ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 232 ขออภัยหรือให้ของกำนัล?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“ประมุขตระกูลเหลียน?” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย

อาหู่ผงกศีรษะ “ใช่ขอรับ เด็กหนุ่มเหลียนเฉิงผู้นั้นก็ถูกพามาพร้อมกันด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง สีหน้าอดแปลกใจอยู่บ้างไม่ได้ ‘มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงล่ะสิไม่ว่า’

ในมหาทะเลทรายแดนตะวันตก เหลียนอิ๋งบุตรหลานแห่งตระกูลเหลียน สร้างมังกรขาวพิฆาตเพราะได้รับการยุยงครอบงำของเหยาซาน จอมยุทธ์สำนักเขานิมิตทมิฬ มุ่งร้ายต่อพวกของเยี่ยนจ้าวเกอ

หลังเหตุการณ์จบสิ้น เยี่ยนจ้าวเกอกลับก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะอย่างไรเสียเหยาซานหัวโจกตกอยู่ในกำมือตนแล้ว เหลียนอิ๋งเองก็สูญสิ้นซึ่งชีวิตแล้วเช่นกัน

วาจาของเหลียนอิ๋งในตอนนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะก่อเกิดผลกระทบไม่ดีต่อชื่อเสียงของจวินลั่ว ด้วยเหตุนี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงให้สัญญากับจอมยุทธ์สำนักเขากว่างเฉิงอย่างลับๆ เรื่องนี้จึงไม่ได้ถูกแพร่งพรายรายละเอียดออกไปภายนอก

ทว่าบรรดาจอมยุทธ์สำนักเขากว่างเฉิงหวิดถูกเหลียนอิ๋งใช้มังกรขาวพิฆาตฝังทั้งเป็น แน่นอนว่าคงไม่ได้อารมณ์ดีนัก

ซึ่งสำหรับจอมยุทธ์ตระกูลเหลียนแล้ว แน่นอนว่าก็คงหน้าเสียอย่างยิ่งเช่นกัน

ณ วายุพิภพ หากกล่าวว่าเขตแดนเกาะกานยังคงพิพาทอยู่กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นเกาะทรายก็คือรากฐานบ้านเกิดเดิมของสำนักเขากว่างเฉิง เปรียบเทียบอำนาจควบคุมของที่นี่ กับเกาะทั้งห้าของนภาพิภพ ก็ต่างกันไม่มากเท่าใดนักเช่นกัน

เขากว่างเฉิงย่ำเท้าเบาๆ ก็เพียงพอให้เกาะทรายสนั่นหวั่นไหวแล้ว

ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์สำนักเขากว่างเฉิงที่ตั่งมั่นอยู่ที่เมืองซู่โจวจะไม่พอใจ ทว่าข่าวคราวก็แพร่กระจายกลับยังป้อมปราการตระกูลเหลียน ดินแดนตกทอดของบรรพบุรุษตระกูลเหลียน

เมื่อเหลียนเฉิงแยกย้ายกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่เมืองซู่โจว เขายังกลับไปไม่ถึงป้อมปราการตระกูลเหลียน ก็ถูกคนตระกูลตนเองสกัดเอาไว้ จากนั้นพากลับไปอย่างเร่งด่วน

หลังจากฟังเหตุการณ์ที่เหลียนเฉิงบรรยายแล้ว คนตระกูลเหลียนต่างก็จมสู่ความนิ่งเงียบชั่วขณะหนึ่ง

ในแง่มุมหนึ่ง เป็นเหยาซานที่ต้องการแทงสังหารเยี่ยนจ้าวเกอ จึงลากเหลียนอิ๋งไปเกี่ยว แท้จริงแล้วเหลียนอิ๋งต่างหากที่ถูกทำให้เป็นปลาติดหลังแหซึ่ง ไม่มีความผิด หากปราศจากแผนการแทงสังหารของเหยาซาน เหลียนอิ๋งก็คงไม่ถึงขั้นจะทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาเช่นกัน หนำซ้ำยังสูญสิ้นชีวิต

ทว่ากล่าวในทางกลับกัน หากเหลียนอิ๋งเองไม่สร้างปัญหาออกมา จะถูกเหยาซานหลอกใช้ได้เยี่ยงไรอีก? ไฉนเหลียนอิ๋งเขาถึงได้กลายเป็นดาบในกำมือเหยาซาน กลายเป็นฆาตกรสบคบคิด แต่จวินลั่วกับเหลียนเฉิงที่ร่วมเดินทางกลับไม่ได้กลายเป็นหมากของเหยาซาน?

หากกล่าวว่าไร้ความผิด จวินลั่วกับเหลียนเฉิงไร้ความผิดยิ่งกว่าเหลียนอิ๋งมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอยังช่วยชีวิตของพวกเขาทั้งสามจากภายในพายุนิมิตทมิฬ สุดท้ายเหลียนอิ๋งกลับเนรคุณ

ประมุขป้อมปราการตระกูลเหลียนฉกฉวยตัดสินใจฉับพลัน ไปขออภัยเยี่ยนจ้าวเกอต่อหน้าที่เมืองซู่โจวด้วยตนเองในทันที

เทียบกับป้อมปราการตระกูลเหลียนแล้ว พรรคกระบี่วายุคำรามเป็นสัตว์ใหญ่มหึมาแล้ว หากแต่ความห่างชั้นระหว่างพรรคกระบี่วายุคำรามกับสำนักเขากว่างเฉิง ยังคงห่างมากยิ่งกว่า

อย่าได้พูดว่าตระกูลเหลียนตอนนี้ไร้เหตุผลอย่างแท้จริง ต่อให้มีเหตุผลจริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าสุขุมหนักแน่นเช่นกัน

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกยืนอยู่เหนือทั้งมวล แต่ไหนแต่ไรไม่ใช่เพียงพูดง่ายดายแค่ลมปากเท่านั้น

เปรียบเทียบกัน สำนักเขากว่างเฉิงและหอคลื่นโหมนับว่าอ่อนโยนยิ่งยวดแล้ว หากเปลี่ยนเป็นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักอัสนีสวรรค์ สำนักเขาไร้พรมแดน และเมืองทะเลมรกตล่ะก็ แม้ตระกูลเหลียนจะมีเหตุผลก็อาจจะเปลี่ยนเป็นไร้เหตุผลเช่นกัน

อนึ่ง หากไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอ จวินลั่วอาจจะสิ้นชีพในเงื้อมมือเหลียนอิ๋ง นอกจากทางสำนักเขากว่างเฉิงนี้แล้ว ตระกูลเหลียนยังต้องรับผิดแก่ผู้อาวุโสจวินแห่งพรรคกระบี่วายุคำรามอีกต่อหนึ่งด้วย

นี่ทำให้ประมุขตระกูลเหลียน มีความรู้สึกราวกับนั่งตัวตรงอยู่ในบ้าน ทว่าปัญหากลับบังเกิดอย่างไม่คาดคิด ขมฝาดอยู่เต็มปาก กลับยังไร้ซึ่งที่จะชี้แจงเหตุผลได้อีก

หากแต่ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกว่าหากดำเนินการได้อย่างเหมาะสม บางทีอาจจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ ด้วยเหตุนี้จึงพาเหลียนเฉิงเร่งรุดหน้าไปยังเมืองซู่โจวทันใด

เยี่ยนจ้าวไม่ได้หนีหน้าไม่พบ และให้อาหู่เชิญอีกฝ่ายเข้ามาพบ

ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนที่ดูไปแล้วน่าเกรงขามยิ่งผู้หนึ่ง พาเหลียนเฉิงที่ยังคงลักษณะเรียบร้อยรูปร่างบอบบาง มาปรากฏตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

“เหลียนฉงอี้จากป้อมปราการตระกูลเหลียน ขอคารวะต่อหน้าคุณชายกว่างเฉิง” ชายวัยกลางคนผู้นั้นนำหน้ากำหมัดแสดงการคารวะ

“ท่านประมุขป้อมปราการเหลียนเกรงใจไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้มและคารวะตอบ

เหลียนฉงอี้ คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลเหลียนแห่งป้อมปราการตระกูลเหลียนในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นที่สอง ขั้นซ่อนจิตระยะกลาง ซึ่งได้ควบแน่นจนปรากฏเมล็ดพันธุ์แล้วท่านหนึ่งนั่นเอง

เขามาเยือนถึงที่ด้วยตนเอง จริงใจเต็มขั้น เพียงแต่พอเผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอแล้วกลับไม่กล้าถือดี

อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้ประมุขพรรคกระบี่วายุคำรามพบเยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้ ก็ไม่อาจปฏิบัติด้วยอย่างส่งๆ ได้เช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเหลียนฉงอี้ พยักหน้าเล็กน้อย

โลกแปดพิภพในปัจจุบัน จอมยุทธ์หกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ใช้สำนวนพูดว่าชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม หรือกระทั่งไม่เข้าชั้น มาแบ่งแยกแต่ละขุมกำลังนอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตามความเคยชิน

มาตรฐานโดยทั่วไป ขุมกำลังที่มีมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณจะถูกรวมอยู่ในชั้นหนึ่ง และขุมกำลังที่มีมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิต จะถูกเรียกเรียกว่าชั้นสอง ซึ่งขุมกำลังที่มีเพียงปรมาจารย์แต่ไม่มีมหาปรมาจารย์ ก็จะถูกแยกเป็นชั้นสาม

ส่วนขุมกำลังที่ไม่เข้าชั้น โดยส่วนมากแล้วจอมยุทธ์ที่มีฐานะเดิมในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหกล้วนไม่นำมาใส่ใจ ยกตัวอย่างเช่นตระกูลเยี่ยอันเป็นฐานะเดิมของเยี่ยจิ่งแต่กาลก่อน เป็นต้น

แน่นอนว่าแท้จริงแล้วขุมกำลังเช่นนี้มีเยอะที่สุด แพร่กระจายอยู่ทั่วทุกซอกมุมของโลกใบนี้ มากมายประหนึ่งขนวัว

ขุมกำลังชั้นหนึ่งเช่นอาณาจักรถังตะวันออกและพรรคกระบี่วายุคำราม จ้าวซื่อเฉิงราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกก็คือยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นที่ห้า ขั้นซ่อนจิตระดับกลาง ประมุขพรรคกระบี่วายุคำราม ก็คือยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นหก ขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย

เหมือนเช่นป้อมปราการตระกูลเหลียน มีเหลียนฉงอี้ท่านนี้ที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะกลาง ก็จัดอยู่ในขุมกำลังชั้นสอง

โดยทั่วไป ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจของสำนักเขากว่างเฉิงจะถูกส่งประจำการที่ขุมกำลังชั้นสอง และไม่จำเป็นต้องเป็นมหาปรมาจารย์ แค่มีป้ายของสำนักเขากว่างเฉิงแปะอยู่ ก็พอที่จะพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ของแต่ละสำนักที่อยู่ในพื้นที่แล้ว

หากแต่ผู้อาวุโสคุมการณ์ที่ถูกไปส่งประจำการที่ขุมกำลังชั้นหนึ่ง โดยส่วนมากจะใช้ความแข็งแกร่งและความอ่อนแอมาตัดสินเลือกคนประจำการในพื้นที่

อาทิ เหยี่ยนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งถังตะวันออกแต่กาลก่อน ในฐานะจอมยุทธ์ผู้อุทิศอันดับหนึ่งของอาณาจักรถังตะวันออก มีพลังฝึกปรือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นที่สี่ ชั้นกำเนิดญาณระยะต้น

หากไม่ใช่ตอนแรกเหยียนซวี่ถูกสือเถี่ยอัดจนบาดเจ็บเจียนตาย เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่อาจคว่ำเขาลงได้ง่ายดายปานนั้น

ส่วนผู้อาวุโสคุมการณ์ที่พรรควายุคำรามในปัจจุบัน ผู้อุทิศอันดับหนึ่งของสำนักเขากว่างเฉิงที่อยู่ที่นี่ ก็มีพลังฝึกปรือในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นที่ห้า ขั้นกำเนิดญาณระยะกลาง

เนื่องจากเคารพอำนาจในการปกครองตนเองของขุมกำลังชั้นหนึ่งในพื้นที่ ผู้อาวุโสคุมการณ์ที่สำนักเขากว่างเฉิงส่งประจำการ จะมีพลังฝึกปรือต่ำกว่ายอดฝีมือระดับสุดยอดพื้นที่อยู่บ้างตามระเบียบปฏิบัติ

กระนั้นเนื่องจากข้อได้เปรียบในด้านวิชาวรยุทธ์สืบทอดกว่างเฉิง แท้จริงแล้วเหล่าบรรดาผู้อาวุโสคุมการณ์สามารถรักษาผลประโยชน์ของสำนักเขากว่างเฉิงได้อย่างเต็มที่ โดยไม่เสียเปรียบแต่อย่างใดเลย

แน่นอนว่า ในที่นี้บ่งชี้ถึงพลังฝึกปรือเฉพาะบุคคล ไม่คิดคำนวณข้อได้เปรียบด้านชัยภูมิ ขุมกำลังชั้นหนึ่งในพื้นที่ยังคงครองอำนาจปกครองในสถานการณ์ปกติอยู่ดี

เพียงแต่ในทุกๆ เกาะ สำนักเขากว่างเฉิงล้วนมีผู้อาวุโสสูงสุดรักษาการณ์โดยเฉพาะ นอกจากโต้ตอบการพิพาทในการข้ามเขตแดนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นแล้ว ยังรับประกันว่าขอเพียงแค่สำนักเขากว่างเฉิงยินยอม ก็สามารถปราบปรามความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเปิดฉากขึ้นในพื้นที่ได้อีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสฉิน ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะตะวันออกก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะทรายที่วายุพิภพ ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณทั้งสิ้น

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอมีขอบเขตอำนาจของผู้อาวุโสสูงสุด หากแต่การจะรับหน้าที่ผู้อาวุโสสูงสุดสายสำนักเขากว่างเฉิงอย่างเป็นทางการนั้น อย่างน้อยๆ ต้องเป็นมหาปรมาจารย์ชั้นที่เจ็ดเสียก่อน

เหลียนฉงอี้กล่าว “สำนักโชคไม่ดี มีบุตรหลานไม่กตัญญู สร้างความลำบากให้กับคุณชายเยี่ยนและสำนักเขากว่างเฉิง ข้ารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ครั้งนี้จึงเดินทางมาขออภัยไถ่โทษเป็นการเฉพาะ หวังว่าคุณชายเยี่ยนจะให้อภัย”

กล่าวจ เขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งวางลงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

ดวงตาเยี่ยนจ้าวเกอมองกวาด ก็เข้าใจในทันใด “เป็นดังที่ข้าคาดไว้ ไม่ใช่มาเพื่อขอโทษ หากแต่มอบของกำนัล”

————————————-