บทที่ 71 เรื่องไม่น่าเชื่อ โดย Ink Stone_Romance
นายหญิงใหญ่หนิงรู้สึกว่าตนเองกำลังฝันอยู่
นางถึงกับฝันว่าตนเองเป็นลมต่อหน้าผู้คน
นางจะเป็นลมต่อหน้าผู้คนได้อย่างไร คุณหญิงคุณนายมากมายเช่นนี้ ญาติมิตรสหายสนิทในตระกูลในบ้าน ยังมีครอบครัวขุนนางและเหล่าผู้ดีอีก แต่ละคนเครื่องประดับระยิบระยับ
ทำไมในบ้านคนมากมากมายขนาดนี้? คนมากมายล้วนพบเจอกันน้อยนัก สีหน้าที่พวกนางมีให้ตนเองเคารพแล้วยังมีอิจฉา
อิจฉา
นายหญิงใหญ่หนิงคิดขึ้นมา ลูกชายของนางหนิงอวิ๋นเจา เป็นจอหงวนแล้ว
ความรุ่งเรืองของตระกูลหนิงยืดต่อไปสองรุ่นอีกครั้ง
หรือเพราะยินดีกับเรื่องนี้นางจึงเป็นลมไป? นั่นเสียกิริยาเกินไปแล้วจริงๆ
นายหญิงใหญ่หนิงรีบยื่นมือกดหน้าผากไว้
บรรดานายหญิงรอบด้านล้อมเข้ามา หญิงรับใช้ก็ก้าวเข้ามาประคองนาง
“อย่ายืนอยู่เลย รีบนั่ง” นางเอ่ยกำชับ
ทุกคนก็เหมือนจะลืมเรื่องที่นางเป็นลม นั่งลงในห้องคักคักครึกครื้น ด้านนอกเสียงประทัดไม่หยุด ยังมีเสียงฆ้องวุ่นวาย บรรดานายหญิงด้านหน้าเอ่ยอะไรกับนางเหมือนเสียงดังมากทั้งเหมือนไกลมากได้ยินไม่ชัด
พลันมีหญิงรับใช้วิ่งเข้ามาร้องตะโกนนายน้อยกลับมาแล้ว
อวิ๋นเจากลับมาแล้ว
นายหญิงใหญ่หนิงตื่นเต้นลุกขึ้นมา ไม่ทันสนเสียกิริยาก้าวเร็วไววิ่งออกไปรับ
ด้านนอกประตูตระกูลหนิงคนมากมายเป็นทะเลธงหลากสีโบกสะบัด ประหนึ่งคนทั้งหยางเฉิงล้วนมา ยังมีขุนนางมากมาย ของหยางเฉิง ของเจ๋อโจว เมืองไท่หยวนล้วนมาทั้งสิ้น
ภาพนี้เป็นภาพที่จอหงวนเท่านั้นถึงมี
นายหญิงใหญ่หนิงมองไป มองเห็นหนิงอวิ๋นเจาขี่ม้าสวมชุดจอหงวนปักบุปผาขี่ม้าเร็วรี่มา ฝูงชนหน้าประตูขยับเบียดเสียดร้องตะโกนสะเทือนฟ้า
ลูกชายของนาง นั่นคือลูกชายของนาง
นายหญิงใหญ่หนิงตื่นเต้นอยากตะโกนเสียงดัง มองลูกชายของนางลงจากม้าเดินทีละก้าวๆ มา คุกเข่าโขกศีรษะคำนับตรงหน้านาง
“รีบลุกขึ้น รีบลุกขึ้น” นายหญิงใหญ่หนิงดีใจเอ่ย ยื่นมือไปประคอง
ตอนที่หนิงอวิ๋นเจาเงยหน้าลุกขึ้นนี่เอง ข้างกายเขาทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แปลกหน้าสำหรับนายหญิงใหญ่หนิง นางจำได้ชัดเจน เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้คนเกลียดชังเหลือเกินจริงๆ
จวินเจินเจิน
เด็กสาวที่ปุบปับโผล่ขึ้นมาประหนึ่งโคลนตมสะบัดใส่เท้างดงามของบุตรชายนางคนนั้น
นางมาทำอะไรที่นี่?
ภาพเหมือนเปลี่ยนไป ยังคงมีคนมุงดูมากมาย ประทัดดังพร้อมเพรียง ธงหลากสีสันโบกสะบัด หนิงอวิ๋นเจาดูเผินๆ สวมชุดจอหงวน แต่ดูให้ละเอียดกลับเป็นชุดเจ้าบ่าว ส่วนจวินเจินเจินแต่งตัวด้วยชุดเจ้าสาว
เกิดอะไรขึ้น?
สีหน้านายหญิงใหญ่หนิงเปลี่ยนไปทันที มองดูรอบด้าน คนทั้งหมดล้วนสีหน้ายินดี เจ้าพิธีสวมชุดแดงยกมือขึ้นตะโกนเสียงดัง
“หนึ่งคำนับฟ้าดิน…”
คำนับฟ้าดิน?
นายหญิงใหญ่หนิงมองหนิงอวิ๋นเจากับจวินเจินเจินตรงหน้า ทั้งสองคนยิ้มแย้มคำนับลงไป
พวกเขาจะทำอะไร? กำลังทำอะไร?
“สองคำนับบิดามารดา…”
นายหญิงหนิงมองดูหนิงอวิ๋นเจากับจวินเจินเจินยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง เขาสีหน้ายิ้มแย้ม นางแย้มยิ้มดั่งบุปผา พวกเขาสบสายตาหวานเชื่อมหลังจากนั้นคำนับพร้อมเพรียง
ไม่!
“ไม่!”
นายหญิงใหญ่หนิงร้องเสียงดังแหลม คนก็ทะลึ่งลุกขึ้นนั่ง
บรรดาสาวใช้หญิงรับใช้ที่เฝ้าข้างเตียงโผเข้ามาทันที
“นายหญิง”
“นายหญิงตื่นแล้ว”
ตื่นแล้ว?
นายหญิงใหญ่หนิงหอบหายใจมองรอบด้าน ค่ำคืนมืดมิด แสงโคมสลัว ในห้องเงาคนมากมาย ได้ยินเสียงด้านนี้ล้วนออเข้ามา
ฝันไปหรือ
เมื่อครู่เป็นแค่ความฝันสินะ
นายหญิงใหญ่หนิงรู้สึกเพียงบนร่างเหงื่อกาฬเปียกโชก
“รีบเรียกหมอ” เหล่าหญิงรับใช้ยังคงตะโกนเอ่ย
นายหญิงใหญ่หนิงมองนายท่านใหญ่หนิงที่เดินเข้ามาใกล้ยื่นมือออกไป สีหน้าวิตกอยู่บ้าง
“นายท่าน เมื่อครู่ข้าฝันร้าย” นางไม่ทันสนคนมากมายเหล่านี้ที่นั่น รีบร้อนเอ่ย “ข้าฝันว่าอวิ๋นเจากำลังจะแต่งงานแล้ว ถูกบังคับ ถูกบีบ กับจวินเจินเจินคนนั้น…”
เสียงของนางยังไม่ทันจบก็เห็นหญิงรับใช้รอบด้านก้มศีรษะถอยหลังไป สีหน้าของนายท่านใหญ่หนิงยุ่งยาก
บรรดานายหญิงที่เดิมทีจะเข้ามาก็พากันหยุดเท้าถอยหลัง
บรรยากาศในห้องเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล
ใจนายหญิงใหญ่หนิงสงบลงช้าๆ ยกมือขึ้นไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง แต่ยังคงฝืนยกขึ้น
“ท่านแม่ นั่นไม่ใช่ฝัน” หนิงอวิ๋นเยี่ยนพุ่งเข้ามาตะโกนเอ่ย คว้ามือของนายหญิงใหญ่หนิงไว้ “นั่นเป็นเรื่องจริง คนเมืองหลวงล้วนรู้ คนใต้หล้าล้วนรู้แล้ว”
มือของนายหญิงใหญ่หนิงแม้ถูกกำไว้ แต่กลับตกลงไร้เรี่ยวแรง คนก็ล้มไปข้างหลัง
“น้องหญิง!”
“ท่านแม่!”
“เจ้าเด็กคนนี้ พูดเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า” พวกนายหญิงสามหนิงรีบร้อนตำหนิหนิงอวิ๋นเยี่ยน “ไม่รู้จักพูดอ้อมๆ”
“พูดอ้อมมีประโยชน์อะไร เรื่องเกิดขึ้นแล้ว พวกเราอ้อมค้อมจะไม่มีเรื่องหรือ?” หนิงอวิ๋นเยี่ยนก็ลุกขึ้นเต้นตะโกนบ้าง
“หมอมาแล้ว หมอมาแล้ว”
ในห้องวุ่นวายไปหมด
ยังดีครั้งนี้นายหญิงใหญ่หนิงไม่ได้เป็นลมไป
นางนึกขึ้นมาได้แล้ว
นางนึกได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อครู่ไม่ใช่ฝันร้าย เป็นเรื่องจริง
“พวกเจ้าออกไปให้หมดเถอะ” นางเอ่ย “ข้าต้องการคุยกับนายท่าน”
หมอส่งสัญญาณบอกนายท่านใหญ่หนิงว่าไม่เป็นไร นายท่านใหญ่หนิงพยักหน้า คนในห้องจึงรีบถอยออกไปตามคำบอก หนิงอวิ๋นเยี่ยนยังไม่ยอม ถูกนายหญิงสามหนิงกับนายหญิงสี่หนิงบังคับลากอกไป
ในห้องเงียบสงบลง นายหญิงใหญ่หนิงถอนหายใจยาว แต่ในอกกลัดกลุ้ม นางยันตัวจะลุกขึ้น
“เจ้านอนเถอะ” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย
นายหญิงใหญ่หนิงยังคงลุกขึ้นนั่งพิงหลัง
“ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” นางมองนายท่านใหญ่หนิง เอ่ยถามเสียงแหบ
นายท่านใหญ่หนิงสีหน้ายุ่งยาก
“ยังไม่แน่ใจ ให้คนไปถามที่เมืองหลวงแล้ว” เขาเอ่ย
“ไม่แน่ใจได้อย่างไร? ยังมีอะไรไม่แน่ชัดอีก? ท่านอย่าปิดบังข้า ท่านบอกข้าสิ เรื่องที่นายหญิงหม่าพูดจริงหรือไม่จริง?” นายหญิงใหญ่หนิงเอ่ย พลางกัดฟัน “คุณชายหนิงวันที่สองหลังกระดานทองประกาศนามก็พูดต่อหน้าผู้คนว่ายังคงมีสัญญาหมั้นกับคุณหนูจวิน สัญญากันว่าหลังสอบเสร็จค่อยแต่งงาน”
นางเอ่ยคำพูดประโยคนั้นของนายหญิงหม่าออกมาทีละคำๆ รอบหนึ่ง รู้สึกเพียงฟันแทบแหลก
“ที่พูดก็พูดอย่างนั้น ล้วนเป็นพวกเขาพูด พวกเราต้องฟังอวิ๋นเจาจะว่าอย่างไร” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย
ฟังคำพูดนี้ของเขา หัวใจของนายหญิงใหญ่หนิงเย็นเยียบ
ความหมายของคำพูดนี้ก็คือที่นายหญิงหม่าพูดล้วนเป็นเรื่องจริง
“ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้างนอกเล่ากันว่าอย่างไร?” นางนิ่งงันเอ่ย “ท่านอย่าได้ปิดบังข้า ปิดบังข้ามีความหมายอะไร ข้างนอกล้วนรู้กันหมดแล้ว ยังจะให้ข้าไม่รู้ เสียหน้าเหมือนคนโง่หรือ?”
นายท่านใหญ่หนิงถอนหายใจดึงเก้าอี้มาข้างเตียงนั่งลง
“ข้าถามนายหญิงหม่าแล้ว นายหญิงหม่าบอกว่ารายละเอียดนางก็ไม่รู้ชัด” เขาเอ่ย “เพียงแต่ได้ยินใต้เท้าหม่าเล่าคร่าวๆ เจ้ารู้เรื่องช่วงก่อนหน้านี้ของคุณหนูจวินคนนั้นกับหัวหน้ากองพันลู่สินะ?”
นายหญิงใหญ่หนิงตอบอืม
ใช่สิ คุณหนจวินคนนั้นชื่อเสียงเหม็นโฉ่เพราะหัวหน้ากองพันลู่อยู่ชัดๆ
“เพราะหัวหน้ากองพันลู่ส่งสินสอดไปให้คุณหนูจวินครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้บุตรชายเฉิงกั๋วกงโมโห ทั้งสองคนจึงตีกันขึ้นมาที่กรมสืบสวนฝ่ายเหนือ” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยต่อ
ใช่ ยังมีบุตรชายเฉิงกั๋วกงด้วย คุณหนูจวินคนนั้นก็ตกได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็ตีกับหัวหน้ากองพันลู่เพราะคุณหนูจวินไปแล้วครั้งหนึ่ง
นังเด็กหน้าไม่อายคนนี้
“ตอนที่พวกเขาตีกันขึ้นมา อวิ๋นเจาพอดีผ่านมา” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย พูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก ราวกับลำบากจะเอ่ยปากอยู่บ้าง
นายหญิงใหญ่หนิงกำมือแน่น
“หลังจากนั้นเล่า?” นางเอ่ย
“หลังจากนั้นก็บอกว่าคุณหนูจวินเป็นคู่หมั้นของเขา” นายหญิงใหญ่หนิงกัดฟันเอ่ยออกมา
นายหญิงใหญ่หนิงสีหน้านิ่งค้าง
ทำไมนางรู้สึกว่าเรื่องนี้ไร้ที่มาที่ไปเช่นนี้เล่า? เป็นเรื่องเสียหน้าของหัวหน้ากองพันลู่ บุตรชายเฉิงกั๋วกงกับหญิงต่ำช้านั่นสามคนชัดๆ ทำไมเกี่ยวข้องกับอวิ๋นเจาด้วย?
“อวิ๋นเจาทำไมทำเรื่องเช่นนั้น พูดวาจาเช่นนั้น?” นางพึมพำเอ่ยส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นพวกเขาแต่งเรื่องหลอกแน่”
นายท่านใหญ่หนิงกระแอมทีหนึ่ง
“ตอนนั้น น้องรองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย” เขาเอ่ย
นายท่านรองหนิงก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“ตอนนั้นไม่ได้ปฏิเสธ ยอมรับเงียบๆ แล้ว” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยต่อ
นายหญิงใหญ่หนิงวิญญาณหลุดลอยเอนกลับไป
เป็นไปได้อย่างไร!
นี่คิดอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้ อวิ๋นเจากับสามคนนั่นต่างกันเยี่ยงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ นางทุกวันด่าทุกวันหัวเราะเรื่องน่าขายหน้านั่น ทำไมอยู่ดีๆ ลูกชายของนางถึงกลายเป็นคนในเรื่องราวน่าขายหน้านี้ด้วยแล้วเล่า?
“ต้องเป็นหญิงต่ำช้านั่นบังคับแน่” นายหญิงใหญ่หนิงทะลึ่งลุกขึ้นนั่งเอ่ยครั้งเอ่ย “นางมีราชโองการไม่ใช่หรือ? นางต้องใช้ราชโองการมาบีบบังคับนายท่านรองกับอวิ๋นเจาแน่นอน”
…………………………………………………………….