บทที่ 1259+1260

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1259+1260 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1259 ผู้ล่วงลับ พี่ชาย? 2

เจ้าหอยยักษ์ตื่นตระหนก แม้แต่บนล่างก็แยกแยะไม่ออกแล้ว สุ่มเลือกมาทิศหนึ่งแล้วรีบมุดไป แต่มุดมาพักใหญ่แล้วก็ยังไม่เห็นผิวดิน…

ยามที่มันอ้าฝาออกอีกครั้ง แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

เบื้องหน้าปรากฏรากไม้อวบใหญ่หลายเส้น รากมันนั้นยุ่งเหยิงพัวพัน รากไม้เกี่ยวกระหวัดกันจนคล้ายกำแพงผืนหนึ่ง ขวางทางของมันไว้

ทำยังไงดี? ทางไหนคือด้านบนล่ะ?

มันก้มหน้ามองลู่อู๋น้อยที่อยู่ในเปลือก หางทั้งเก้าของลู่อู๋น้อยแทบจะแดงฉานแล้ว!

มันกำลังมองรากไม้เหล่านั้นอยู่ พลันร้องโวยวายออกมา มันร้องเร็วเกินไป เจ้าหอยยักษ์จึงฟังไม่รู้เรื่อง

ลู่อู๋น้อยร้อนใจแล้ว มุดออกไปทันที โจมตีรากไม้ท่อนหนึ่ง ใช้กรงเล็บข่วนผิวรากไม้ มีอากาศบริสุทธิ์ทะลักออกมาจากด้านใน

เจ้าหอยยักษ์ปรีดานัก รีบพุ่งไปเช่นกัน ใช้ฝาตัดรากไม้หลายเส้น ให้อากาศในรากไม้ถ่ายเทเข้าไปในเปลือกหอยของตน จากนั้นก็มุดขึ้นสู่ด้านบนอย่างรวดเร็ว ภายใต้การชี้นำของลู่อู่น้อย…

….

ยามที่กู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนถูกมุงดูอยู่!

รอบข้างมีคนมุงอยู่หลายสิบคน คนเหล่านี้สูงต่ำอ้วนผอม ชายหญิงอ่อนชราล้วนมีหมด มองเธอเสมือนมองกล่องสามมิติ[1]อยู่ ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจ

ส่วนตัวเธอนอนอยู่ในเปลือกหอย เพรียกวายุกับลู่อู๋น้อยตั้งขบวนอยู่นอกเปลือกหอย จ้องคนเหล่านี้อย่างระแวดระวัง ไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้เข้าใกล้สักครึ่งก้าวเลย

ดูเหมือนที่นี่จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง บ้านเรือนในหมู่บ้านสร้างจากเปลือกไม้สีเงินยวงแวววาวชนิดหนึ่ง กระจัดกระจายอยู่รอบๆ เสมือนชนเผ่าดึกดำบรรพ์ที่ร่ำลือกัน

แต่มนุษย์หลายสิบคนนี้กลับไม่ได้ห่มเปลือกไม้อะไรพวกนั้นเหมือนมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีเงินแบบพิเศษชนิดหนึ่ง คล้ายจะทอขึ้นจากเส้นใยธรรมชาติอะไรสักอย่าง ส่องประกายแวววาวเช่นเดียวกัน

กู้ซีจิ่วงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เธอกินเนื้อดื่มสุราอยู่บนยอดเขาที่หกชัดๆ ดูเหมือนจะเมาแล้วอาเจียนไปก่อนรอบหนึ่ง จากนั้นก็เหมือนจะผล็อยหลับไป เหตุใดพอตื่นขึ้นขึ้นมาถึงมาโผล่ที่ชนเผ่าดึกดำบรรพ์อันแปลกประหลาดเช่นนี้ได้เล่า?

ที่นี่คือที่ไหนกัน?

“นางฟื้นแล้ว!”

“นางเป็นภูตหอยหรือ?”

“นางงดงามเหลือเกิน…”

ฝูงชนเริ่มพากันพูดคุย กู้ซีจิ่วลูบหัวแล้วลุกขึ้นนั่ง

เยี่ยมมาก ถ้อยคำที่คนพวกนี้คุยกันเธอฟังออกทั้งหมด ไม่ใช่การพูดคุยด้วยการกู่ร้องอะไรพวกนั้น แบบนี้ก็สื่อสารกันได้ง่าหน่อย…

“ทุกท่าน ที่นี่คือที่ใดหรือ?” เธอเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า น่าจะเป็นเพราะดื่มสุรามากไป คอจึงแหบแห้งอยู่บ้าง

“เจ้าบอกมาก่อนว่าเจ้าเป็นใคร?! ทำไมถึงโผล่ออกมาจากใต้ดิน!”

“ใช่ เจ้าเป็นภูตมากจากที่ใด? เหตุใดจึงกล้ามากำเริบเสิบสานที่นี่!”

“งดงามเช่นนี้ คงมิใช่ว่าเป็นภูตจิ้งจอกอันใดจากภายนอกกระมัง?”

สายตาที่คนเหล่านี้มองเธอไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ถืออาวุธไว้ในมือ ราวกับพร้อมจะพุ่งเข้ามาสับเธอให้แหลกเป็นไส้ซาลาเปาได้ตลอดเวลา พากันวิพากษ์วิจารณ์

กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้วนิดๆ เธอมองไปทางเจ้าหอยยักษ์ เจ้าหอยยักษ์กระดากเล็กน้อย รีบเล่าเหตุการณ์หลังจากเธอหลับไปให้ฟัง แน่นอนว่าเรื่องที่มันเกือบจะเขมือบเธอเข้าไปแล้วมันไม่กล้าเอ่ยถึงเลย

สีหน้ากู้ซีจิ่วทะมึน เธอเมามายไปเพียงหนเดียว ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าหอยยักษ์จะก่อเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น

พอเธอได้สติแล้ว ตัวคนก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เธอลุกขึ้นมา เหินออกมาจากเปลือกหอย “ข้าเป็นคน ไม่ใช่ภูต เป็นสัตว์เลี้ยงของบ้านข้าที่มุดลงดินเพื่อหลบฝน จากนั้นก็หลงเข้ามาในอาณาเขตของพวกท่าน…สรุปแล้วที่นี่คือที่ไหน?”

เธอเงยหน้ามองท้องฟ้า ผลคือมองไม่เห็นอะไรเลย เนื่องจากถูกกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่บดบังไว้

ในชีวิตนี้กู้ซีจิ่วไม่เคยเห็นต้นไม้ที่สูงใหญ่มโหฬารขนาดนี้มาก่อนเลย

กลางหมู่บ้านนี้มีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง คนหนึ่งร้อยคนจับมือกันก็ยังโอบไม่รอบ ต้นไม้สูงนับร้อยจั้ง มองแทบไม่เห็นยอดเลย กิ่งก้านสาขาขนาดมหึมาปกคลุมทั้งหมู่บ้านไว้

————————————————————————————-

บทที่ 1260 ผู้ล่วงลับ พี่ชาย? 3

ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ลักษณะคล้ายกับพัดใบปาล์ม ตัวใบเป็นสีเงินยวง ส่องประกายออกมาเป็นครั้งคราว แสงที่ส่องออกมาเป็นสีรุ้ง

สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนเมืองลับแลอยู่บ้าง…

กู้ซีจิ่วกวาดตามองผู้คนที่อยู่รอบข้างอย่างรวดเร็ว ในเต้นแวบหนึ่ง คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น!

ทุกคนเป็นยอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณอย่างน้อยขั้นเจ็ดขึ้นไป ยังมีอีกสิบกว่าคนที่เป็นขั้นแปดแล้ว แต่ละคนเต็มไปด้วยกำลังวังชา

ต้องทราบก่อนว่าในทวีปนี้ยอดฝีมือที่บรรลุขั้นหกขึ้นไปพบเห็นได้น้อยยิ่ง แต่ที่นี่กลับมีอยู่มากมายถึงเพียงนี้!

สรุปแล้วที่นี่เป็นสถานที่เช่นใดกันแน่?

เธอเอ่ยถามอีกรอบหนึ่ง

ผลคือคนเหล่านั้นมองหน้ากันอย่างเลิกลั่กครู่หนึ่ง หนึ่งในนั้นกระแอมแล้วกล่าวว่า “ถ้าพวกเรารู้ว่าที่นี่คือที่ไหนก็ดีน่ะสิ! ถูกขังไว้นานมากแล้ว…”

กู้ซีจิ่วฉงน “…เช่นนั้นพวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”

“พวกเขาล้วนเคยอ้างตัวว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์แล้วไม่ผ่านการทดสอบ จากนั้นจึงถูกโยนเข้ามาที่นี่ แม่นาง หรือเจ้าก็เป็นผู้ฝ่าด่านสานุศิษย์สวรรค์ด้วย?” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังฝูงชน

เสียงนั้นแจ่มชัดดึงดูด เป็นเสียงของบุรุษหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อกล่าวจบ ฝูงชนที่ล้อมกู้ซีจิ่วไว้ก็แหวกตัวออกเป็นทางสายหนึ่ง รถเข็นเล็กๆ คันหนึ่งถูกผลักเข้ามา

ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น วินาทีที่กู้ซีจิ่งมองเห็นเขา นัยน์ตาก็หดตัวลงเล็กน้อย

คนผู้นั้นก็สวมเสื้อคลุมสีเงินยวงแบบนั้นเหมือนกัน เกศาดำดั่งย้อมหมึก จอนผมคมกริบ เครื่องหน้างามสง่าล้ำเลิศ ตรงหว่างคิ้วยังมีไฝรูปหัวใจเม็ดหนึ่งอยู่ด้วย บุคลิกท่วงท่าค่อนข้างคล้ายกับหมอเทวดาโอวหยางหมิงรื่อในเรื่อง ‘เซียนนารีมังกรหิมะ’ ผู้นั้นยิ่งนัก

สิ่งเหล่านี้มิใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือดวงหน้าของคนผู้นี้เธอมองแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง ดูเหมือนจะคล้ายคลึงกับตนอยู่บ้าง…

ชายหนุ่มคนนั้นถูกคนสองคนเข็นเข้ามา คล้ายว่าจะเดินเหินไม่สะดวก

“กู้เทียนนั่ว…” กู้ซีจิ่วลองเรียกดู

สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สายตาร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว “นี่คือนามของแม่นางหรือ?”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

ท่าทีของชายหนุ่มคนนั้นมิคล้ายการเสแสร้ง กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ไม่ นี่ไม่ใช่นามของข้า นี่เป็นนามญาติคนหนึ่งของข้า รูปโฉมของคุณชายค่อนข้างคล้ายคลึงกับญาติคนนั้นของข้ามาก…นามของข้าคือกู้ซีจิ่ว…”

ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แม่นางกู้ยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย”

“ข้าเข้ามาป่าทมิฬมาเพียงลำพัง เดิมทีคิดจะไปเก็บสมุนไพรบนยอดเขาที่เจ็ดแล้วกลับไป ไม่นึกเลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยขึ้น ถูกสัตว์เลี้ยงของบ้านข้าพามาถึงที่นี่ได้” กู้ซีจิ่วอธิบายที่มาที่ไปของตนคร่าวๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามชายหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง “คุณชายบอกว่าพวกเขาล้วนเป็นสานุศิษย์สวรรค์งั้นหรือ?”

ชายหนุ่มคนนั้นถอนหายใจเบาๆ “พวกเขาล้วนเคยอ้างตัวว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ แต่ไม่ผ่านการทดสอบของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ถูกโยนเข้าป่าทมิฬ…”

กู้ซีจิ่วสนทนากับชายหนุ่มผู้นี้ไม่กี่ปรโยค ในที่สุดก็ทราบมูลเหตุโดยรวมแล้ว

ในเมื่อคนเหล่านี้ที่อยู่ที่นี่ล้วนเคยอ้างตัวว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ อย่างไรเสียระดับบำเพ็ญย่อมไม่ธรรมดา หลังจากถูกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายโยนเข้ามาในป่าทมิฬ ย่อมต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดสารพัด จากนั้นจะบาดเจ็บจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็มาโผล่ที่นี่แล้ว…

และดูเหมือนที่นี่จะเป็นค่ายกลตามธรรมชาติชนิดหนึ่ง เข้าได้แต่ออกไม่ได้ คนเหล่านี้ถูกขังไว้ที่นี่หลายปีแล้ว จึงค่อยๆ ก่อตั้งหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้น

คนเหล่านี้ล้วนถูกโยนลงมาใต้ต้นไม้ใหญ่ของที่นี่ทั้งสิ้น มีเพียงกู้ซีจิ่วที่นอนอยู่ในหอยแล้วมุดขึ้นมาจากพื้น ดังนั้นจึงดึงดูดให้คนเหล่านี้มาล้อมวงมุงดู…

….

“นายท่าน สายสืบส่งข่าวมาแล้วขอรับ บอกว่าแม่นางกู้เข้าไปในป่าทมิฬ”

หนนี้สายลับทั้งหมดในอาณาจักรเฟยซิงแทบจะออกปฏิบัติการทั้งหมด ตามสืบหาเบาะแสร่องรอยกันอยู่สองวันเต็มๆ ในที่สุดก็ส่งข่าวเช่นนี้กลับมา

————————————————————————————-

[1]  กล่องสามมิติ เป็นอุปกรณ์ฉายภาพเคลื่อนไหวในสมัยโบราณ เป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่มีคนหมุนคันโยกให้ภาพในกล่องหมุน แล้วให้ผู้ชมทาบดวงตามองผ่านเลนส์กลม จะเห็นภาพในกล่องเคลื่อนไหวได้เสมือนจริง