บทที่ 1003 เรื่องราวของการหายตัวไป

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“เชี่ย!”

นี่มันเสียงฝีเท้าเมื่อกี้นี่นา!

ทั้งสามคนชะงักฝีเท้าทันที พลันแนบตัวติดผนังอย่างพร้อมใจกัน พวกเขากลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เบิกตากว้างเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังมาจากหลังผนัง

เร็วมาก และใกล้มากด้วย…ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันเงียบสงัดมีเพียงกำแพงบางๆ กั้นไว้ พวกเขาได้ยินเสียงยกเท้าวางเท้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน…เมื่อเสียงใกล้เข้ามามากพอ พวกเขากระทั่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเดินเฉียดไหล่ตัวเองไป…

ข้างหน้าคือทางเลี้ยว รอบๆ ก็ไม่มีทางแยกอื่นอยู่อีกแล้ว คำนวณจากความเร็วของอีกฝ่าย อีกประมาณสามวินาที สัตว์ประหลาดลึกลับที่เดินไปเดินมาอยู่ในท่อน้ำใต้ดินนี้จะปรากฏตัวอยู่ตรงนั้น และภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีที่ให้ซ่อน พวกหลิงม่อจำต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ

ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว การพบเจอกันแบบนี้ไม่มีทางเป็นเรื่องน่ายินดีไปได้แน่นอน…

จะทำไงดี? หันหลังกลับไปม? สวี่ซูหานมองหน้าหลิงม่ออย่างลนลาน

“ทำไมจู่ๆ มันถึงได้ย้อนกลับมาล่ะ? เฮ้ยไอ้สัตว์ประหลาด แกกำลังวิ่งตามเสียงร้องไห้นั้นไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่มีความมุ่งมั่นเอาซะเลยวะ! ถอยกลางคันอย่างนี้ไม่ใช่วิถีของซอมบี้หรือสัตว์ประหลาดเลยนะเว้ย!” หลิงม่อเองก็ร้อนใจเช่นกัน

จะสู้ไหม? แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้พลังของอีกฝ่าย พวกเขาจะทำให้การต่อสู้นี้เริ่มและจบอย่างรวดเร็วได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีเรื่องสำคัญมากอีกเรื่องหนึ่งด้วย…เงาคนที่เขาเห็นเมื่อกี้ เหมือนจะไม่ใช่มันด้วย! นั่นก็หมายความว่า ในช่องทางเดินเส้นนี้นอกจาพวกเขาแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีสัตว์ประหลาดอยู่อีกสองตัว หากบุ่มบ่ามเปิดศึกกับตัวใดตัวหนึ่ง ไม่แน่ว่าอีกตัวอาจลอบฉวยโอกาสอยู่ในที่มืด…แล้วนี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในสถานการณ์ลำบากที่พวกเขาอาจเจอ…

“ตึกๆ…”

เสียงฝีเท้าเดินผ่านด้านหลังพวกเขาไปแล้ว…

หลิงม่อกำหมัดแน่น จากนั้นกระตุกแขนหนึ่งที

อวี่เหวินซวนรู้สึกได้ถึงแรงดึงทันที ขณะเดียวกัน สวี่ซูหานก็เตรียมตัวเองให้พร้อมแม้ตื่นตระหนก

มาแล้ว!

หลิงม่อกระตุกแขน หมายความว่าในสถานการณ์คับขันนี้เขาได้ตัดสินใจแล้ว…

สองวินาที…

หนึ่งวินาที…

ตอนนี้แหละ!

ทั้งสามต่างนับถอยหลังพร้อมกันในใจ และในตอนที่เสียงฝีเท้าเดินออกมาจากข้างหลังกำแพง ปรากฏตัวตรงทางเลี้ยว พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

อวี่เหวินซวนที่ได้รับสัญญาณเมื่อกี้กระโจนออกไปก่อนสองก้าว จากนั้นก็ง้างมือขว้างของสิ่งหนึ่งออกไป

“เจออาวุธลับฉันหน่อยเป็นไง!” เขาตะโกนเสียงต่ำ

ประกายไฟกลุ่มหนึ่งระเบิดกลางอากาศ ขณะเดียวกัน ทั้งสามเหลือบเห็นเงาร่างนั้นพร้อมกัน

เห็นชัดว่าเงาร่างนั้นคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ดังนั้นถึงแม้ไม่ได้ถูกแสงไฟที่ปรากฏขึ้นกะทันหันพุ่งใส่ดวงตาเต็มๆ แต่ก็ยังคงถูกดึงดูดสายตาออกไปได้อยู่ดี

เดิมที่มันสามารถอาศัยแสงไฟมองเห็นพวกหลิงม่อได้…แต่อวี่เหวินซวนที่อยู่อีกด้านกลับตะโกนออกมาอย่างนั้น สายตาของมันจึงเบนออกไปอย่างอัตโนมัติ…

ปรากฏว่า ณ วินาทีนั้น หลิงม่อกับสวี่ซูหานหลบไปอยู่ในจุดบอดสายตาของมันได้สำเร็จ ถึงแม้มีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ แต่สำหรับหลิงม่อกับสวี่ซูหาน มันกลับเป็นเวลาอันล้ำค่ามาก

ในชณะที่อวี่เหวินซวนถูกอีกฝ่ายเพ่งเล็ง หลิงม่อก็เริ่มลงมือ เขาสะบัดมือทั้งสองข้างไปข้างหน้า หนวดสัมผัสสิบเส้นพลันถูกยิงออกไป ส่วนสวี่ซูหานอยู่ข้างหลังเขา เตรียมความพร้อมรับมือตลอดเวลา ต่อไปสิ่งที่ต้องรอ ก็คือวินาทีที่หลิงม่อควบคุมอีกฝ่ายได้…

“เอ๋?”

แต่ที่ทำให้สวี่ซูหานกับอวี่เหวินซวนคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากลงมือไปไม่ถึงศูนย์จุดหนึ่งวินาที หลิงม่อที่รับบทสำคัญกลับชะงักค้างไป…

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!” ทั้งสองอึ้งค้าง

อวี่เหวินซวนสามารถดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายออกไปได้ แต่คนที่ชี้ชะตาการต่อสู้ครั้งนี้ กลับเป็นหลิงม่อที่เป็นคนลงมือต่อจากเขา หากจะบอกว่าเขาคือกุญแจสำคัญ ก็ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กุญแจสำคัญอย่างเขา กลับทำพลาด…

นี่มันกำลังรนหาที่ตายชัดๆ!

สวี่ซูหานได้สติทันที กัดฟันกรอดกระโจนออกไป

ช่วยไม่ได้ สถานการณ์อย่างนี้ เธอทำเพียงลุยล่วงหน้าก่อนแล้ว…

“อ๊ะ!”

สวี่ซูหานคิดไม่ถึง พอเธอกระโจนออกไป กลับถูกหลิงม่อคว้าตัวไว้อย่างรวดเร็ว…

“ทำ…”

ไม่รอให้เธอถาม เสียง “ตึกๆ” นั้นดังขึ้นอีกครั้ง

เมื่อไอหมอกมืดป่านพล่าน เงาคนอันเลือนรางนั้นก็ค่อยๆ เดินออกมา…

“ระเบิดเพลิง” ที่ร่วงลงพื้นยังคงส่องกระพริบเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง และเมื่อเงาคนเงานี้ปรากฏตัวอยู่ในจุดที่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าเมตร รูปร่างหน้าตาของมันก็เผยสู่สายตาของพวกเขา…

“อ้าว/เฮ้ย?!”

คราวนี้ไม่ใช่แค่หลิงม่อ…แม้แต่สวี่ซูหานกับอวี่เหวินซวนก็แทบจะช็อกค้าง และจ้องเงาร่างนั้นด้วยสายตาเหลือเชื่อ…

“ไม่น่าเชื่อ…” อวี่เหวินซวนพึมพำอย่างตะลึง “ฉิบหาย!”

เงาคนที่อยู่ข้างหน้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาว…แต่เวลานี้ในดวงตาสีดำลึกล้ำคู่นั้นของเธอ กลับปกคลุมไปด้วยไอน้ำ หลังจากต่างคนต่างยืนจ้องหน้ากันหนึ่งวินาที ปากของเธอเบะคว่ำ อยู่ๆ ก็กางแขนแล้ววิ่งเข้ามาทางหลิงม่อ “ฮือแง้…ไส้กรอก นายก็อยู่นี่ด้วยหรอ…”

“เอิ่ม…”

หลิงม่อพลันได้สติ พอเขาได้ยินคำว่า “ไส้กรอก” ก็หมายจะยกมือกุมของรักเพื่อปกป้องโดยสัญชาตญาณ แต่พอได้ยินเสียงเธอร้องไห้ สองมือของเขากลับชะงัก…

“เป็นอะไรไป?”

หลิงม่อไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้…หลังจากที่โลลิน้อยวิ่งเข้ามากอดเขา เขายกมือวางบนหัวอีกฝ่ายอย่างเก้ๆ กังๆ จากนั้นก็ลูบเบาๆ สองสามที “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ฮืออ…” โลลิน้อยค่อยๆ เงยหน้าที่ซุกอยู่บริเวณท้องเขาขึ้น สะอึกสะอื้นบอกว่า “ไส้กรอก…ฮือ…”

“นี่คือเธอร้องไห้แล้วใช่ไหฒ?” หลิงม่อหางตากระตุกยิกๆ ไม่เคยเห็นซอมบี้ร้องไห้มาก่อน…ร้องออกด้วยหรอ? หรือแค่ทำท่าทางเลียนแบบ? จะว่าไปแล้ว เหมือนเธอจะไม่มีน้ำตาไหลออกมาจริงๆ ด้วย…

“เปล่าร้อง!” โลลิน้อยปฏิเสธทันควัน “นี่ไม่ได้เรียกว่าร้องไห้!”

“ถือว่าใช่เหอะ…” หลิงม่อขมวดคิ้ว

น้ำตาไม่ไหล แต่สีหน้าคือร้องไห้จนน้ำตาท่วมแล้วเถอะ…

สวี่ซูหานที่อยู่ข้างๆ เองก็ได้สติ เธอมองโลลิน้อยอย่างตะลึง รีบนั่งย่อตัวลงแล้วถาม “น้องซือหราน เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เธอ…”

เดิมเธออยากจะบอกว่า “เธอทำพวกฉันตกใจแทบตาย” แต่พอเห็นสีหน้าของอวี๋ซือหราน เธอก็รีบกลืนมันลงไปทันที เปลี่ยนเป็นพูดว่า “พวกเรานึกว่าสัตว์ประหลาดอะไรซะอีก…ที่นี่อันตรายมากนะ เธอลงมาได้ยังไง?” พูดจบ เธอยังแอบยกมือหยิกหลิงม่อเบาๆ “นายทำอะไรน่ะ ปลอบใจคนอื่นเป็นบ้างไหม…อ้าปากก็ถามเด็กสาวตัวน้อยว่าร้องไห้หรือเปล่าเนี่ยนะ…”

“โอ๊ย…” หลิงม่อครวญ จากนั้นก็กลอกตาขาวอย่างจนใจ เขาทำอะไรผิดงั้นหรอ…

เวลานี้โลลิน้อยกลับได้สติกลับคืนมาจากภวังค์โศกเศร้า สีหน้าเธอเปลี่ยนฉับพลัน หลังจากถลึงตาใส่สวี่ซูหาน เธอก็หันไปกอดหลิงม่อ “พี่ทำอะไรน่ะ! เขาเป็นของฉัน! ทั้งที่เป็นคนอ่อนแอ สู้ฉันไม่ได้แท้ๆ…”

“หา?” รอยยิ้มบนใบหน้าสวี่ซูหานค้างเติ่ง เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และนิ่งเงียบ…ที่แท้เธอยุ่งมากไปเอง! อีกอย่างพอถูกซอมบี้โลลิเยาะเย้ยยังไม่มีกำลังโต้เถียงอีกต่างหาก! ถึงแม้ไม่อยากถูกเรียกว่าคนอ่อนแอ แต่เด็กสาวตัวน้อยที่สูง 120 เซนติเมตร และอายุสิบสองปีคนนี้กลับเป็นซอมบี้ชนชั้นสูงตัวจริงเสียงจริงเลยน่ะสิ! หลิงม่อกับอวี่เหวินซวนอาจไม่รู้สึก…แต่เมื่อกี้เธอกลับมองเห็นรังสีอำมหิตในฐานะซอมบี้ระดับสูงจากสีหน้าของซอมบี้โลลิอย่างชัดเจน!

ในฐานะซอมบี้ระดับต่ำ ช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดจริงๆ…สวี่ซูหานยืนขึ้น แล้วก้าวถอยหนึ่งก้าวเงียบๆ

“นายหยิกคืนสิ!” โลลิน้อยเงยหน้าบอก

“หยิก…” หลิงม่ออึ้งงันเล็กน้อย

สวี่ซูหานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง เด็กสาวตัวเล็กกำลังถือโอกาสระบายอารมณ์แน่ๆ! ในที่สุดเธอก็มองออก เด็กสาวกำลังจงใจหาเรื่อง…คำถามของพวกเขาตอบยากนักหรือไง?

แต่พอเห็นสภาพตาแดงก่ำของเธอ ก็ไม่รู้จะเอาความยังไงกับเธอดี…เด็กหมีที่เอาแต่ใจแต่ยังทำให้รู้สึกว่าน่ารักได้ ในฝูงซอมบี้ก็มีอยู่เหมือนกัน…

“นายหยิกคืนเถอะ” สวี่ซูหานเบือนหน้าบอก

“นี่มัน…” ถึงแม้หลิงม่อจะไม่เข้าใจนัก แต่เขาเข้าใจอะไรบางอย่างรางๆ แล้ว…อวี๋ซือหรานที่อยู่ในอ้อมกอดเขาอาจดูเหมือนกำลังดุ แต่ตอนที่สวี่ซูหานถามคำถามพวกนั้นกับเธอ เธอกลับตัวสั่นไปชั่วขณะจริงๆ สามารถทำให้เธอมีปฏิกิริยาอย่างนี้ได้ แสดงว่าที่นี่ต้องมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นแน่ๆ แต่หากทิ้งฐานะซอมบี้ไป ยังไงเธอก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง…

“ถ้าฉันหยิกเธอจะพูดใช่ไหม?” หลิงม่อเสนอเงื่อนไข

“หื้ม?” อวี๋ซือหรานอึ้งงัน…รู้สึกเหมือนคำพูดนี้แปลกๆ…

หยิกกับตอบคำถาม…สองอย่างนี้เกี่ยวกันยังไง?

“ถ้างั้นฉันหยิก” หลิงม่อตัดสินใจยื่นมือออกไป หลังจากยกมือค้างเติ่งอยู่บนหน้ากากของเธอ เขาก็เปลี่ยนใจยื่นมือไปทางไหล่แทน

ถึงแม้จะเป็นการทำให้โลลิน้อยดูเฉยๆ แต่สวี่ซูหานที่กำลังยืนเกร็งก็อดสะดุ้งไม่ได้

“บอกมาสิ” หลิงม่อกดไหล่อวี๋ซือหรานแล้วนั่งยองๆ ลงไป เขามองแก้มกลมตุ่ยของโลลิน้อย แล้วพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ไม่ต้องกลัว มีพวกเราอยู่”

“ฉันเปล่ากลัว…” อวี๋ซือหรานสบตาเขาตรงๆ หลังจากเม้มปากแน่น อยู่ๆ ก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง “ไส้กรอก…เฮยซือ…เฮยซือหายไปแล้ว…”

“อะไรนะ?” หลิงม่อเบิกตากว้าง

สุนัขสาวกลายพันธุ์ตัวนั้น…หายไปงั้นหรอ?!

หลังจากเบิกตากว้างอยู่สองวินาที หลิงม่อก็ตวัดสายตามองไปที่คอของอวี๋ซือหราน

เป็นอย่างนั้นจริงๆ คอของเธอว่างเปล่า…

ร่างจริงของเฮยซือที่พันอยู่ตรงนั้นเสมอ ตอนนี้กลับหายไปแล้ว…

“เกิดอะไรขึ้น?” หัวใจของหลิงม่อพลันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เขามองอวี๋ซือหรานอีกครั้ง แล้วถาม

ถึงจะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง แต่เขาเลี้ยงดูมันมาทีละก้าวๆ ด้วยมือตัวเอง…ที่สำคัญคือ ระหว่างเขากับเฮยซือยังมีสายสัมผันธ์ทางจิตระดับลึกอยู่ด้วย… “หุ่นซอมบี้” อย่างนี้ อยู่ๆ จะหายไปได้ยังไงกัน? อีกอย่าง อวี๋ซือหรานกับเธอก็มีสายสัมพันธ์กันแบบพึ่งพิงกันไม่ใช่หรอ?

“เธอเป็นฝ่ายออกไปเองหรอ?” หลิงม่อพลันถามขึ้น

อวี๋ซือหรานสูดน้ำมูก “ฉันก็ไม่รู้…หลังจากที่ฉันลงมา อยู่ๆ ฉันก็เหลือตัวคนเดียวแล้ว จากนั้นฉันก็เลย…จากนั้นระหว่างทางฉัน…ฮือออ…”

——————————————-