ตอนที่ 928 เธอเป็นเบบี๋ของพวกเรา

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“เธอเป็นเบบี๋ของพวกเราไง ไปเถอะเบบี๋ ไปถามหมอกันว่าต้องนอนรอดูอาการต่อไหม ถ้าเธอไม่อยากนอนโรงพยาบาลก็ไปบ้านฉัน”

ต้าอีไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของสืออวี้ คิดว่าเพื่อนสนิทก็แค่พูดเล่น เสี่ยวเชี่ยนหน้านิ่วเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าสืออวี้ดูแปลกไป

ถ้าไม่ได้หน้าตาเหมือนกัน เสี่ยวเชี่ยนคงคิดว่าผู้หญิงที่ยืนตรงหน้านี้ไม่ใช่สืออวี้ สไตล์การพูดไม่เหมือนเดิม

ต้าอีกับเสี่ยวเชี่ยนเดินคล้องแขนสืออวี้พากันไปที่ห้องทำงานของหมอ

พอทั้งสามคนเดินไปไกลแล้ว ฮวาหลีที่อยู่ในห้องถึงได้เอาสร้อยข้อมือลูกประคำออกมาหมุนเล่นในมือ

เขาหมุนลูกประคำเล่นไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นผู้หญิงสามคนเดินพยุงกันออกไปท่ามกลางสายฝนผ่านทางหน้าต่าง เขาหมุนลูกประคำในมือจนครบรอบแล้ว มุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อย

ต้าอี้กับเสี่ยวเชี่ยนขนาบข้างสืออวี้ที่ร่างกายอ่อนแอ

ฝนหยุดลง แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึม มีฟ้าแลบบ้าง ดูท่าทางเดี๋ยวฝนคงได้ตกหนักอีกรอบ

ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดครึ้มนี้ มองจากที่สูงลงไปพวกเสี่ยวเชี่ยนตัวเล็กนิดเดียว

“หมอมู่คะ มีโทรศัพท์ของหมอค่ะ” พยาบาลสาวน้อยคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์ให้พลางมองฮวาหลีด้วยอาการเคลิบเคลิ้ม หมอมู่หล่อจัง

“ขอบคุณครับ” ฮวาหลีรับโทรศัพท์มาแล้วยิ้มให้พยาบาลคนนั้น เล่นเอาพยาบาลสาวหน้าแดงก่ำ

แต่เธอกลับไม่เห็นวินาทีที่เธอหันหลังไปไม่มีรอยยิ้มเหลืออยู่บนใบหน้าฮวาหลีเลยแม้แต่นิดเดียว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดโทรศัพท์ตรงที่พยาบาลคนนั้นจับ คล้ายกับว่ามีเชื้อโรคอะไรติดอยู่

“มู่ฮวาหลีพูดครับ”

“คุณรับโทรศัพท์ช้าไปหน่อย ผมยังคิดว่าคุณเกิดเรื่องแล้วเสียอีก” ปลายสายพูดด้วยความระมัดระวัง

“ผมไม่ชอบพกอุปกรณ์สื่อสารที่น่ารังเกียจพวกนี้ไว้กับตัว สนามแม่เหล็กพวกนี้มันทำให้ความคิดของผมแปรปรวน และผมก็ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของๆผมด้วย”

ดูเหมือนปลายสายจะรู้นิสัยประหลาดของมู่ฮวาหลีอยู่แล้วจึงไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้

“เรื่องที่ผมวานคุณเรียบร้อยหรือยังครับ?”

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“เรื่องค่าตอบแทนของคุณบอสของเราจะคิดรวบยอดให้ทีเดียวหลังเสร็จงานนะครับ”

“ฝากบอกบอสคุณด้วย ว่าถ้าไม่อยากตายในครึ่งชั่วโมงก็รีบโอนเงินเข้าบัญชีผม” น้ำเสียงของฮวาหลียังคงนุ่มนวลเหมือนเดิม แต่กลับให้ความรู้สึกชวนขนลุก

“แต่พวกเรายังไม่เห็นผลลัพธ์ ก่อนหน้านี้เราหาคนไปกำจัดเสี่ยวเชี่ยน ปรากฏว่าให้เงินไปแล้วแต่ไม่สำเร็จ ดังนั้นครั้งนี้—”

“หน้าที่ของผมจบแล้ว ที่เหลือจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผม ช่วยโอนเงินเข้าบัญชีผมห้ามขาดสักแดงเดียว ผมก็เป็นผู้ชายแบบนี้แหละครับ อย่ามาหลงรักผมก็แล้วกัน”

เสี่ยวเชี่ยนขับรถพาต้าอีกับสืออวี้ไปที่บ้านใหม่ของตัวเอง เธอหยิบชุดนอนให้สืออวี้ “เธอเข้าไปอาบน้ำก่อน ตัวเปียกหมดแล้ว”

สืออวี้เข้าไปอาบในห้องน้ำสำหรับแขก ซึ่งก็คือห้องที่ถูกอวี๋หมิงหลางตกแต่งด้วยสีชมพูจ๋า ต้าอีผูกผ้ากันเปื้อนเข้าครัวทำก๋วยเตี๋ยว

ตอนสืออวี้อาบน้ำได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ สมองเธอเหมือนว่างเปล่าไปชั่วขณะ เธอพบว่าหลังฟื้นจากสลบรู้สึกเหมือนสมองว่างเปล่าเป็นช่วงๆ

จนกระทั่งเสี่ยวเชี่ยนอาบน้ำเสร็จแล้วมาเคาะประตู

“เสร็จหรือยัง? ออกมากินข้าวได้แล้ว!”

“อ้อ ใกล้แล้ว!” สืออวี้รีบแต่งตัว

ตอนออกมาเธอก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร ฝีมือการทำอาหารของต้าอีใช้ได้ทีเดียว แค่ชั่วเวลาแปปเดียวเธอก็ทำก๋วยเตี๋ยวทะเลพร้อมกับแกล้มสองอย่างได้

“เดี๋ยวฉันช่วยยกนะ” สืออวี้อยากช่วย

แต่เสี่ยวเชี่ยนกดเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้

“อยู่เฉยๆเลย พวกเราจัดการเอง”

สืออวี้ต่างฝนจนสลบร่างกายอ่อนเพลีย เสี่ยวเชี่ยนจึงอยากให้เธอนั่งพักผ่อนมากกว่า

สืออวี้นั่งลงบนเก้าอี้มองเสี่ยวเชี่ยนกับต้าอีสาละวนในครัว ในใจเกิดความรู้สึกที่เหมือนไม่ใช่ตัวเธอขึ้นมาอีกแล้ว

ดูเหมือนเธอ…จะโดนกันออกมา?

แก๊งค์นี้ไม่มีที่ของเธอแล้ว

ต้าอีกับเสี่ยวเชี่ยนเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กัน สองคนนี้ทำอะไรก็ดูเข้ากันได้ดี แถมยังอยู่เมืองเดียวกันเจอกันบ่อยๆได้อีก ส่วนตัวเธอกลับต้องแยกออกไป…

ในสมองเหมือนมีเสียงบางอย่างกำลังพูดอยู่ เธออยากตั้งใจฟังดีๆแต่ก็ได้ยินไม่ชัด

“เอาน้ำพริกเนื้อที่แม่พวกเราทำมาให้สืออวี้สิ เขาชอบกินอันนั้น” เสี่ยวเชี่ยนสั่งต้าอีที่อยู่ใกล้ตู้เย็น

หึหึ สองคนนี้มีแม่สามีคนเดียวกัน ‘แม่พวกเรา’ คำๆนี้เสียดแทงใจสืออวี้

“มิตรภาพพอออกนอกรั้วมหาลัยก็เจือจางลง” สืออวี้พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“สืออวี้เธอว่าอะไรนะ?” ต้าอีมองสืออวี้ด้วยความสงสัย เธอฟังผิด?

สาวน้อยผู้ร่าเริงของพวกเธอกลายเป็นคนพูดจาประชดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

สืออวี้ได้สติร้องอ๊าออกมา “ฉันพูดอะไรเหรอ?”

“ไข้ขึ้นหรือเปล่า?” เสี่ยวเชี่ยนหยิบน้ำพริกมา จากนั้นก็เอามือไปวัดไข้สืออวี้ ก็ไม่ร้อนนี่นา

“ฉันไม่เป็นไร กินกันเถอะ หอมมากเลย น้ำลายฉันจะไหลแล้ว” ในที่สุดสืออวี้ก็เป็นปกติ เผยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา

“จอมตะกละ! กินเยอะๆนะ!” เสี่ยวเชี่ยนคีบอาหารให้สืออวี้

ทั้งสามคนนั่งกินอาหารด้วยกันเหมือนตอนอยู่มหาวิทยาลัย

“อันนี้ให้เธอหมดเลย” ต้าอีคีบกุ้งในชามให้สืออวี้หมด เอาลูกชิ้นให้ประธานเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนคีบผักให้ต้าอี รู้ว่าตอนนี้ต้าอีกินอาหารรสชาติแปลกไป จากนั้นก็ไปคีบไข่แดงจากชามของสืออวี้

เป็นเหมือนตอนอยู่มหาวิทยาลัยที่ก่อนกินต้องแบ่ง ‘สมบัติ’ กันก่อน เดิมก็เป็นภาพปกติที่คุ้นเคย แต่เวลานี้กลับเหมือนอยู่คนละโลก

“เป็นอะไร รสชาติมันแย่มากจนร้องไห้เลยเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนวางชามลง

สืออวี้ลูบหน้าตัวเองถึงได้รู้ว่าเธอร้องไห้

“ฉันรู้สึกแย่มากเลย…”

ความกดดันจากเรื่องที่บ้าน ความลำบากจากการที่ต้องไปขอร้องคน ทำให้หัวใจของสืออวี้อ่อนล้า พอมาเจอเพื่อนอีกก็ทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่มีแต่ความสุขไร้ความกังวลในรั้วมหาวิยาลัย ยิ่งรู้สึกเศร้ามากกว่าเดิม

ภายในสมองมีแต่คำพูด มิตรภาพพอออกนอกรั้วมหาลัยก็เจือจางลง วนไปวนมาไม่หยุด ความรู้สึกแย่ๆจุกอยู่ที่อก เธอรู้สึกว่านั่นไม่ใช่ความคิดของเธอ แต่เธอกลับควบคุมมันไม่ได้ เธอทุกข์ทรมานมาก

“จะเรื่องแย่สักแค่ไหนก็เอาไว้พูดหลังกินเสร็จ ไม่ใช่เด็กๆแล้วทำไมยังคิดเหมือนเด็กอีก?” เสี่ยวเชี่ยนดันน้ำพริกไปทางสืออวี้ บ้านสืออวี้เกิดอะไรขึ้นเธอไม่รู้ แต่สัมผัสได้ว่าเด็กคนนี้ดูเปลี่ยนไป

เสี่ยวเชี่ยนคิดไว้ว่ากินเสร็จค่อยไปนั่งคุยกับสืออวี้ดีๆ

“นั่นสิ ฉันมันไร้เดียงสาเหมือนเด็ก มีแต่เธอที่เก่ง เก่งไปหมดทุกอย่าง เธอมันยืนอยู่บนที่สูงสั่งการได้ทุกอย่างอยู่แล้วนี่” สืออวี้พูดจบตัวเองก็ตกใจเอามือปิดปาก เธอพูดจาแบบนี้กับประธานเชี่ยนได้ยังไง?

เสี่ยวเชี่ยนมองสืออวี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ต้าอีเองก็กินไม่ลงแล้ว เธอมองสืออวี้แล้วมองเสี่ยวเชี่ยน

เกิดอะไรขึ้น ทำไมเพิ่งจะเจอหน้ากันก็เป็นแบบนี้ล่ะ?

“เอาล่ะ ก๋วยเตี๋ยวจับเป็นก้อนแล้ว มีอะไรก็กินก่อนค่อยว่ากัน ประธานเชี่ยนกินนี่นะ!” กลัวสองคนนี้จะทะเลาะกันขึ้นมา ต้าอีจึงรีบแก้ไขสถานการณ์

เสี่ยวเชี่ยนไม่พูดอะไรอีก ยกชามขึ้นมากินเงียบๆ

สืออวี้เองหมดอารมณ์ ในใจเธอรู้สึกหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม