บทที่ 69 น่ายินดีน่าฉลอง โดย Ink Stone_Romance
ฟางเฉิงอวี่ไม่ได้ไม่เข้าใจ ยิ้มให้ฟางอวี่ซิ่ว
“พี่รองย่อมดีกับข้า” เขาเอ่ย
ฟางอวิ๋นซิ่วมองพวกเขา
“พวกเจ้าทายปริศนาอะไรกันอยู่?” นางเอ่ยถาม
ฟางอวี้ซิ่วคล้องแขนนาง
“พี่ใหญ่ ท่านว่าทำไมคุณชายหนิงช่วยเหลือ?” นางเอ่ย
ทำไมพูดเรื่องนี้อีกแล้ว?
“เจ้าไม่ใช่บอกว่าเป็นความคิดของเจินเจินหรือ?” ฟางอวิ๋นซิ่วเอ่ย
“ข้าพูดว่าเป็นความคิดของเจินเจิน แต่ความคิดของคุณชายหนิงเล่า?” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย
ฟางอวิ๋นซิ่วตลอดมาไม่ชอบคิดเรื่องเหล่านี้ ได้ยินก็ตบบนมือนาง
“อธิบายง่ายๆ หน่อย” นางเอ่ย
“ข้ารู้สึกว่าเพราะคุณชายหนิงอยากช่วยเจินเจิน แล้วก็ยินดีช่วย” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย
บทสนทนานี้เหมือนย้อนกลับไป ฟางอวิ๋นซิ่วมึนงง
“ทำไมเล่า?” นางเอ่ยถามอีกครั้ง
“เพราะชอบกระมัง” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยจริงจัง
ชอบ
ฟางอวิ๋นซิ่วอึ้ง
คุณชายสิบหนิงชอบจวินเจินเจินหรือ?
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ฟางอวี้ซิ่วคล้องแขนนางไว้ มองฟางเฉิงอวี่ ยิ้มทีหนึ่ง
“เมื่อครู่ข้าพูดว่าจวินเจินเจินกับคุณชายหนิงหารือกันมาก่อน แต่ที่จริงไม่ใช่” นางเอ่ย “ไม่อย่างนั้นผู้ดูแลใหญ่หลิ่วกับจวินเจินเจินก็ต้องเขียนจุดหมายมาเล่าจุดนี้แล้ว แต่พวกเขาใครก็ไม่ได้เอ่ย เห็นได้ว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหัน”
ฟางเฉิงอวี่ยิ้มพยักหน้า
“พี่รองพูดไม่ผิด” เขาเอ่ย “พี่รองฉลาดเกินไปแล้วจริงๆ”
“เรื่องที่เกิดกะทันหันนั้น ไหนเลยจะขบคิดรอบคอบมากปานนั้น” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย “ตัดสินใจบุ่มบ่ามได้ ย่อมต้องชมชอบอยู่นิดหนึ่ง นี่เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลที่สุด น้องเล็กเจ้าก็คิดออกสินะ ต้องการจะพูดกับท่านย่าและท่านแม่เช่นนี้เหมือนกันสินะ?”
ฟางเฉิงอวี่หัวเราะหึหึ
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” เขาเอ่ย
“จวินเจินเจินคนนั้นได้คุณชายสิบหนิงชมชอบปกป้อง เจ้าดีใจหรือไม่ดีใจเล่า?” ฟางอวี้ซิ่วยิ้มเอ่ยถาม
ฟางอวิ๋นซิ้วตอนนี้เพิ่งกระจ่างเข้าใจแล้วว่าพวกเขาสองคนทายปริศนาอะไรกัน
หนิงอวิ๋นเจาชอบจวินเจินเจิน ยังไม่ต้องถกจริงปลอม แต่ฟางเฉิงอวี่ชอบจวินเจินเจินทุกคนล้วนรู้
ให้คนผู้หนึ่งบอกว่าคนที่ตนเองชอบถูกบุรุษคนอื่นชมชอบ โหดร้ายเกินไปหน่อยจริงๆ
ยังดีฟางอวี้ซิ่วรับลูกต่อทันเวลา หัวไวใช้ความคิดของคุณหนูจวินกลบเกลื่อนหัวข้อสนทนานี้ผ่านไป
ฟางอวิ๋นซิ่วส่ายศีษะตบฟางอวี้ซิ่วแปะๆ
“เจ้านี่นะ แกล้งเขาทำอะไร” นางเอ่ย
“ข้าแกล้งเขาอย่างไรเล่า พี่ใหญ่ ข้าเป็นห่วงเขาต่างหาก” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ยเป็นจริงเป็นจัง แล้วมองฟางเฉิงอวี่ “เฉิงอวี่ คุณชายสิบหนิงปกป้องจวินเจินเจิน เจ้าดีใจหรือไม่เล่า?”
ฟางอวิ๋นซิ่วถลึงตามองนางทีหนึ่ง
ฟางเฉิงอวี่นั่งตัวตรง
“พี่รอง ข้าชอบนาง นางถูกผู้อื่นชมชอบปกป้อง ข้าย่อมดีใจ” เขาเอ่ยตั้งใจ “หรือนางถูกคนทั้งหมดเกลียดชังรังแกข้าถึงเบิกบานใจหรือ?”
“ใช่แล้ว” ฟางอวิ๋นซิ่วเอ่ย คล้องแขนฟางอวี้ซิ่ว “เจ้าอย่าพูดเหลวไหลไร้สาระ”
ฟางอวี้ซิ่วยิ้มพยักหน้า
“เรื่องนี้ตอนนี้ดูแล้วคงไม่เป็นไร” นางเอ่ย “แต่ผูกแค้นกับองครักษ์เสื้อแพรด้านนั้นแล้ว ปัญหาที่ตามมาข้างหลังต้องยังมีแน่ เรื่องบัญชีพวกเราคอยดู เฉิงอวี่เจ้าก็สนใจเมืองหลวงเถอะ”
ฟางอวิ๋นซิ่วพยักหน้า ฟางเฉิงอวี่ก็ยิ้มพยักหน้าด้วย
“ดี” เขาเอ่ย มองฟางอวิ๋นซิ่วกับฟางอวี้ซิ่วเดินออกไป
ในห้องกลับมาเงียบสงบ ฟางเฉิงอวี่ฝั่งนี้สาวใช้น้อยมาก ไม่เรียกก็ไม่เข้ามา
ฟางเฉิงอวี่นั่งบนเก้าอี้นิ่งไม่ขยับ บนหน้าแต้มรอยยิ้มมองจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
เนื้อหาของจดหมายเพียงอ่านรอบเดียวก็ท่องได้คล่องแล้ว
“วิธีนี้ดีอยู่” เขาเอ่ยกับตนเอง ปรบมือยิ้ม “เทพช่วยบันดาลจริงๆ ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว”
เขาหัวเราะหนึ่งเค่อคนทั้งร่างพลันฟุบอยู่บนโต๊ะ ประหนึ่งเด็กน้อยแต่งกายเรียบร้อยนั่งตัวตรงในสำนักศึกษาเห็นอาจารย์จากไป เหนื่อยล้าทั้งโล่งใจ
“แต่ไม่ชอบใจเลย” เขาเอย มองตุ๊กตาดินปั้นตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่วางไว้บนโต๊ะ
นี่เป็นของที่ซื้อมาระหว่างทางกลับจากหรู่หนาน
นิ้วยื่นออกมา จิ้มรอยยิ้มบนหน้าตุ๊กตาดินปั้นสองที
พวกเจ้าเคยมีความรู้สึกเช่นนั้นไหม
ดีใจก็ดีใจ แต่ไม่ชอบใจ
ไม่ชอบใจเลย ไม่ชอบใจเลย ไม่ชอบใจเลย
…
ฟางอวิ๋นซิ่วชะงักฝีเท้า สีหน้าเหมือนคิดบางอย่าง
“เจ้าว่า คุณชายหนิงชอบเจินเจินจริงไหม?” นางเอ่ยถามเสียงเบา
“ไม่ชอบจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า? เขาไม่ได้บ้าเสียหน่อย” ฟางอวี้ซิ่วหัวเราะเอ่ย
“ก็ผ่านทางเห็นความอยุติธรรมชักดาบช่วยเหลือได้…บางทีอาจโกรธแค้นการกระทำของใต้เท้าลู่กับองครักษ์เสื้อแพร…” ฟางอวิ๋นซิ่วคาดเดาแอ่ย
ฟางอวี้ซิ่วหัวเราะฝืดเฝื่อน สะบัดแขนเสื้อ
“บางทีนะ” นางเอ่ย
ฟางอวิ๋นซิ่วตามนางมา
“อย่างไรก็เป็นเรื่องหลอก ไม่คิดมากปานนั้นหรอก” นางเอ่ย
“นั่นสิ พวกเราไม่ต้องคิดมากปานนั้นหรอก” ฟางอวี้ซิ่วเม้มปากยิ้ม ท่าทางซุกซน “ให้พวกคนตระกูลหนิงไปคิดเถอะ”
สิ้นเสียงของนางก็ได้ยินเสียงประทัด
“นี่ไม่ใช่เทศกาลปีใหม่นะ มีคนแต่งงานหรือ?” นางมองออกไปข้างนอก
เสียงประทัดดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ ยิ่งมากขึ้นทุกทีประหนึ่งทั้งหยางเฉิงกำลังจุดประทัดอยู่ เหมือนกับข้ามปีใหม่
“นี่คือข่าวดีของท่านจอหงวนมาถึงแล้ว” ฟางอวี้ซิ่วเอ่ย
สามปีถึงมีจอหงวนสักคน เป็นเรื่องน่ายินดีใหญ่หลวงอย่างแท้จริง
“น่ายินดีน่าฉลอง” ฟางอวิ๋นซิ่วประสานมือเอ่ย “นายหญิงใหญ่หนิงต้องชอบใจมากแน่”
ฟางอวี้ซิ่วหัวเราะแล้ว
“ใช่ น่ายินดีน่าฉลอง แต่นางหญิงใหญ่หนิงชอบใจหรือไม่ก็ไม่รู้แล้ว” นางเอ่ย
…
เทียบกับความครึกครื้นในเมืองหยางเฉิง นอกจวนใหญ่ของตระกูลหนิงที่เป่ยหลิวกลับเงียบสงบนัก มีเพียงคนมากมายเข้าออกจวนใหญ่ตระกูลหนิง บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นหัวเราะโหวกเหวกอยู่ข้างใน
แต่บรรยากาศก็ยังคงสงบนัก ไม่ได้ดีใจจนบ้าคลั่ง
“ตระกูลหนิงของเรามีสี่สิบบัณฑิตก้งเซิง ยี่สิบบัณฑิตจวี่เหริน เก้าบัณฑิตจิ้นซื่อ”
ในจวนใหญ่ตระกูลหนิง นายท่านใหญ่หนิงมองผู้คนหัวเราะเอ่ย
“นี่ไม่มีอะไรควรค่าดีใจประหนึ่งคลุ้มคลั่ง ในอำเภอเล่นใหญ่เกินไปแล้ว”
ผู้คนหัวเราะขึ้นมา
“นี่เป็นเรื่องสมควร จะไม่เอ่ยยินดีมากได้อย่างไรเล่า”
นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะไม่เอ่ยวาจา
ในห้องหลังฉากกั้นเป็นบรรดานายหญิง นายหญิงใหญ่หนิงอยู่ตรงกลางเป็นจันทราท่ามกลางหมู่ดาว ฟังคำอวยพรประจบของผู้คน
“นับว่าเรียนหนังสือนานปานนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว” นางอมยิ้มเอ่ย สีหน้าสงบถ่อมตน “สี่สิบบัณฑิตก้งเซิง ยี่สิบบัณฑิตจวี่เหริน เก้าบัณฑิตจิ้นซื่อ ทุกคนล้วนข้ามมาเช่นนี้”
“แต่จอหงวนนี่ไม่เคยมีมาก่อนนะเจ้าคะ” หนิงอวิ๋นเยี่ยนอยู่ด้านข้างเอ่ย
นางเกล้าผมเป็นภรรยาแล้ว เช้าวันนี้ได้ข่าวจึงพาแม่สามีนำของขวัญแสดงความยินดีที่เลือกเองมา สามีก็วางธุระในมือมาเป็นเพื่อนด้วยตนเอง เร่งรีบเดินทางกลับมาท่ามกลางสายตาอิจฉาของบรรดาพี่สะใภ้น้องสะใภ้
แม้ดีใจมาก แต่ก็ยังคงเสียดายอยู่บ้าง
ช้าแค่ปีเดียวเท่านี้เอง หากวันแต่งงานกำหนดในปีนี้คงดียิ่งนัก นางก็จะได้มีพี่ชายจอหงวนส่งตัวเจ้าสาวแล้ว
มองดวงหน้ายิ้มแย้มในห้องฟังคำอวยพรประจบของบรรดานายหญิง หนิงอวิ๋นเยี่ยนเหม่อลอยอยู่บ้าง
นี่ล้วนโทษจวินเจินเจินคนนั้น
ได้ยินว่านังต่ำช้าคนนี้กลายเป็นหมอเทวดา แล้วยังสร้างยาป้องกันฝีดาษ ตระกูลมารดามีญาติหญิงโง่คนหนึ่งถึงกับบอกว่าในบ้านตั้งป้ายอายุยืนให้คุณหนูจวินจะปกป้องเด็กในบ้านได้
บัดซบจริงๆ
ยังดีหญิงต่ำช้าก็ยังคงเป็นหญิงต่ำช้า ย่อมล่อลวงผู้ชาย ให้นางถูกยมราชลู่คนนั้นเอาเป็นอนุภรรยาแล้วถูกองค์หญิงทรมานจนตายดีแล้ว
“อวิ๋นเจาปีนี้อายุยี่สิบปีเต็มแล้วสินะ?”
“ควรหาคู่ครองแล้วสิ?”
คำพูดของบรรดานายหญิงดังเข้ามาในหูหนิงอวิ๋นเยี่ยน ทำให้นางได้สติกลับมา
……………………………………….