าสมาชิกทหารรับจ้างมองภาพตรงหน้าด้วยความกลัว พวกเขาต่างปิดปากเงียบกริบ กลัวโดนลูกหลงจากหัวหน้าตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นสมาชิคใหม่หรือเก่าต่างก็รู้ดีว่า ยามหัวหน้าโกรธ ห้ามไปพูดอะไรขัดใจเด็ดขาดไม่งั้น….ตายสถานเดียว!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลยหัวหน้าโกรธมากกว่าปกติอีก ใครเสนอหน้าเข้าไป ถ้ารอดกลับมาได้ก็….โครตแปลกแล้วล่ะ…..
ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้แค่ก้มหน้าลงพยายามทำตัวให้ลีบที่สุด ไม่ให้ตัวเองไปเตะตาหัวหน้าในตอนนี้เข้า………
เมื่อทำลายโต๊ะจนแหลกละเอียดอีกอัน เทียนเกอร์ก็หันหน้ากลับไปขณะที่หอบหายใจถี่ และเมื่อเห็นท่าทางของลูกน้องตน เขาก็หัวร้อนอีกครั้ง
“พวกแกมันไร้ประโยชน์! ไร้ประโยชน์ทุกตัว! ข้าถูกเจ้าเด็กนั่นจับตัวอยู่ แต่พวกแกกลับไม่คิดหาวิธีช่วยข้าเลย? ฮึม! ไอ้พวกไร้ค่า!”
อย่างที่คิด ขนาดไม่พูดอะไรยังโดนด่าเลย ฉากหน้าพวกเขาทำเป็นเห็นด้วยแต่ข้างในกลับรู้สึกข่มขื่น
‘ขนาดหัวหน้าที่เก่งที่สุดในหมู่พวกเรายังทำอะไรไม่ได้ แล้วไอ้คุณหัวหน้าคิดเหรอว่าพวกเราที่เป็นแค่แรงค์4-5จะไปทำอะไรได้?’
แน่นอนว่าพวกเขาทำได้แค่บ่นในใจ ฉากหน้ายังคงยิ้มรับน้ำลายที่พุ่งออกมาจากปากหัวหน้า ขณะเดียวกันในใจก็ภาวนาให้เวลาผ่านไปเร็วๆหัวหน้าจะได้ใจเย็นลงพวกตนจะได้รอด
ด่าลูกร้องไปพอสมควร เทียนเกอร์จึงค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย ทว่ายังคงมีใยหน้ามืดมนอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขายังคงเคียดแค้นวู่หยานอยู่
เทียนเกอร์เดินไปนั่งที่ประจำของตัวเองแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม แล้วพูดด้วยน้ำลึกว่า “เป็นไง?เจอต้นกำเนิดของไอ้เด็กเปรตนั่นไหม?”
ได้ยินคำถาม หลายคนก็หันมามองหน้ากันก่อนจะหันไปมองคนๆหนึ่ง คนๆนั่นทำใจดีสู้เสือก้าวเดินมาข้างหน้าสองสามก้าว
“หะ..หัวหน้าครับ ระ…เราได้พลิกแผ่นสิบหาดูทุกที่แล้ว ตะ….แต่ว่าเราไม่เจอต้นกำเนิดของมันเลยครับ ราวกับอยู่ดีๆมันโผล่ออกมาจากอากาศ มันไม่มีร่องรอยให้สืบหาได้เลยครับ มากที่สุดที่หาได้ก็แค่ก่อนหน้านี้มันอาศัยอยู่ที่เมืองท่าสองสามเดือนก่อนจะมาที่บาฮาล……”
ยิ่นฟังสีหน้าเทียนเกอร์ยิ่งมืดมน จนกระทั่งเขายกฝ่ามือโบกเข้าใส่จนลูกน้องมันกระเด็นไปอัดกับกำแพงก่อนร่วงลงมาไอเป็นเลือดสองสามคำแล้วสลบไป
เทียนเกอร์ไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง “ฮึม ! สวะ !”
ลูกน้องที่เหลือต่างก็กลืนน้ำลายฝืดคอแล้วยิ้มบิดๆเบี้ยวๆ ยังดีที่แค่สลปแต่ไม่ตาย……
ในตอนนี้พวกเขาทำได้แค่ก้มหน้าเงียบด้วยความหวาดกลัว
เทียนเกอร์ขมวดคิ้วแน่น เขาไม่มีทางยอมแน่การที่โดนเด็กไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามาลูบคมตนเองแบบนี้ เวลานี้เขาคงเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองแล้วมั้งว่า ‘เก่งแต่ปากเจอของจริงก็หง่อย’ อะไรแบบนี้
ด้วยนิสัยของเทียนเกอร์ ถ้าไม่ได้แก้แค้น เขาคงไม่มีวันนอนหลับได้ตลอดชีวิตแน่
แต่ว่า แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?
ถึงแม้จะโกรธแค่ไหน แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตนมองตื้นลึกหนาบางของเจ้าเด็กนี้ไม่ออก เพียงแค่พริบตาเดียวอีกฝ่ายก็เอาดาบมาจ่อคอเขาแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่ามันเก่งกว่าเขามาก!
ต้องขอบอกเลยว่า ต่อให้แรงค์6ในระดับสูงสุดมา เทียนเกอร์ก็ไม่กลัว เพราะตัวเองก็ห่างจากจุดนั้นแค่เล็กน้อยเท่านั้น
แต่เขากลับโดนมันรุกฆาตทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นผู้เชี่ยวชาญแรงค์7!
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าเทียนเกอร์ก็กลายเป็นปั่นยากทันที ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับมากๆการที่เด็กหนุ่มอายุแค่ยี่สิบสองปีจะบ่มเพาะพลังไปถึงขั้นนั้นได้ แต่เขาก็หาคำอธิบายอื่นไม่ได้อีกแล้ว การจะรุกฆาตตนเองได้แบบนั้นต้องแรงค์7เท่านั้น!
ถ้าไอ้เด็กนรกนั่นเป็นแรงค์7จริง! แล้วทำไมถึงหาข้อมูลอะไรของมันไม่ได้เลย? เป็นแรงค์7ด้วยอายุน้อบแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเชื่อเสียงนี่ใช่ไหม? ทำไมล่ะ?
ถ้ามันเป็นลูกคุณหนูก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสืบหาอะไรไม่ได้เลยแบบนี้แน่!
ถ้าไม่ได้มาจากตระกูลชั้นสูง งั้น…คนธรรมดา? คนธรรมดาที่บรรลุแรงค์7ในอายุยี่สิบสองปี?
ยิ่งคิดเทียนเกอร์ก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ แต่นอกจากคำอธิบายนี้ เขาก็คิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ได้แต่ยอมรับความจริงไป
แต่ถึงจะเป็นคนธรรมดา ด้วยพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดแบบนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีชื่อเสียง คนเราจำเป็นต้องไปออกไปหาประสบการณ์ เดินทางไปที่ต่างๆ ต้องพบปะผู้คน แล้วคนพวกนั้นมันก็ต้องมีสักคนที่รู้บ้างสิวะ แล้วนี่อะไร ทำไมถึงหาข่าวเชี่ยไรไม่ได้เลย!
แต่พวกเขากลับรู้แค่ว่ามันพักอาศัยอยู่ที่เมืองท่าสองสามเดินก่อนจะบาฮาล อยากบอกนะว่าก่อนหน้านี้มันไปอยู่โลกอื่น?!
อนิจจัง เทียนเกอร์ไม่รู้เลยว่าความคิดชั่ววูบของตน จะเป็นจริง……..
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ จนอารมณ์พุ่งพล่านอีกรอบ ยกมือตบลงโต๊ะดังปัง ทิ้งรอบฝ่ามือไว้บนโต๊ะไม้แข็ง แล้วตะโกนด้วยความโกรธว่า “อย่าบอกนะว่าข้า เทียนเกอร์ผู้นี้ ต้องก้มหน้ายอมแพ้ไปทั้งๆแบบนี้จริงๆ? ไม่ว่าอะไรก็ทำไม่ได้เลยรึไง!”
ด้วยพลังของกลุ่มทหารรับจ้องของเขา เทียนเกอร์ไม่เกรงกลัวแรงค์7เลยแม้แต่น้อย แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่เจ้าเด็กนรกนั่นมันตัวติดกับยัยหนูของตระกูลมิดเดอร์เรีย ถ้าตนลงมือทำอะไรไปพวกมันต้องนิ่งเฉยแน่
แต่ถึงพวกมันจะไม่ยื่นมือช่วย ทว่าหลังจากจัดการแรงค์7เสร็จกองกำลังของเขาก็ต้องเสียหายไปมาก เทียนเกอร์มั่นใจว่าเจ้าเกรย์มันต้องไม่ปล่อยโอกาศดีแบบนี้ไปแน่ ถึงเวลานั้นชื่อกลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็กก็คงถูกลบหายออกไป…..
ไอ้นู่นก็ไม่ได้ไอ้นี้ก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ทำให้ความโกรธในใจเทียนเกอร์เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ลูกน้องส่วนใหญ่ฟังคำพูดหัวหน้าตนเองก็ได้แต่ก้มหน้าเงียบ ทว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ตาเปร่งประกายขึ้นมา ก่อนจะเดินมาหาเทียนเกอร์ด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้า ข้าคิดอะไรออกแล้ว”
“โอ้” เทียนเกอร์หันไปมองด้วยความสงสัย “แก? คิดอะไรออกล่ะ?”
ลูกน้องคนนี้ก็พูดด้วยสีหน้าเคารพว่า “หัวหน้าเทียนเกอร์ ตามที่พวกลิ่วล้อได้รายงานมา หลังจากนี้ไม่นานจะมีลูกคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงเดินทางผ่านมาบาฮาลของเรา เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็คงต้องพักอยู่ที่นี่สักหนึ่งถึงสองวัน ถ้าพวกเราบริการพวกเขาเป็นอย่างดี อีกฝ่ายต้องยอมยื่นมือมาช่วยล้างแค้นให้แน่ครับ!”
“ที่แกพูดเป็นเรื่องจริง?” เทียนเกอร์ตาเปร่งประกายทันที “ตระกูลชั้นสูงที่ว่า มันคุ้มค่าที่จะให้พวกเราต้องเปลืองแรงถึงขนาดนั้น?”
“แน่นอนว่าคุ้มค่ามาก! หัวหน้าครับ อีกฝ่ายเป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งของไอย์ลูเรา ตระกูลโลลิเลยนะ!”
“ตระกูลโลลิ!” เทียนเกอร์มีสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “ฮา ฮา ฮา มีตระกูลอันดับหนึ่งเป็นคนลงมือ แรงค์7อะไร มิดเดอร์เรียอะไร เหอะ! สรุป เอาตามนี้เลย!”