ตอนที่ 301 เจ้าช่างต่ำช้าจริงๆ

แพทย์เทวะ หัตถ์ปีศาจ

ด้านข้างคังอี้ตกใจเล็กน้อย นางได้ยินมาว่าคุณหนูรองนั้นดื้อรั้น แต่นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะสามารถบังคับให้เฟิงจินหยวนกลับมาเป็นแบบนี้ได้อีก

“ท่านพ่อฟังนะ ถ้ามีคนต้องการที่จะฆ่าอาเฮง อาเฮงแก้แค้นได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตระกูล ข้าสามารถแก้แค้นด้วยตัวเองได้ แต่ถ้ามีคนกล้าทำร้ายจื่อหรู แม้ว่าจะเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ ตระกูลเฟิงก็ต้องลงมือแก้แค้นและตัดหัวเพื่อข้า นี่คือหลักการพื้นฐานที่สุดของการเป็นพ่อ การปล่อยให้คนร้ายทำอันตรายต่อครอบครัวของท่านพ่อ จากนั้นไม่สนใจสิ่งอื่นที่แม้แต่หมาป่า, หมูและสุนัขก็ไม่สามารถทำได้ ท่านพ่อควรคิดให้รอบคอบมากกว่านี้นะเจ้าคะ”

เฟิงจินหยวนทั้งโกรธและกลัว เฟิงหยูเฮงกำลังพูดว่าเขาต่ำช้า แต่เขาจะแยกแยะได้อย่างไร หากเขาจะแก้แค้น เขาก็ต้องกำจัดตระกูลเฉินให้หมด หากเขาไม่แก้แค้นก็เท่ากับว่าเขายอมรับว่าเขาไม่สนใจบุตรชายของเขาแม้แต่น้อย ซึ่งหมายความว่าเขาต่ำช้าจริง

ในไม่ช้าหน้าผากเฟิงจินหยวนก็ถูกปกคลุมด้วยเหงื่อเย็น

แต่ในเวลานี้ที่ข้อมือของเขามือของผู้หญิงจับไว้ มือนี้มีความอบอุ่นและมีน้ำใจ และมันก็หนักแน่นเช่นกัน

เขาหันกลับไปมอง และเห็นว่าเป็นคังอี้

“การปกป้องลูก ๆ คือธรรมชาติของมนุษย์ ในฐานะผู้ปกครอง เมื่อเด็กตกอยู่ในอันตราย พวกเขาควรรีบเข้าไปในกองไฟโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง พวกเขายังต้องช่วยลูกให้พ้นจากอันตรายนั้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นญาติไม่สำคัญ” นางส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อย่ากลัวเลย”

คำว่า “อย่ากลัว” เป็นเหมือนคำสัญญาของเฟิงจินหยวนเนื่องจากหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวังเล็กน้อย

ตระกูลเฉินเป็นครอบครัวที่เขาพบว่ายากที่จะกำจัด ในเวลานี้เมื่อเทียบกับคำสัญญาจากคังอี้ก็ไม่มีนัยสำคัญแล้ว

เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “องค์หญิงถูกต้องพะยะค่ะ” จากนั้นเขาก็หันไปมองเฟิงหยูเฮงและเหยียดตัวตรงด้วยความมั่นใจ “ในฐานะบิดา ข้าย่อมปกป้องลูก ๆ ของข้าเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นจื่อหรูหรือคนอื่น  ถ้ามีคนกล้าทำร้ายเจ้า พวกเขาคือศัตรูของข้า เฟิงจินหยวน”

เฟิงหยูเฮงมองไปที่บิดาที่ดูกระตือรือร้นกับคังอี้ และรู้ทันทีว่าคังอี้จัดการได้ยากกว่าที่คิด ผู้หญิงที่สามารถช่วยน้องชายของนางขึ้นครองบัลลังก์ ใครจะรู้ว่านางจะนำปัญหามาสู่ตระกูลเฟิงมากแค่ไหน

“ดีมาก” นางจ้องที่เฟิงจินหยวนและกล่าวว่า “ข้าหวังว่าท่านพ่อจะจดจำสิ่งที่ท่านพ่อพูดในวันนี้ หากลูก ๆ ของตระกูลเฟิงได้รับอันตรายอีกครั้ง ข้าหวังว่าท่านพ่อจะสามารถทำตามที่พูดและให้ความยุติธรรมกับพวกเรา”

“ได้” เฟิงจินหยวนไม่กลัวอีกต่อไป แต่เขาไม่ต้องการมองเฟิงเฉินหยู ในขณะที่เขาถามซูจิงหยวน “ท่านใต้เท้าซู เสนาบดีคนนี้จะไม่ยอมทนกับคนที่ทำร้ายเด็กของตระกูลเฟิง ! ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นญาติหรือไม่ ใต้เท้าซูจัดการได้เลย ! ลงโทษพวกเขาโดยไม่ต้องผ่อนผัน ! ”

ซูจิงหยวนพยักหน้า “แน่นอน เสนาบดีเฟิงเกลียดความชั่วร้ายอย่างแท้จริง ลูกสาวของตระกูลเฟิงนั้นช่างโชคดีเสียจริง ! ” คำพูดเหล่านี้เหมือนตบหน้าตินหยวน และเฟิงจินหยวนรู้สึกผิดเล็กน้อย อย่างก็ตามซูจิงหยวนกล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องจากกรณีนี้เกี่ยวข้องกับขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนัก และองค์หญิงแห่งมณฑลจีอัน เจ้าหน้าที่ผู้ต่ำต้อยคนนี้จึงไม่กล้าละเลยมัน เมื่อไขคดีได้ รายงานจะถูกส่งตรงไปยังพระราชวังถึงฮ่องเต้ เมื่อคืนที่ผ่านมาฮ่องเต้สั่งให้ยึดทรัพย์สินของตระกูลเฉินแล้ว ภายในเก้าชั่วโคตร ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเฉินได้กลายเป็นผู้กระทำผิด”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? ” ในที่สุดเฟิงเฉินหยูก็ไม่สามารถรั้งมันไว้ได้ นางก้าวไปข้างหน้าคว้าแขนของซูจิงหยวนแน่น “พูดอีกครั้ง ฮ่องเต้ทำอะไรกับตระกูลเฉิน ? ”

เฟิงจินหยวนโกรธมาก “ไร้มารยาท ! สิ่งนี้ไม่เหมาะสม ปล่อยแขนท่านเจ้าเมืองเร็ว ! ”

เฟิงเฉินหยูตกใจและปล่อยมือของนางโดยไม่รู้ตัว แต่นางก็ยังถามอย่างใจจดใจจ่อ “พูดอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฉิน ? ”

ท่าทางของซูจิงหยวนยังคงเหมือนเดิมในขณะที่เขาพูดซ้ำอย่างชัดเจนเพื่อนาง “ฮ่องเต้ทรงรับสั่ง ตระกูลเฉินวางแผนที่จะทำร้ายองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน วางแผนที่จะทำร้ายศิษย์น้องของพระองค์ และคุณหนูใหญ่ของเสนาบดีได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจะต้องถูกยึดทรัพย์และประหารตระกูลเก้าชั่วโคตร”

ปึก !

เฟิงเฉินหยูทิ้งตัวด้วยความกลัว

การประหารเก้าชั่วโคตร ! ในเวลานี้นางเริ่มสงสัยว่านางนับเป็นส่วนหนึ่งของเก้าชั่วโคตรหรือไม่ ?

เฟิงหยูเฮงเข้าใจเฟิงเฉินหยูดี เมื่อเห็นความกลัวบนใบหน้าของนาง นางจะสงสารตระกูลเฉินได้อย่างไร ชัดเจนว่านางกังวลเกี่ยวกับตัวเอง ดังนั้นนางจึงอ้าปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ท่านเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฟิงและไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับตระกูลเฉินแม้แต่น้อย”

เมื่อได้ยินเฟิงหยูเฮงพูด เฟิงเฉินหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างชัดเจน จากนั้นนางเริ่มร้องไห้ให้กับตระกูลเฉิน

เมื่อเห็นนางนั่งลงบนพื้นและร้องไห้ ซูจิงหยวนรู้สึกสับสนมาก “คุณหนูใหญ่ได้โปรดยกโทษให้ผู้ต่ำต้อยคนนี้เพื่อขอสิ่งที่ไม่เหมาะสม แม้ว่าตระกูลเฉินนั้นจะเกี่ยวข้องกับคุณหนู แต่พวกเขาตั้งใจที่จะทำร้ายคุณหนู คุณหนูไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ ฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนั้น เมื่อพบคนของตระกูลเฉินแล้วไม่จำเป็นต้องจับพวกเขาแล้วส่งพวกเขามายังเมืองหลวง พวกเขาสามารถถูกลงโทษได้ทันที เฉพาะผู้อาวุโสเท่านั้นที่จะถูกพามายังเมืองหลวงเพื่อรายงานความคืบหน้าตามคำสั่ง”

หัวใจของเฟิงจินหยวนเต็มไปด้วยความตกใจ ฮ่องเต้ทรงพิโรธจริง ๆ …

เขาหันหน้าไปมองเฟิงหยูเฮงและเข้าใจในทันที นี่คือการปกป้องเฟิงหยูเฮง แม้ว่าตระกูลเฉินพยายามหลายครั้งเพื่อจัดการกับเฟิงหยูเฮง พวกเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตามสำหรับราชวงศ์แล้ว มันก็ยังเป็นเป็นเรื่องกวนใจ ตอนนี้เฟิงหยูเฮงเปรียบได้กับสมบัติของชาติ ใครก็ตามที่ไม่อยู่ฝ่ายนาง ราชวงศ์ต้าชุนก็จะไม่เข้าข้าง ในสถานการณ์แบบนี้ เขาต้องยืนหยัด ไม่ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากคังอี้หรือไม่ก็ตาม เขาไม่สามารถปกป้องตระกูลเฉินได้

เมื่อนึกถึงประเด็นนี้ เฟิงจินหยวนทำให้จุดยืนของเขาชัดเจนในทันที “คำสั่งของฮ่องเต้ประกาศออกมาแล้ว! ตระกูลเฉินน่าจะถูกสังหาร!”

เมื่อซูจิงหยวนกลับออกไป เฟิงหยูเฮงก็ไปส่งเขาด้วยตัวเอง ในฐานะที่เป็นขุนนางระดับสูงจึงไม่เหมาะที่จะให้เขาไปส่ง และไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อยที่คังอี้จะไปส่งเขา ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้อาวุโส ดังนั้นเฟิงหยูเฮงจึงเหมาะที่สุดที่จะเดินไปส่งเขา

ทั้งสองมาถึงประตูคฤหาสน์ และซูจิงหยวนได้รับความช่วยเหลือจากบ่าวรับใช้ชาย เมื่อปีนขึ้นไปบนหลังม้า เขาหันกลับมาและคำนับเฟิงหยูเฮงอีกครั้ง “วันนี้ข้าต้องขอบคุณองค์หญิงแห่งมณฑลและองค์ชายเจ็ด องค์หญิงแห่งมณฑลโปรดอย่ากังวล ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องความสงบสุขของประชาชนในเมืองหลวงพร้อมกับความสงบสุขขององค์หญิงแห่งมณฑลขอรับ”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ขอบคุณใต้เท้าซู เรื่องเกี่ยวกับตระกูลเฉินนั้นจะต้องรบกวนใต้เท้าซูมากขึ้นอีกเล็กน้อย โดยไม่พูดถึงคนอื่น หัวของเฉินเหลียง นายท่านสามตระกูลเฉินนั้นเป็นสิ่งที่องค์หญิงผู้นี้ต้องการมากที่สุด” กล่าวอย่างนี้นางดึงตั๋วแลกเงินออกมาจากแขนเสื้อของนาง “ใต้เท้าซูลองหาทาง องค์ชายเจ็ดและองค์ชายเก้าจะไม่ทอดทิ้งท่าน”

ซูจิงหยวนสงบเสงี่ยมเพราะเขาได้รับตั๋วแลกเงินแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ปีใหม่ ข้าขอบคุณองค์หญิงแห่งมณฑลสำหรับของขวัญที่ยิ่งใหญ่ ข้างนอกหนาวและลมแรงมาก องค์หญิงกลับเข้าไปข้างในเถิดพะยะค่ะ ข้าจะจัดการเรื่องนั้นให้เรียบร้อย” หลังจากพูดอย่างนี้แล้วเขาก็หันหลังกลับออกไปและปีนขึ้นไปบนหลังม้า

เมื่อเฟิงหยูเฮงกลับมา คนในตระกูลเฟิงก็กลับไปที่ห้องโถง เฟิงเฉินหยูได้รับความช่วยเหลือและนั่งถัดจากคังอี้ รุ่ยเจียยืนอยู่ข้าง ๆ และพูดด้วยความรำคาญ “เจ้าคิดว่าเขาเป็นลุง แต่เขาพยายามฆ่าเจ้า เจ้าจะร้องไห้ทำไม ? ”

คังอี้ดุนาง “หยุดพูด”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านแม่” รุ่ยเจียตอบกลับ “ถ้าเสด็จลุงต้องการจะฆ่าข้า เสด็จลุงก็สมควรตาย รุ่ยเจียจะไม่ร้องไห้ให้เสด็จลุง ! ใครก็ตามที่ต้องการฆ่าข้า เขาไม่ใช่คนดี ! ”

แปะ ๆ ๆ ! เสียงปรบมือดังขึ้น 3 ครั้ง ขณะที่เฟิงหยูเฮงเดินเข้ามาและพูด “องค์หญิงรุ่ยเจียนั้นน่าชื่นชมอย่างแท้จริง”

นางชื่นชมรุ่ยเจียอย่างจริงใจ แม้ว่าสิ่งที่นางพูดจะฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเหตุและผล ชีวิตของบุคคลนั้นมีค่ามากกว่าสวรรค์ ไม่มีใครมีสิทธิที่จะเอาชีวิตของผู้อื่น เมื่อใครก็ตามที่กล้าเอาชีวิตของผู้อื่น ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ใช่คนดีเท่านั้น แต่พวกเขาสมควรตาย

ไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทั้งสองพูด ตระกูลเฟิงนั้นเกลียดชังตระกูลเฉินอยู่แล้ว แต่ตระกูลเฉินเคยกุมจุดอ่อนของตระกูลเฟิงมาก่อน หากไม่ใช่การกระทำผิดร้ายแรงเช่นนี้ พวกเขาก็จะยัดเงินและทำให้เรื่องเงียบหายไปทุกครั้ง

แต่ตอนนี้เฟิงจินหยวนดูเหมือนจะหาภูเขาที่ใหญ่กว่าเพื่อพึ่งพิง เมื่อเผชิญกับการสนับสนุนที่ดียิ่งขึ้นตระกูลเฉินก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า นั่นคือเหตุผลที่เขาเห็นด้วยกับความคิดของรุ่ยเจีย เขายังพูดกับเฟิงเฉินหยูด้วยว่า “จงจำไว้ว่าเจ้าคือลูกสาวของตระกูลเฟิง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างตระกูลเฟิงกับตระกูลเฉินอีกต่อไป”

เฟิงเฉินหยูไม่ตอบสนอง นางไม่ได้ส่ายหน้าหรือพยักหน้าขณะที่นางยังคงร้องไห้

เฟิงหยูเฮงยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่านิสัยของพี่ใหญ่นั้นเหมือนของท่านพ่อและเป็นคนกตัญญูมาก แต่พี่ใหญ่โปรดจำไว้ ท่านเป็นบุตรสาวของอนุ และเฉินซื่อเป็นอนุของตระกูลเฟิง ครอบครัวของอนุไม่สามารถถือว่าเป็นญาติได้ หากเจ้ากำลังจะร้องไห้และสงสารตระกูลเฉิน เจ้ายินดีที่จะสละสถานะของเจ้าในฐานะบุตรสาวของอนุตระกูลเฟิงเพื่อแบ่งเบาโทษของตระกูลเฉินหรือไม่ ? ภาระนั้นกำลังทำให้ทรัพย์สินของเจ้าถูกยึดและถูกฆ่า เจ้าต้องคิดให้รอบคอบ”

เฟิงเฉินหยูเข้าใจเพราะนางหยุดสะอื้นทันที ความคิดในการยึดทรัพย์สินของนางและถูกฆ่าทำให้ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด น้ำตาที่ไหลออกมาหยุดทันที นางกัดฟันแน่น

ถูกต้อง นางไม่สามารถร้องไห้ได้ ตระกูลเฉินวิ่งเข้าไปในทางตัน ในสถานการณ์เช่นนี้นางไม่สามารถเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินได้อย่างแน่นอน

หลังจากคิดถึงมันแล้ว นางก็เลิกร้องไห้ทันทีแล้วพูดกับเฟิงจินหยวนอย่างรวดเร็ว “มันเป็นเพียงแค่การเจ็บปวดบาดแผลที่ลูกได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ข้าร้องไห้เพราะความเจ็บปวดและไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน” นางคิดอีกเล็กน้อยและตัดสินใจที่หาวิธีการหลบหนีของนาง “ลูกรู้ความลับของท่านลุงสาม เมื่องานเลี้ยงครอบครัวสิ้นสุดลง ข้าจะไปที่ทางการด้วยตัวเองและรายงานต่อเจ้าเมือง … ข้าจะแสดงจุดยืนต่อตระกูลเฟิง”

เฟิงจินหยวนพยักหน้ารับฟังซ้ำ ๆ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ยกย่องนาง “ดีแล้ว ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว”

เมื่อเห็นว่าเฟิงเฉินหยูไม่ร้องไห้อีกต่อไป เฟิงจินหยวนจึงเร่งให้ทุกคนทานอาหารต่อไป ด้วยเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครนอกจากเฟิงหยูเฮงที่ทานโดยไม่สนใจ ใครในโลกจะทานอาหารลง

ฮูหยินผู้เฒ่าอาย “อาหารเย็นหมดแล้ว ให้พ่อครัวปรุงอาหารมาใหม่ ! ”

เฟิงจินหยวนพยักหน้า และในขณะที่เขากำลังจะบอกบ่าวรับใช้ คังอี้หยุดเขา “ไม่เป็นไร เฉียนโจวหนาวกว่าราชวงศ์ต้าชุนมาก หลังจากนำอาหารออกมา อาหารก็เย็นหมดแล้ว เราทานได้ไม่กี่คำ เราคุ้นเคยกับมันแล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนบ่าวรับใช้อีกต่อไป ก่อนอื่นมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน ประการที่สองมันจะเสียเวลามากเกินไปที่จะอุ่นอาหารขึ้นมา คฤหาสน์เฟิงมีขนาดใหญ่และครอบครัวก็เช่นกัน แม้ว่าท่านจะไม่สนใจเรื่องอาหารนี้ แต่ความขยันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างช้า ๆ มิฉะนั้นไม่ว่ารากฐานของครอบครัวจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม วันหนึ่งหากความมั่งคั่งหมดไปจะทำอย่างไร”

ยิ่งฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวนั้นดีมาก นางมีความสง่างามด้วยคำพูดของนาง และนางก็ชัดเจนในสิ่งที่นางพูด นางยังซื่อสัตย์และเป็นมิตร นางจะสร้างปัญหาให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร ?

ส่วนเฟิงจินหยวน เขาไม่ฟังอะไรเลย จิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับมือที่วางอยู่บนแขนของเขา แม้ว่านี่จะผ่านชุดเสื้อผ้าฤดูหนาวตัวหนา ๆ แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นของคังอี้ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็ว ความรู้สึกแบบนี้โดยไม่คำนึงถึงเมื่อเขาแต่งงานกับเหยาซื่อ, เฉินซื่อ, อันชิ, ฮันชิ หรือจินเฉิน มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ในชีวิตนี้เฟิงจินหยวนมีฮูหยินใหญ่ 2 คน คนหนึ่งคือเหยาซื่อและอีกคนก็คือเฉินซื่อ คนหนึ่งเพื่ออำนาจและอีกคนเพื่อความมั่งคั่ง และอนุมีไว้สำหรับความต้องการของเขา ทันใดนั้นเขาก็พบว่าอำนาจ, ความมั่งคั่งและความปรารถนาทั้งหมดอยู่ในจุดสุดยอด นั่นคือคังอี้ที่ปรากฏต่อหน้าเขา หัวใจที่เขาไม่เคยทุ่มเทให้ใครก็เริ่มเต้นแรง…