ตอนที่ 282 – การจู่โจมของเซียนปฐพี
เจี้ยนเฉินขี่ม้าอสูรระดับ 3 ของเขาออกจากเมืองหว่าลู่เหรินและออกไปตามทิศตะวันออก
เขาได้เห็นพื้นที่ใกล้เคียงจากภายในเมืองหว่าลู่เหรินมานาน ห่างออกไป 100 กิโลเมตร เป้าหมายของเจี้ยนเฉินคือเทือกเขาเล็ก ๆ นั่น เจี้ยนเฉินอ่านทุกสิ่งที่เขาจำเป็นต้องรู้จากคฤหาสน์เจียงหยางและสำนักคากัตเกี่ยวกับขั้นตอนการตัดผ่านเป็นเซียนปฐพี ดังนั้นกฎที่อยู่เบื้องหลังขั้นตอนนี้เขาจึงจดจำได้
แม้ว่ามีผู้คนเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นที่จะสามารถทะลวงผ่านด่านสู่การเป็นเซียนปฐพีได้ แต่เจี้ยนเฉินก็มั่นใจในตัวเอง เขามั่นใจว่ากำแพงกั้นที่เป็นอุปสรรคกับคนส่วนใหญ่จะไม่เป็นปัญหากับเขา
หากอุปสรรคแรกบนถนนแห่งการบ่มเพาะทำให้เขาห่างไกลจากการพยายามที่จะเป็นเซียนปฐพีแล้ว เขาจะสามารถทะลวงผ่านคอขวดที่ยากกว่านี้ได้อย่างไรในอนาคต ?
เจี้ยนเฉินเดินผ่านที่ราบใกล้เมืองหว่าลู่เหริน ถึงป่าเล็ก ๆ ม้าอสูรระดับ 3 ของเขายังคงวิ่งเหยาะๆ ลึกเข้าไปในป่าพร้อมกับเสียงหวีดหวิวและจังหวะที่หลายคนอาจพบว่ายากที่จะติดตาม
เจี้ยนเฉินเข้าไปในป่า ปราณกระบี่จำนวนมากก็บินผ่านใบไม้ที่หนาแน่นและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินรีบหลบไปด้านข้างทันที
แล้วก็ได้ยินเสียงที่น่าสลดใจเมื่อม้าอสูรระดับ 3 ถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน เลือดพุ่งผ่านอากาศและย้อมหญ้าโดยรอบให้เป็นสีเลือด
พลังเซียนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ในมือขวาของเจี้ยนเฉินก่อตัวเป็นใบกระบี่สีเงินของกระบี่วายุโปรยอย่างรวดเร็ว ปล่อยปราณกระบี่ของเขาออกมาแล้ว เขาก็ส่งมันบินไปในทิศทางที่ถูกโจมตี
ใบไม้ในพื้นที่นั้นสั่นสะเทือนเมื่อปราณกระบี่หายเข้าไปข้างใน ชายสวมเสื้อคลุมสีเทาคนหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้ก่อนที่พื้นดินจะแตกสลายอย่างกะทันหันอันเนื่องมาจากแรงกดดันที่พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน ในวินาทีต่อมากระบี่ในมือของชายคนนั้นก็พุ่งลงมาที่เจี้ยนเฉินทันที
” เซียนปฐพี ! ” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเองก่อนที่จะเริ่มเอาจริงเอาจัง แสงสีฟ้าและสีม่วงเริ่มไหลเข้าสู่กระบี่วายุโปรยของเขา ก่อนที่เขาจะแทงออกไปโดยไม่ลังเล
“ติ๊ง!”
อาวุธเซียนทั้งสองปะทะกันกลางเวหาพร้อมประกายไฟที่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง เนื่องจากปราณกระบี่สีฟ้า-ม่วงของกระบี่วายุโปรยจึงทำให้เกิดรอยบิ่นปรากฏขึ้นบนกระบี่ของอีกฝ่ายได้
ด้วยเสียงตะโกนอู้อี้ ชายสวมเสื้อคลุมสีเทาปลิวไปข้างหลัง ในเมื่ออาวุธของเขาได้รับความเสียหาย เขาก็ได้รับความเสียหายบางส่วนด้วยเช่นกัน
แม้เจี้ยนเฉินจะก้าวถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ในขณะที่สิ่งนี้เป็นการพัฒนาขึ้นครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน แต่เขาก็ยังคงอ่อนแอกว่าเซียนปฐพี
เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นมองเห็นผู้อาวุโสที่สวมเสื้อคลุมสีเทา ด้วยการจ้องมองอย่างเย็นชา เขาพูดว่า” ผู้อาวุโสหวู่ ท่านนั่นเอง”
ผู้ที่โจมตีเขาในทันทีคือผู้อาวุโสหวู่จากตระกูลเทียนฉิน
ผู้อาวุโสหวู่มองดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาวุธของเขาด้วยท่าทางที่ไม่เชื่อและตกใจอย่างที่สุด
“สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าทำให้อาวุธของข้าเสียหายได้อย่างไร ? ” ผู้อาวุโสหวู่รู้สึกงุนงงมาก ตาของเขามองสลับกันระหว่างเจี้ยนเฉินกับกระบี่ที่ชำรุดของเขา
เจี้ยนเฉินหัวเราะเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ตกใจของผู้อาวุโส “ผู้อาวุโสหวู่ ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เต็มใจที่จะลืมหินหลากสี”
เมื่อได้ยินชื่อของหิน สีหน้าของผู้เฒ่าก็แสดงออกอย่างชัดเจนและแทนที่ด้วยสีหน้าที่รู้สึกตกใจ ” ถูกต้อง หินหลากสีเป็นสมบัติล้ำค่าด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว เหตุผลเดียวที่เจ้าสามารถทำลายอาวุธเซียนของข้าได้ ต้องเป็นผลงานของหินหลากสีแน่”
ด้วยเหตุผลดังกล่าว สีหน้าของผู้เฒ่าก็สงบลงอีกครั้งเมื่อเขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินเขม็ง ” เจี้ยนเฉิน ข้าจะให้ทางเลือกแก่เจ้า 2 ทาง เส้นทางแรกข้าจะละเว้นชีวิตของเจ้า ถ้าเจ้ามอบหินหลากสีให้ข้า เส้นทางที่สองข้าจะฆ่าเจ้าและนำหินออกจากศพของเจ้า เลือกอย่างชาญฉลาดในตอนนี้”
เจี้ยนเฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาไม่ได้รู้สึกอยากที่จะตอบตัวเลือกของผู้อาวุโส เขาเหน็บแนมผู้อาวุโสหวู่ เจี้ยนเฉินตั้งคำถามด้วยตัวของเขาเองว่า “ผู้อาวุโสหวู่ ท่านคิดจริง ๆ หรือว่า ท่านสามารถเอาชนะข้าได้ ? “
ผู้อาวุโสตอบว่า” เจี้ยนเฉิน เจ้าอย่าพยายามคิดว่ามีสุดยอดสมบัติแล้ว เจ้าจะสามารถเอาชนะเซียนปฐพีอย่างข้าได้ เซียนปฐพีและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษนั้นมีช่องว่างของความแตกต่างกว้างราวกับสวรรค์ ไม่มีหนทางใดที่สมบัติล้ำค่าจะทำสิ่งนั้นได้” อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะที่เขาพูดก็มีความเกรงกลัวในส่วนที่ลึกที่สุดของดวงตาของผู้อาวุโส
“อะไร ? ” เจี้ยนเฉินเย้ยหยัน ” วันนี้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าเซียนปฐพีสามารถถูกเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษสังหารได้อย่างไร กำแพงที่แบ่งขอบเขตทั้งสองนี้จะถูกทำลายโดยข้า!” จากนั้นเจี้ยนเฉินก็พุ่งเข้าหาผู้อาวุโสหวู่ทันที
” หืมม ช่างยโสมากเพียงใด ข้าสงสัยว่าในฐานะเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 3 ข้าจะไม่สามารถทำให้เจ้าเชื่องได้” ผู้อาวุโสหวู่ตะโกนด้วยเสียงอันดังก่อนที่พลังเซียนในอาวุธของเขาจะระเบิดออกมาด้วยพลังและพุ่งไปหาเจี้ยนเฉิน
ด้วยปราณกระบี่ของแสงสีฟ้าและม่วง ทำให้กระบี่ของเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งขึ้นมาแล้วหลายเท่า ทำให้เจี้ยนเฉินไม่ได้กลัวกระบี่ของผู้อาวุโสหวู่
ผู้อาวุโสหวู่รู้ว่าอาวุธเซียนของเจี้ยนเฉินนั้นค่อนข้างอันตราย ดังนั้นเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะของกระบี่ จากนั้นกระบี่ยักษ์ของเขาก็พลันเบี่ยงเบนเส้นทางและหลีกเลี่ยงการปะทะกับกระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินก่อนที่จะแทงเข้าที่หน้าอกของเขา
เจี้ยนเฉินแค่นเสียงและพลันเปลี่ยนทิศทางของกระบี่ราวกับว่ามันเป็นอสรพิษที่กลางอากาศ กระบี่ได้เบี่ยงเบนเส้นทางและไล่ตามกระบี่ของผู้อาวุโสหวู่
เจี้ยนเฉินรู้อย่างชัดเจนว่าเซียนปฐพีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่า แม้ว่าผู้อาวุโสหวู่จะหลบกระบี่ของเขาแล้ว กระบี่วายุโปรยก็จะจู่โจมไปที่อาวุธของเขาอีก ในกรณีนั้น มันจะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
กระบี่ของเจี้ยนเฉินนั้นเร็วพอที่จะทำให้ผู้อาวุโสหวู่ไม่สามารถหลบได้ ดังนั้นในที่สุดปลายกระบี่วายุโปรยก็สามารถจู่โจมใบกระบี่ของอาวุธเซียนของผู้อาวุโสได้
“ติ๊ง!”
เสียงโลหะกระทบกัน กระบี่วายุโปรยแทงทะลุใบกระบี่ทันที ด้วยความเสียหายนี้มีผลทั้งอาวุธเซียนของผู้อาวุโสและพลังชีวิตของเขา สีหน้าของผู้อาวุโสซีดไปในทันทีเมื่อเขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ผู้อาวุโสหวู่พุ่งถอยหลังออกจากเจี้ยนเฉินทันที เมื่อเขามองเจี้ยนเฉินด้วยความหวาดกลัว “ข้าไม่คิดว่าสมบัติล้ำค่าจะทรงพลังมากขนาดนี้ สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่แทบจะไม่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อเซียนปฐพี!” แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะค่อนข้างรุนแรง แต่ผู้อาวุโสก็ไม่มีความคิดใด ๆที่จะล่าถอย ในหัวใจของเขา เขายังเชื่อว่าเขามีพลังมากพอที่จะขโมยสมบัติล้ำค่าจากมือของเจี้ยนเฉินมาได้
ภาพของเจี้ยนเฉินหายไปอย่างพร่ามัวและทิ้งไว้เพียงร่องรอยเล็ก ๆ ของตัวเองขณะที่เขาลอยไปหาผู้อาวุโสหวู่ด้วยความเร็วที่เป็นอันตราย
ด้วยความกังวลที่มากขึ้นกว่าเดิม เขาไม่มีเวลาพอที่จะเช็ดเลือดจากใบหน้าของเขา ขณะที่เขายืนหยัดต่อสู้กับเจียนเฉินหลังจากทุกข์ทรมานจากน้ำมือของเจี้ยนเฉิน 2 ครั้งมาแล้ว ผู้อาวุโสหวู่ก็หวาดกลัวกระบี่ของเจี้ยนเฉินและผลที่จะตามมา แค่กระบี่เดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะรู้สึกตื่นตระหนก ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงเริ่มคิดทบทวนตัวเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดของเขา
เจี้ยนเฉินไม่ลังเล กระบี่วายุโปรยของเขากลายเป็นประกายแสงสลัวในขณะที่แทงไปที่ผู้อาวุโสหวู่ มีปรากฎการณ์ให้เห็นหลายอย่างของกระบี่วายุโปรย ในขณะที่แทงกระบี่ไปยังผู้อาวุโสหวู่ แต่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการป้องกันตัวเนื่องจากพลังเซียนธาตุดินของเขา พลังเซียนภายในร่างกายของเขาได้สร้างเกราะที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ต่อหน้าปราณกระบี่สีฟ้า-ม่วง เกราะป้องกันพลังเซียนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าของตกแต่งชิ้นหนึ่งและไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับการป้องกันของผู้อาวุโสหวู่
ในขณะนี้ผู้อาวุโสหวู่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วพอที่จะหลบได้ ดังนั้นกระบี่ของเจี้ยนเฉินฟันเข้าที่ไหล่ของเขา อีกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไป กระบี่ก็ขยับเข้าไปลึกในบริเวณหน้าอกของเขาทันที
“อ๊าก ! ” รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลึกอยู่ในหน้าอกของเขา ผู้อาวุโสหวู่ร้องอย่างสิ้นหวัง ด้วยโอกาสนี้เจี้ยนเฉินฟันคอของผู้อาวุโสด้วยกระบี่ของเขาทันที
หัวมนุษย์ลอยไปในอากาศขณะที่มีเลือดไหลออกมา ผู้อาวุโสหวู่ถูกเจี้ยนเฉินฆ่าตายด้วยความเสียใจที่ยังคงเต็มอยู่ในดวงตาของเขา
เขาไม่อยากเชื่อว่าเขาจะถูกฆ่า เขาเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 3 และเจี้ยนเฉินเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เจี้ยนเฉินระบายลมหายใจออกช้า ๆ ผู้อาวุโสหวู่เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 3 ดังนั้นการต่อสู้จึงยากลำบากแต่ถึงอย่างไรก็เป็นการต่อสู้ที่จบลงอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของเขายังห่างไกลจากความแข็งแกร่งของหัวหน้าตระกูลเซีย
เจี้ยนเฉินเดินไปที่ศพหัวขาดของผู้อาวุโสหวู่ เจี้ยนเฉินคุกเข่าลงหยิบแหวนมิติ โดยไม่มีการลังเล ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจฝังศพผู้อาวุโสหวู่
เมืองหว่าลู่เหรินอยู่ใกล้กับป่า ดังนั้นหากร่างกายของผู้อาวุโสถูกค้นพบตระกูลเทียนฉินก็จะมาตรวจสอบ จากจุดนี้ มันจะกลายเป็นเรื่องปวดหัวอย่างมากสำหรับเจี้ยนเฉิน
เมื่อร่างของผู้อาวุโสหวู่ถูกฝังเรียบร้อย เจี้ยนเฉินก็เก็บกวาดสถานที่ต่อสู้และกลบเกลื่อนความเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากการต่อสู้ก่อนที่จะออกจากพื้นที่ไปในที่สุด
2 ชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินมาถึงภูเขา ในที่สุดเมื่อนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ เขาก็เริ่มที่จะสงบลง จากนั้นเขาก็นำแกนอสูรระดับ 4 ออกมาอีก 2 อันและเริ่มบ่มเพาะ
เทือกเขาแห่งนี้ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดมาให้เห็นในสายตา แม้แต่สัตว์ป่าก็หาได้ยากรวมทั้งมนุษย์ ดังนั้นเจี้ยนเฉินสามารถบ่มเพาะได้อย่างสงบสุข
พลังงานภายในแกนอสูรเริ่มไหลเข้าสู่ร่างของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาพยายามกรององค์ประกอบที่บ้าคลั่งภายในของพวกมัน ราวกับมีพลังเวทมนต์บางอย่าง พลังเริ่มซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของเขาแล้วไหลไปสู่จิตวิญญาณกระบี่สีฟ้าและสีม่วง
ในขณะที่พลังไหลเข้ามาที่จุดตันเถียนอย่างต่อเนื่อง กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินก็เริ่มดูดซับ กระบี่เริ่มเปล่งประกายด้วยแสงที่แข็งแกร่งขึ้นในทุก ๆ วินาที
ขั้นตอนในการตัดผ่านจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปจนถึงเซียนปฐพีได้รับการจดบันทึกและจดจำโดยเจี้ยนเฉินแล้ว ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้การบ่มเพาะในส่วนนี้ดำเนินไปอย่างง่ายดาย
การทะลวงผ่านด่านจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปสู่เซียนปฐพีคือการเปลี่ยนแปลงคุณภาพ มันต้องการพลังงานจำนวนมหาศาลเพื่อให้อาวุธเซียนจะดูดซับพลังงานให้มากเกินกว่าที่จะรับได้ จากนั้นอาวุธเซียนจะระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ หลายชิ้นที่จะอยู่ในร่างกายของคนชั่วคราว ก่อนที่ชิ้นส่วนจะหายไป มันจะต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการปรับแต่งชิ้นส่วนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ชิ้นส่วนจะได้รับการเสริมแรงและเปลี่ยนแปลงในที่สุดพวกมันจะรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง อาวุธเซียน จะถูกย่อให้เป็นรูปแบบใหม่ในขณะที่มีการเปลี่ยนรูปอาวุธเซียนโดยรวม