ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

 

บทที่ 1354 –เมืองเทียนฮี่

 

ในส่วนมากทักษะทั่วไปในโลกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสังหารอีกฝ่าย  นอกจากนี้ยังมีทักษะสนับสนุนอยู่บ้าง เช่นทักษะหลอนจิตใจ และเพิ่มความสามารถในช่วงเวลาหนึ่ง  นอกจากนี้ยังมีการร่ายรำที่เป็นทักษะที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน แต่นั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนที่ใบ้มันออกมา

 

เช่นเดียวกับหญิงงามล้มเมืองพวกเธอนั้นมีความสามารถที่จะสะกดผู้คนเอาไว้โยไม่ต้องใช้ทักษะใดๆ ทั้งหมดนั้นเพียงแค่เสน่ห์และรูปลักษณ์ของเธอเท่านั้น ยิ่งไปกว่านี้หากพวกเธอไปคนใช่ทักษะที่สามารถสะกดจิตใจเหล่านั้นพวกมันก็จะได้ผลที่รุนแรงกว่าคนอื่นๆหลายเท่า

 

หลังจากปรับแต่งร่างกายชิงสุ่ยได้ทำการปรับแต่งยาเม็ดชนิดอื่นๆเพื่อเอาไว้ใช้ในตอนจำเป็น

 

เช่นเดียวกับในตอนนี้ผลไม้ลึกลับถูกใช้ออกมา เพื่อปรับแต่งยาเม็ดแห่งโชคชะตา

 

ทุกๆครั้งเขาที่เขากลั่นยาชิงสุ่ย จะชำระล้างของเขาทุกๆครั้ง หนึ่งเพื่อให้ง่ายต่อการกลั่น สองเพื่อช่วยปรับแต่งรากฐานของเขา นี่คือสิ่งที่เขาทำทุกๆครั้งๆที่เขาเข้ามาในดินแดนหยก

 

…..

“พี่ใหญ่ ข้าขอโทษท่านจริงๆ ที่ให้ท่านแบกรับทุกๆสิ่งเอาไว้”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา

 

“ไม่เป็นไร ข้าจะดูแลที่นี่เอง เจ้าก็เดินทางอย่างระมัดระวังตัวด้วยละ”หมอปิศาจกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วข้าจะรีบกลับมาก่อนที่ลูกของท่านจะคลอดออกมา” ในไม่นานลูกของเขาจะลืมตาออกมาดูโลกแล้ว ทำให้หมอปิศาจนั้นอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตั้งใจจะที่กลับมาก่อนถึงเวลานั้นเพื่อแบ่งเบสภาระของเขา

 

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยและหยวนสู่ได้นั่งลงบนมังกรไอยราเกล็ดทองคำแลบินไปทางเมืองเทียนฮี่ในทันที หลังจากออกเดินทางมาสักพักชิงสุ่ยรู้สึกว่าการเดินทางของเขาช้าอย่างมาก ชิงสุ่ยจึงได้กล่าวออกมา

 

“ในตอนนี้เราเดินทางช้ากว่ากำหนดอย่างมาก แต่ข้ามีวิธีที่จะไปถึงที่นั้นเร็วกว่านี้  แต่เจ้าต้องเสียสละสักเล็กน้อยได้รึไม่?”ชิงสุ่ยถามออกมา

 

“วิธีอะไรรึ แล้วมันจะเร็วขนาดไหนกัน?”หยวนสู่กล่าวออกมาอย่างสับสน

 

“เราสามารถไปถึงเมืองเทียนฮี่ได้ในวันนี้ แต่เจ้าต้องให้ข้าจับมือของเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง

 

“เจ้าแน่ใจรึ?” หยวนสู่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความงงงวย

 

“แน่ใจ!”ในตอนนี้ชิงสุ่ยเรียกมังกรไอยรากลับเข้าไปในแดนหยก

 

หยวนสู่ได้ยกมือขึ้น ชิงสุ่ยได้คว้าไปที่มือของเธอโดยไม่ลังเล  สัมผัสนุ่มนวลที่เกิดขึ้น ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามือของเธอนั้นนุ่มนิ่มอย่างมากรางกับปุยฝ้าย

 

ย่างก้าวเก้าเทวา!

 

…………

 

เมื่อรู้สึกตัวหยวนสู่ก็รู้สึกตัวว่าเธอมาอยุ่ที่เมืองฮี่เรียบร้อยแล้ว

 

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจอย่างมากก่อนที่จะมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ว่าเขาทำอะไรและทำไมเขาถึงมาอยู่ที่แห่งนี้ได้   นี่คือความสามารถของเขาอย่างนั้นรึ เขาสามารถเดินทางเช่นนี้ได้ยังไงกัน

 

จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องจับมือของเธอ เพื่อแค่ใช้ปราณห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้เท่านั้นเพียงแค่เขาลืมมันไปแล้วว่าสามารถทำเช่นนี้ได้  นอกจากนี้เขานั้นก้ยังต้องการจับมือของเธอีกด้วย

 

เมืองเทียนฮี่นั้นไม่ค่อยต่างกับเมืองอี่หวงมากนัก แต่ก็มีกลิ่นอายบางอย่างที่แตกต่างออกไป เนื่องจากวัฒนธรรม และสิ่งต่างๆ

 

ในโลกใบนี้นั้น เมืองต่างๆจะถูกจู่โจมด้วยสัตว์อสูรอยู่บ่อยๆครั้ง เช่นเดียวกับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งก็สามารถถูกทำร้ายได้ด้วยสัตว์อสูรอมตะ ดังนั้นอาจากกว่าได้ว่ามนุษย์ในโลกใบนี้นั้นกำลังทำสงครามกับสัตว์อสูรอยู่ตลอดเวลา แต่ ถึงอย่างไรก็ตามพื้นที่ในตัวเมืองนั้นก็จัดได้ว่าเป็นเขตปลอด เพราะมีทหารและผู้บ่มเพาะระดับสูงที่ค่อยปกป้องมันอยู่

 

“ชิงสุ่ย เรามีธุระกับเมืองแห่งนี้ไหม?”หยวนสู่เงยหน้าขึ้นและถามออกมา ขณะเดินตามชิงสุ่ยไปตามท้องถนน

 

“แน่นอน ข้าจึงต้องเวะมาที่เมืองแห่งนี้”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“โอ้จริงสิดูเหมือนว่าข้าจะลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว ข้าจำได้ว่ามีคนของตระกูลเทียนฮี่ ที่เคยสงจัดหมายเพื่อขอความช่วยเหลือของเรา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยคาดหวังมากนัก”หยวนซุกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

หลังจากได้ข้อมูลที่อยู่ของตระกูลเทียนฮี่ ชิงสุ่ยก็ได้เรียกมังกรไอยราออกมาและออกเดินทางอีกครั้งไปยังที่ตั้งของพวกเขา

 

…….

 

ตระกูลเทียนฮี่!

 

“ฮาวเอ๋อ เจ้าสัมผัสมันได้รึไม่ ? ”

 

ชายชราคนหนึ่งในชุดที่ดูสง่างามกล่าวออกมา ขณะที่มองไปที่ชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์ และหล่อเหล่า นอกจากนี้ใบหน้าของเขานั้นยังคงดูเด็กอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ลึกลับอีกด้วย

 

“ใช่ข้าสัมผัสมันได้ เมื่อยี่สีบปีก่อนมันเคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว  มันเป็นกลิ่นอายของคนที่มากจากทวีปเมฆามรกตที่แยกตัวออกไปนับพันๆปีก่อน  มีเพียงพวกเราตระกูลเทียนฮี่เท่านั้นที่สามารถสัมผัสมันได้ ใครคิดว่าหลังจากผ่านไป20ปีแล้ว มันจะมาปรากฏที่แห่งนี้อีกครั้ง”

 

“เรารีบออกไปดูเถอะ ข้าอยากรู้จริงๆว่าเป็นผู้ใดกันที่มาจากทวีปแห่งนั้น”

 

“ดีเลยท่านปู่ ข้าก็สงสัยเช่นเดียวกัน!”

 

ในไม่ช้าชิงสุ่ยก็ปรากฏตัวที่ข้างรูปปั่นกระเรียนสีขาว มันนั้นเป็นรูปปั่นที่มีขนาดใหญ่ เกือบร้อยเมตร ในขณะที่มันอยุ่ในท่าที่พร้อมจะทะยานออกไปท้องฟ้าได้ทุกเมื่อ

 

ในขณะที่ชิงส่ยกำลังเข้าไปใกล้ๆ ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งสองจุดพุ่งตรงมาที่เขา

 

เช่นเดียวกัน เมื่อชายชรามองเห็นมังกรไอยราของชิงสุ่ยเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจอยุ่ไม่ใช่น้อย

 

“ข้าเป็นคนของหอคอยจักรพรรดิ นามว่าชิงสุ่ย”ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรมาก จากมุมมองตรงนี้

 

“โอ้วเป็นท่านหมอชิงสุย หมอแห่งปาฏิหาริย์ ผู้นั้นๆเอง เยี่ยมจริงๆเลยข้าไม่คิดเลยว่าหมอแห่งปาฏิหาริย์ ที่เลื้องชื่อจะยังคงเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่” ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

 

ชิงสุ่ยนั้นยิ้มออกมาเขาชอบการพูดของชายชราคนนี้อย่างมาก “ท่านอาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ข้านั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรเช่นนั้น”

 

“ข้า เทียนฮี่ ฮวี้ ส่วนนี้หลายของข้าเทียน ฮ้าว!”

 

“สวัสดีท่านหมอแห่งปาฏิหาริย์ ชิงสุ่ย !”เทียนฮ้าวอไม่สามารถบอกความรู้ในตอนนี้ได้ ได้แต่ทักทายชิงสุ่ยออกมาอย่างสุภาพ

 

“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว!” ชิงสุ่ยคำนับ

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยกลายเป็นแบบอย่างให้กับผู้คนมากมายไปแล้ว ด้วยฝีมือทางการแพทย์ของเขาทำให้เขาได้รับฉายาหมอแห่งปาฏิหาริย์มาโดยไม่รู้ตัว แม้แต่เทียนฮี่ ฮ้าวที่ได้รับฉายาว่าองค์ชายฮ้าวนั้นก็ยังให้ความเคารพเขา นอกจากนี้การให้ความเคารพและให้เกียรตินั้น นั้นเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจที่ดีที่สุด

 

“เขิน ท่านหมอเขามาก่อน พวกเรามีเรื่องอีกมากมายที่ต้องคุยกัน”ชายชรากล่าว

 

ชิงสุ่ยได้เรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำกลับมา  และเดินไปยังตระกูล เทียนฮี่  พร้อมกับหยวนสู่ละคนอื่นๆ  เช่นเดียวกับเทียนฮี่ ฮ้าวได้ยิ้มออกมาและกล่าวทักทายหยวนซุ  ขณะนี่เขามองไปที่เธอด้วยความจริงใจและปราศจากความคิดที่ไม่ได้  สิ่งนี้ช่วยให้เขาได้รับความนับถือด้วยใจจริงจากชิงสุ่ย มากขึ้น คนชั่วย่อมไม่สามารถซ่อนกลิ่นอายที่แท้จริงๆไม่ว่าพวกเขาจะเสแสร้งยังไงก็ตาม

 

ขณะที่เข้ามาชิงสุ่ยสามารถพบได้ทันทีว่าพื้นที่ทั้งหมดของตระกูลเทียนฮี่นั้นมีขนาดใหญ่อย่างมาก แม้ว่าชิงสุ่ยจะเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อนแต่นี่อยู่เหนือจินตนาการของเขาอย่างมาก พวกเขานั้นเป็นตระกูลที่ตั้งอยู่นับพันปี ด้วยรากฐานที่มั่นคงทำให้พวกเขานั้นเป็นที่ยำเกรงอย่างมากในเมืองแห่งนี้

 

ด้วยความรู้สึกทางวิญญาณของชิงสุ่ยนั้นมีความชัดเจนอย่างมาก  ในขณะที่เขาเข้ามาที่ตระกูลเทียนฮี่ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่มากมาย ที่คงอยู่ในตระกูลแห่งนี้ พวกเขาคือผู้คนที่เป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุดของเมืองแห่งนี้ พวกเขานั้นเป็นยอดฝีมือที่แฝงตัวอยู่และค่อยสนับสนุนตระกูลเทียนฮี่อยู่อย่างลับๆ  แม้ว่าจะรู้อยุ่แล้วว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งแต่นี้เกินกว่าที่เขขาคิดไว้มากมายนัก

 

“ท่านหมอชิงสุ่ยโปรดเพลิดเพลินกับชาถ้วยแห่งนี้ไปก่อน เดี๋ยวข้าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้.”ชายชรากล่าว

 

“ตามสบายเถอะท่านอาวุโส” ชิงสุ่ยกล่าวออกมา

 

เขารู้สึกว่าทั้งเทียนฮี่ อวี้และเทียนฮี่ ฮ้าวนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาดูเหมือนจะไม่ได้มาจากสาขาหลักของตระกูล  และพวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี่ เช่นเดียวกัน

 

“สวัสดี ข้าสงสัยว่าใครกันในตระกูลเทียนฮี่ ที่ต้องให้ข้ารักษา?” ชิงสุ่ยไม่รู้จะกล่าวอะไรถึงได้กล่าวออกมาโดยตรงกับเทียนฮี่ ฮ้าว

 

“เขาคือคุณชายใหญ่ของตระกูลเทียนฮี่” การแสดงออกของเทียนฮี่ ฮ้าวดูแปลก ๆ เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ ท่าทางของเขาเปลี่ยนไป และมันได้แสดงออกผ่านสีหน้าของเขา

 

ชิงสุ่ยเองประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของเทียนฮี่ ฮ้าว

 

“แล้วเขามีอาการยังไงบ้างละ?”

 

ในขณะที่เทียนฮี่ ฮ้าวกำลังคุยอยู่กับชิงสุ่ย   เทียนฮี่อวี้และชายชราบางคนก็เข้ามา ชายชราที่เดิมมาพร้อมกับเทียนฮี่ อวี้  ดูเป็นคนดีและอ่อนโอยนอย่างมาก  ใบหน้าของเขาดูคล้ายเทพแห่งอายุขัยเล็กน้อย  ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นขีดยาวราวกับมันกำลังยิ้มอยู่  นอกจากนี้เขายังมีคิ้วที่ยาวสีขาวราวกับเทพเซียน

 

“ท่านต้องเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์ชิงสุ่ย ใช่หรือไม่?!”

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยมั่นใจแล้วว่าตระกูลเทียนฮี่นั้นน่ากลัวขนาดไหน ชายชราคนนี้นั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขั้นปราณบัญชาสวรรค์ อย่างแน่นอน นี่เป็นอีกครั้งที่ เขาได้พบกับผู้บ่มเพาะระดับนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้พวกเขายังมีกองกำลังของผู้บ่มเพาะที่อยู่ในจุดสูงสุดของปราณจักรวรรดิอีกไม่ต่ำกว่า30คน

 

“ข้าน้อยชิงสุ่ย!”

 

“ตระกูลอี่หวงมีคนที่น่าเกรงขามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? “

 

“ป่าวเลย ข้านั้นไม่ใช่คนที่น่าเกรงข้ามเช่นนั้นหรอก ” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ชายชราคนนั้นได้แต่นิ่งและยิ้มออกมา “ไม่เลว ๆ ไหนเล่าลองให้ข้าฟังสิว่าเจ้าคุยอะไรกับหลานชายของข้าไปบ้าง”

 

…….

 

โรคปราณพิการ!

 

หลังจากที่ชายชรากล่าวถึง ถึงมันออกมา ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้  ไม่เพียงปราณที่พิการไป เส้นลมปราณของเของคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะถูกทำลายไปอย่าช้าๆ มีหมอจำนวนมากที่เคยพบเจอโรคเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถรักษามันได้ มันจึงได้เรียกว่าโรคที่ไม่มีทางรักษา

 

สำหรับคนที่ป่วยในตอนนี้เป็นคนที่มีอายุมากกว่าเทียนฮี่ ฮ้าว  ไม่เพียง แค่นั้นเขายังก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเทียนฮี่ และเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะที่แข็งแกร่ง

 

เขาเป็นที่รู้จักในนาม เทียนฮี่ เรินโม่ ด้วยความสามารถโดยธรรมชาติของเขาอยู่ในหมู่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเทียนฮี่ นอกจากนี้เขายังคงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย  แต่ด้วยความจริงที่ว่า เทียนฮี่ เรินโม่ นั้นป่วยเป็นโรคปราณพิการ ทำให้ผู้คนจำนวนในจากตระกูลเทียนฮี่นั้นรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ก็มีบางคนที่รู้ศึกยินดีกับเรื่องนี้   อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนที่หวังว่าเทียนฮี่ เรินโม่นั้นจะหายดีและกลับมาแข็งแกร่งได้อย่างเก่า

 

เทียนฮี่ โม่เรินนั้นเกลียดความชั่วร้ายอย่างมาก และคนที่ชั่วร้ายทั้งหมดนั้นเป็นศัตรูของเขา เขาเป็นคนที่ไม่เคยอ่อนข้อให้กับคนเลวเลยแม้แต่สักคน  นอกจากนี้เขายังมีผมสีแดงที่เข็มดังโลหิตทำให้เขานั้นดูราวกับเทพแห่งความตายก็มิปาน แน่นอนว่าชิงสุ่ยนั้นไม่ได้ฟังเรื่องนี้ แต่เขานั้นกับเห็นมันได้ด้วยตัวเอง

 

ขณะนี้เขามองไปที่เทียนฮี่ โม่เรินที่เดินอยู่ท่ามกลางแสงแดด  เขายืนอยู่ที่นั้นด้วยความเงียบเหงา  เขานั้นเป็นคนที่โตเต็มที่ และเป็นคนที่มีอายุอยู่ในวัยกลางคน  แม้ว่าเส้นลมปราณของเขาจะถูกทำลายไป แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ยังมีชีวิตที่ปกติราวกับคนทั่วไป

 

ถึงแม้ว่าเขาจะสูญเสียการบ่มเพาะไป  แต่รัศมีของนักรบที่แข็งแกร่งยังคงอยู่รอบๆตัวของเขา เขาคนที่ดูน่าเคารพแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นคนที่ป่วยอยู่ก็ตาม