ตอนที่ 926 ทำไมสัมผัสไม่ถึงเธอ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“แม่ก็แค่ยังไม่อยากยอมแพ้ ถ้ามีคนค้ำประกันให้เราเอาเงินมาหมุนเวียน ทำให้บ้านเรายืดระยะเวลาใช้หนี้ออกไปได้ ถึงตอนนั้นสินค้าใหม่ของบ้านเราก็ออกสู่ตลาดได้ทันเวลา เราก็จะมีโอกาสผ่านวิกฤติไปได้ ขาดอยู่แค่ก้าวเดียว ก้าวเดียวจริงๆ…ตอนนี้พ่อเราก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน ถึงพวกคนงานจะบอกว่าเขากลัวความผิดเลยหนีไปแล้ว แต่แม่รู้ว่าพ่อเราไม่มีทางหนีหรอก แม่ก็แค่เป็นห่วง…”

แม่สืออวี้เช็ดน้ำตา เธอกลัวสามีจะคิดสั้นแล้วทิ้งเธอกับลูกสาวเอาไว้

เดิมอยากจะเลี้ยงลูกสาวไว้บนหอคอยงาช้างให้สุขสบายไปตลอดชีวิต แต่สุดท้ายกลับต้องมาพลิกผันกลางทาง นับตั้งแต่เธอคลอดสืออวี้ออกมาร่างกายก็แย่ลงจนมีลูกไม่ได้อีก เธอกับสามีไม่ได้อยากให้ลูกสาวรับช่วงกิจการต่อ เดิมคิดว่าจะสู้จนกว่าสามีจะเกษียณแล้วให้ลูกสาวนั่งเป็นผู้ถือหุ้นอย่างสบายๆไปตลอดชีวิต สามีเธอคิดว่าตัวเองยังทำงานได้อีกสักยี่สิบปี แต่แผนการที่คิดไว้ดิบดีก็ยังสู้สวรรค์ที่ไม่เป็นใจเพียงครั้งเดียวไม่ได้

สืออวี้มองแม่ที่เหมือนแก่ลงไปมากเพียงชั่วข้ามคืน เธอไม่อาจทำตัวเป็นองค์หญิงที่ไม่ทุกข์ร้อนในสถานการณ์แบบนี้ได้

“แม่! เรายังมีคุณอาที่อยู่เมืองหลวงไม่ใช่เหรอ หนูจะไปขอร้องให้เขามาค้ำประกันให้เรา!” ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน เธอจะไม่ยอมปล่อยให้ครอบครัวต้องพังลง

“ไม่มีประโยชน์…ลูกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? เพื่อนน่ะมีราคาทั้งนั้น สูงต่ำก็ว่ากันไป ชาตินี้พ่อเราคบเพื่อนตั้งเยอะแยะ แต่มีคนไหนบ้างที่ออกหน้าช่วยเราแก้ปัญหา?”

แม่สืออวี้พูดอย่างอ่อนล้า

เธอกับสามีมีเพื่อนมากมายนับไม่ถ้วน แต่คนที่ออกตัวช่วยในยามคับขันกลับไม่มี ถึงขนาดที่บางคนยังแอบรอฉวยโอกาสตอนที่กิจการของตระกูลสือล้มด้วยซ้ำ

“ไม่มีทาง แม่! รอหนูก่อนนะ! หนูต้องหาทางได้แน่!”

สืออวี้พรวดพราดออกไป คุณนายสืออยากจะห้ามแต่สืออวี้หันหน้ากลับมาพูด

“แม่รอหนูก่อนนะ! หนูกลับมาแน่นอนค่ะ!”

คุณนายสือคิดแล้วจึงปล่อยมืออย่างไร้เรี่ยวแรง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

ช่างเถอะ ตอนนี้ข้างนอกลือกันว่าสามีเธอหนีไปแล้ว พรุ่งนี้ไม่แน่ว่าอาจมีคนงานมาประท้วงที่หน้าบ้าน ให้ลูกออกไปก่อนก็ดีเหมือนกัน

“ไปเถอะ ออกไปเจอธาตุแท้ของคน ลูกเองก็โตแล้ว ต่อไปพ่อกับแม่คงปกป้องลูกไม่ได้อีก บ้านเราไม่ไหวแล้ว ลูกคงเข้าใจแล้ว…โลกข้างนอกไม่เหมือนกับในรั้วโรงเรียน”

คุณนายสือพูดพึมพำด้วยหัวใจที่เจ็บปวดประหนึ่งถูกมีดกรีด ตอนนี้ถึงทางตันแล้วจริงๆ

ลูกใครๆก็รัก แต่คงปกป้องไปไม่ได้ตลอดชีวิต เมื่อก่อนครอบครัวยังปกป้องลูกได้ ตอนนี้ขนาดพ่อแม่ยังเอาตัวไม่รอด ได้แต่หวังว่าเด็กคนนี้จะเข้าใจโลกได้ไวๆ

ในหัวของสืออวี้เวลานี้มีอยู่ความคิดเดียว เธอแน่วแน่มาก

เมื่อก่อนครอบครัวเป็นฝ่ายปกป้องเธอ ตอนนี้ถึงเวลาเธอปกป้องครอบครัวบ้างแล้ว

เนื่องจากเมื่อวานเสี่ยวเชี่ยนเล่นผีผ้าห่มกับอวี๋หมิงหลาง วันนี้กว่าเธอจะตื่นก็เที่ยงแล้ว เธอหาวพลางเปิดโทรศัพท์มือถือดู มีสายไม่ได้รับขึ้นหรา

เอ๋…?

สืออวี้โทรหาเธอมากขนาดนี้ทำไมกัน?

เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าช่วงนี้สืออวี้กำลังเตรียมเรื่องงานแต่งงานอยู่ที่บ้านเกิด เธอกับต้าอีวางแผนไว้ว่าปิดเทอมแล้วจะไปหา พอเสร็จงานแต่งของสืออวี้ก็ถึงตาของเสี่ยวเชี่ยนกับต้าอี

เพื่อนรักสามคนนี้เตรียมแต่งงานติดๆกัน ช่วงหลายวันนี้ประธานเชี่ยนยุ่งเลยไม่ได้โทรหาสืออวี้ แล้วทำไมสืออวี้ถึงได้โทรหาเธอตอนดึกตั้งหลายสาย?

เสี่ยวเชี่ยนโทรกลับไปแต่กลับพบว่าเบอร์ของสืออวี้ค้างค่าโทรศัพท์จนถูกระงับ

อะไรของเขาเนี่ย อย่างสืออวี้ค้างค่าโทรศัพท์ได้ไง?

เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าสืออวี้คงลืม คิดไว้ว่าเดี๋ยวจะลงไปจ่ายค่าโทรศัพท์ให้แล้วโทรหาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เห็นสายไฟคอมพิวเตอร์ยังไม่ได้เก็บเธอจึงเดินไปจะปิดเครื่อง ปรากฏว่าพอมองไปที่หน้าจอ เมื่อคืนสืออวี้ทักมา?

ข้อความแรกยังดีหน่อย แค่ถามว่าเธออยู่หรือเปล่า

ข้อความที่สองบอกว่าวันนี้เธออารมณ์ไม่ดีอยากคุยด้วย

ข้อความที่สามส่งสติ๊กเกอร์หน้าร้องไห้มา

เสี่ยวเชี่ยนใช้ความคิด จากนั้นก็คว้ากระเป๋าอย่างไม่ลังเล เธอต้องลงไปจ่ายค่าโทรศัพท์ให้สืออวี้

วันนี้ฝนตกหนักแถมลมแรงมาก ร่มของเสี่ยวเชี่ยนถูกพัดจนเปลี่ยนรูปร่าง เธอจึงฝ่าฝนปล่อยให้ตัวเปียกไป นอกหมู่บ้านมีร้านเติมเงินโทรศัพท์ เสี่ยวเชี่ยนวิ่งไปที่นั่น

“พี่คะขอบัตรเติมเงินใบนึงค่ะ!”

“โทษทีน้อง หมดแล้วอะ ไปซื้อที่ร้านของระบบโดยตรงดีกว่า ของพี่กว่าจะมาก็เย็นเลย”

เสี่ยวเชี่ยนจึงต้องกลับไปที่รถ ต้องขับทั้งที่ตัวเปียกชุ่ม

หลังขึ้นรถเธอล้วงโทรศัพท์ออกมาเห็นปลอกโทรศัพท์เปียกจึงรีบเอาผ้าเช็ดให้แห้ง

เสี่ยวเชี่ยนสบถเสียงเบาแล้วถอดแบตโทรศัพท์ออก หวังว่าอีกเดี๋ยวเปิดเครื่องแล้วจะยังใช้งานได้

พอรถแดงของเธอถูกขับออกไป รถโฟล์คของสืออวี้ก็เข้าจอดที่หน้าหมู่บ้าน สืออวี้ที่เนื้อตัวเปียกเหมือนกันลงมาจากรถเดินเข้าไปถามยามหน้าประตู

“มาหาใครครับ?”

“มาหาเฉินเสี่ยวเชี่ยนค่ะ หนูเป็นเพื่อนเขา”

“รอเดี๋ยวนะครับ ขอผมโทรถามก่อน” ยามเข้าไปโทรศัพท์เข้าบ้านเสี่ยวเชี่ยน แต่ไม่มีคนรับ สืออวี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรหาเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็พบว่าตัวเองยังไม่ได้จ่ายค่าโทรศัพท์

ยามรับมือถือของสืออวี้ไปเพื่อเอาเบอร์โทรเข้ามือถือของเสี่ยวเชี่ยน แต่ก็พบว่าปิดเครื่อง

“ไม่งั้นรออยู่ที่นี่ก่อนไหมครับ?” ยามเห็นสืออวี้เปียกปอนไปทั้งตัวไม่รู้ว่าตากฝนมานานเท่าไรแล้ว ดูท่าทางลำบากมาก ผู้หญิงที่อยู่ในสภาพแบบนี้ใครเห็นก็ต้องรู้สึกสงสาร

สืออวี้ส่ายหน้าแล้วเดินออกมาจากป้อมยาม เธอยืนอยู่ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำ ไม่ขึ้นรถ ปล่อยให้สายฝนชะล้างโลกของตัวเอง

เธอขับรถมาตั้งแต่เมื่อคืนโดยไม่หยุดพัก พอไปถึงเมืองหลวงรออยู่ทั้งช่วงเช้าก็ผิดหวังอีกแล้ว เธอรู้สึกหดหู่ไม่ได้กลับบ้านทันที ตัดสินใจขับรถมาหาเสี่ยวเชี่ยน

เธอไม่ได้ต้องการให้เสี่ยวเชี่ยนช่วยเรื่องเงิน ก็แค่ชินแล้วเวลาเจอปัญหาก็มาหาประธานเชี่ยน ต่อให้แค่ได้เจอหน้ากันในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

แต่ประธานเชี่ยนนะประธานเชี่ยน ทำไมเวลาที่เธอต้องการตัวมากที่สุดกลับไม่อยู่…

สายฝนกระหน่ำ ผู้คนใจดำ ความหวังที่แตกสลาย หัวใจที่สิ้นหวัง

สืออวี้ที่ไม่ได้นอนทั้งคืนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนมองประตูทางเข้าหมู่บ้านที่ปิดสนิท เดิมเธอคิดว่าตัวเองมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ใช่เงินแต่เป็นเพื่อน

แต่เวลาที่เธอเกิดเรื่องเพื่อนสักคนก็ไม่อยู่ข้างกาย

ความเหนื่อยล้ากับความหิวสุดท้ายก็ทำให้เธอเป็นลมสลบไปในสายฝน

ยามประจำหมู่บ้านเห็นดังนั้นจึงรีบโทรเรียกรถฉุกเฉินแล้วหามเธอเข้าไปในตึก อีกเดี๋ยวรถฉุกเฉินก็มาแล้ว พอหามสืออวี้เสร็จก็มาขับรถของสืออวี้ไปจอดบริเวณที่ไม่เกะกะ

เสี่ยวเชี่ยนขับไปไกลมากกว่าจะเจอศูนย์ระบบโทรศัพท์ เธอจ่ายเงินค่าโทรศัพท์ให้สืออวี้ มองโทรศัพท์ตัวเองที่ดูจะแห้งแล้ว ดูเหมือนน้ำจะไม่เข้า เธอจึงใส่แบตเตอรี่ เปิดเครื่องดูก็ติด

เธอรีบโทรหาสืออวี้ ติดแต่ไม่มีคนรับ

เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้กันแน่นะ

เสี่ยวเชี่ยนจึงโทรหาต้าอี

“ต้าอี ช่วงสองวันนี้เธอได้ติดต่อสืออวี้บ้างไหม?”

“ไม่เลย…ฉันก็กำลังหาตัวเขาอยู่ เมื่อคืนเขาทักฉันมาในคิวคิว แต่พี่รองลืมบอกฉัน ตอนกินข้าวกลางวันอยู่ๆเขาก็นึกได้ ฉันเลยโทรหาสืออวี้แต่ก็ไม่มีคนรับ”

จะว่าไปลำพังแค่สายที่ไม่ได้รับกับข้อความแค่ไม่กี่ข้อความไม่น่าให้กังวลอะไรมากมาย แต่ด้วยความที่เสี่ยวเชี่ยนสนิทกับสืออวี้มาหลายปี รู้จักนิสัยของสืออวี้ หลังจากถูกลักพาตัวไปครั้งนั้น สืออวี้ก็ดูโตขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงภายนอกจะดูร่าเริงเป็นปกติ แต่กลับเริ่มมีความคิดแบบผู้ใหญ่ จึงไม่น่าจะล้อเล่นแบบนี้

พอคิดได้แบบนี้แล้วก็แสดงว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่