ตอนที่ 110
จวนตะวันคร้อย
ปึง! ประตูห้องประชุมของวังมังกรถูกกระแทกออกอย่างรุนแรงพร้อมร่างของแขกผู้มาเยือนที่เดินเข้ามาผ่านประตูที่มันพึ่งเปิดออกด้วยกังมหาศาล นอกจากมันจะสร้างเสียงดังโครมครามแล้ว มันยังทำลายประตูเหล็กเสียจนบิดงออีกต่างหาก ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้าหนูหวงหลง”เสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะบาดแก้วหู ตัวชายชรานั้นมีร่างกายงองงุ้มราวกับกุ้ง และผิวหนังที่เหี่ยวเฉาราวซากศพ ดวงตาสีขาวโพลนไร้ตาดำของมันกวาดมองไปทั่วห้องจนเหล่าอาวุโสที่อยู่ในห้องต่างพากันถอยห่างอย่างหวาดระแวง
“ผู้เฒ่าตงเห่า ท่านมาที่นี่มีเรื่องอะไร”หวงหลงว่าพลางลุกขึ้นยืนพร้อมเดินลงมาหาชายชราอย่างช้าๆ
“ได้ข่าวว่าเจ้าบรรลุระดับเทียนเซียนแล้ว ข้าเลยมาดูให้เห็นกับตาเสียหน่อย”ชายชราหัวเราะเสียงแหบแห้ง พลางใช้ไม้เท้าทาบใบหน้าของหวงหลงราวกับจะดูหน้าของหวงหลงให้ชัดๆ
“หึๆ ผู้บรรลุถึงระดับเทียนเซียนเพิ่มมาอีก 1 คนแล้ว ช่างน่ายินดีจริงๆ”เฒ่าตงเห่าว่าพลางถอนหายเท้าออกมาโดยที่หวงหลงไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย หากเป็นคนอื่นการเอาไม้เท้ามาลูบหน้ามันเช่นนี้คงโดนซัดปลิวออกนอกห้องไปแล้ว เพียงแต่ตรงหน้ามันไม่ใช่บุคคลธรรมดา มันคือ เฒ่าตงเห่า ผู้ใช้วิชาพิษที่แข็งแกร่งที่สุดในเหล่าหมอยาทั้งหลาย ตัวมันอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 8 อีกเพียง 2 ขั้นก็จะเทียบเคียงกับอาวุโสเทียนหมิงได้แล้ว แน่นอนว่าคนที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 1 อย่างหวงหลงไม่สามารถทำอะไรเฒ่าตงเห่าได้อยู่แล้ว
“เฒ่าตงเห่า ท่านไม่ได้มาแค่เพื่อดูว่าข้าเป็นอย่างไรกระมัง”หวงหลงถามพลางมองตาเฒ่าสกปรกตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ความเอาแต่ใจของเฒ่าตกเห่าเป็นที่เรื่องลือไปทุกที่ มันนึกจะดีก็ดี นึกจะบ้าก็ไม่มีใครห้ามอยู่ และการมาครั้งนี้หวงหลงไม่คิดว่ามันจะมาดีแน่ๆเพราะมันกับเฒ่าตงเห่าไม่ได้ญาติดีกันขนาดนั้น
“ฉลาดดี นอกจากจะมาดูว่าเข้าบรรลุระดับเทียนเซียนจริงหรือไม่ ข้ายังมาดูบุตรสาวของเจ้าอีกด้วย”เฒ่าตงเห่าว่าพลางยิ้มจนเห็นฟันดำๆของมัน
“บุตรสาวของข้า”หวงหลงขมวดคิ้ว เหตุใดบุตรสาวของมันถึงถูกเพ่งเล็งนัก
“เจ้าพึ่งยกนังเด็กนั่นให้กับเจ้าเทียนหมิงไม่ใช่หรือไง นั่นไม่เท่ากับเจ้าไม่เห็นหัวข้าในสายตาหรือ”เฒ่าตงเห่าฟาดไม้เท้าใส่หวงหลงทีหนึ่งจนมันตีเข้ากับหัวของหวงหลงอย่างจัง แน่นอนว่าหวงหลงไม่ได้หลบมันเพียงยืนรับและปล่อยให้ไม้เท้าของเฒ่าตงเห่ากระแทกหัวมันจนเลือดไหลลงมาเท่านั้น
“ท่านหัวหน้า”อาวุโสที่อยู่ในห้องต่างตกตะลึง พวกมันได้ข่าวมาเช่นกันว่าเม่าตงเห่าไม่ชอบใจอาวุโสเทียนหมิงเท่าไหร่ แต่ไม่นึกว่าจะจงเกรียดจงชังขนาดมาหาเรื่องหวงหลงหลังจากหวงหลงยกลูกสาวให้หมั้นหมายกับศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงเลย
“นางกำลังเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ เกรงว่าจะให้ท่านพบไม่ได้”หวงหลงว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ หลังจากมันยอมไว้ชีวิตไป๋จูเหวิน เหม่ยหลินก็ยอมตั้งใจฝึกฝนอย่างที่มันหวังเอาไว้ ทำให้เหม่ยหลินที่หยุดพัฒนาพลังฝีมือตอนที่มันเข้าไปเก็บตัวฝึกฝนเริ่มมีพลังฝีมือรุดหน้ามากแล้ว อีกไม่นานนางคงก้าวถึงระดับก่อกำเนิดพลังเซียนอันเป็นก้าวเริ่มต้นสู่ระดับเซียน แน่นอนว่ามันคอยดูแลให้พลังอสูรของนางเพิ่มระดับขึ้นมาเช่นเดียวกัน เพื่อเป้าหมายในการสร้างบุคคลระดับเทียนเซียนที่ยังสามารถเก็บพลังอสูรเอาไว้ได้
“เก็บตัวฝึกวิชา…เช่นนั้นก็น่าเสียดาย”เฒ่าตงเห่าว่าพลางยิ้มกริ่ม
“หากเป็นเช่นนั้น บุตรสาวของเจ้าคงไม่ได้ไปแสดงฝีมือในงานชุมนุมที่จวนตะวันคร้อยกระมัง”เฒ่าตงเห่าว่าพลางส่าบหน้าอย่างเสียดาย
“จวนตะวันคร้อย…ไม่ใช่ว่างานนั้นจะจัดขึ้นในอีก 3 ปีอย่างนั้นหรือ”หวงหลงถามอย่างประหลาดใจ งานชุมนุม ณ จวนตะวันคร้อย เป็นงานชุมนุมของเหล่าผู้มีอำนาจในอาณาจักร โดยมีชายที่มีฉายาว่า ตราประทับสวรรค์ เป็นผู้จัดงาน แม้ยามปกติเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะไม่ค่อยร่วมงานชุมนุมเสียเท่าไหร่ แต่งานชุมนุมที่จวนตะวันคร้อยถือเป็นงานที่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจากทั่วอาณาจักรต่างอย่างไปร่วม ทั้งนี้เพราะนอกจากเจ้าภาพอย่าง ตราประทับสวรรค์ ผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 แล้ว เหล่าผู้อยู่จุดสูงสุดในสายวิชาต่างๆยังมากันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือวิชาดาบ เกาทัน หอก ทวน กระบอง แซ่ หนามคู่ กรงเล็บ ดัชนี หรือแม้แต่เซียนกระบี่อย่างอาวุโสเทียนหมิงก็ยังมาร่วมงานในครั้งนี้
“หึๆ เป็นข่าวดีของเฒ่าประทับสวรรค์ มันพึ่งรับศิษย์ใหม่มาเมื่อ 1 เดือนก่อน การเลื่อนวันจัดงานคราวนี้เพราะมันอยากอวดศิษย์ใหม่ของมันโดยเฉพาะ”เม่าตงเห่าหัวเราะพลางยิ้มกว้าง
“เพราะมันต้องการจะโอ้อวดศิษย์ใหม่ของมันนี่ล่ะ มันเลยจัดการประลองสำหรับเหล่าศิษย์รุ่นใหม่ขึ้น น่าเสียดาบที่บุตรสาวของเจ้าไม่สามารถเข้าร่วมได้”เฒ่าตงเห่าพูดจบก็หยิบกระดาษสีทองแผ่นหนึ่งออกมา มันคือจดหมายเชิญของจวนตะวันคร้อยนั่นเอง
“……”หวงหลงนิ่งเงียบไปพลางอ่านเนื้อความในจนหมายเชิญด้วยสีหน้านิ่งเฉย น่าเสียดายที่เหม่ยหลิยพึ่งจะเริ่มดึงพลังออกจากมุกกระเบนที่นางกลืนเข้าไป คงต้องใช้เวลาอีก 3 หรือ 4 เดือนในการหลอมรวมเข้ากับมุกกระเบนอย่างเต็มที่ ดูท่าแล้วมันคงจะต้องไปงานชุมนุมเพียงลำพังเสียแล้ว
“น่าโมโหจริงๆที่ข้าต้องมาทำหน้าที่คนส่งจดหมายเช่นนี้”เฒ่าตงเห่าว่าพลางหันหลังเดินจากไปเงียบๆ บัตรเชิญของจวนตะวันคร้อยจะแจกให้กับผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขึ้นไปเท่านั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่หวงหลงได้รับเชิญ มันจึงตื่นเต้นกับงานในครั้งนี้ไม่น้อย
ตึง! หวงหลงทุบที่เท้าแขนเบาๆเมื่อเห็นข้อความในบัตรเชิญ การประลองของคนรุ่นเยาว์นั้นเป็นการประลองฝีมือเพื่อวัดความสามารถ แน่นอนว่าตัวหวงหลงเองที่พึ่งขึ้นระดับเทียนเซียนไม่มีทางไปสู้กับพวกยอดฝีมือที่อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นสูงๆได้แน่นอน แต่ตรงกันข้ามเหม่ยหลินบุตรสาวของมันกลับเป็นคลื่นลูกใหม่ที่คนในอาราจักรให้ความสนใจ เพราะพลังฝีมือของนางเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ชนิดว่าอีกไม่นานางก็จะก้าวขึ้นมาในระดับเซียนทั้งๆที่พึ่งอายุไม่ถึง 20 ปีเสียด้วยซ้ำ นับเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากทีเดียว
แต่นอกจากชื่อเสียงแล้ว ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่กวนใจหวงหลงไม่น้อย นั่นคือรางวัลของผู้ชนะการประลอง นอกจากจะจัดการประลองเพื่อวัดระดับฝีมือแล้ว ผู้เฒ่าตราประทับสวรรค์ยังจัดของรางวัลให้แก่ผู้เยาอีกต่างหาก ทั้งนี้ต้องทราบก่อนว่าเฒ่าประทับสวรรค์เป็นยอดฝีมือที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในเหล่าผู้อยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 หรือก็คือแข็งแกร่งที่สุดแล้วนั่นเอง และตัวมันก็นิยมชมชอบสะสมของมีค่าเอาไว้ภายในจวนตะวันคร้อย เป็นที่น่าสนใจอย่างมากว่าสมับติที่มันจะเอามาเป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะจะเป็นอะไร
แต่น่าเสียดายที่เหม่ยหลินยังไม่สามารถออกมาจากถ้ำได้ก่อนงานชุมนุมจะเริ่มนี่สิ
“ท่านหัวหน้า”ขณะหวงหลงกำลังเครียดกับเรื่องงานประลองอยู่นั่น อยู่ๆลูกน้องคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตู แต่จะว่ามันก็ไม่ได้ใครใช้ให้เฒ่าตงเห่าทำลายประตูทิ้งกันล่ะ
“มีอะไร”หวงหลงถามพลางมองลูกน้องตนเองด้วยท่าทีนิ่งเฉย
“ท่านอาวุโส 7 กลับมาแล้วขอรับ”ชายคนนั้นว่าพลางประสานมือรายงาน
“กลับมาแล้ว? นี่มันยังไม่ถึงเดือนเลยนะ”หวงหลงขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ ปกติแล้วอาวุโส 7 จะเดินทางไปสำรวจไม่ต่ำกว่า 3 เดือนเพื่อเก็บรายระเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“ทำไมประตูเป็นแบบนี้ล่ะ”อาวุโส 7 ว่าพลางเดินผ่านประตูที่ถูกเปิดจนพังยับเยินเข้ามาด้วยสีหน้างุนงง
“เมื่อครู่มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามานิดหน่อย”หวงหลงว่าพลางนั่งลงที่บัลลังก์เช่นเดิม
“แล้ว เรื่องเขตอสูรหุบเขามังกรเป็นอย่างไรบ้าง”หวงหลงถามพลางเหล่มองไป๋จูเหวินที่อยู่ด้านหลัง มันมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยที่อยู่ๆเจ้าหนุ่มนั่นก็มีพลังมากขึ้นอย่างน่าประหลาด ก่อนมันจะเดินทางไปมันยังมีระดับเพียงหลอมรวมนภาเท่านั้น เหตุใดเวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน มันถึงกลับมาพร้อมพลังระดับชำระกระดูกได้….
“น่าเสียดาย แต่หุบเขามังกรได้ล่มสลายไปแล้ว”อาวุโส 7 ว่าพลางรายงานอย่างตรงไปตรงมา
“สลายไปแล้ว?”หวงหลงเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ถึง 2 ครั้ง มันส่งไป๋จูเหวินไปยังเขตอสูรที่ลึกลับและน่ากลัวถึง 2 ครั้ง แต่ทุกครั้งที่มันไปแทนที่ตัวไป๋จูเหวินจะเป็นอะไรไปมันกลับพบเพียงเขตอสูรที่พังทลายลงไปแล้วเสียอย่างนั้น ไม่ใช่ว่ามันเป็นตัวซวยของเขตอสูรหรือ?
“ข้าจะเล่ารายระเอียดให้ท่านฟังเอง ให้ไป๋จูเหวินไปพักเถอะ”อาวุโส 7 ว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน คราวก่อนตอนมันกลับมาหัวหน้าก็ไล่มันไปเขตอสูรต่อเลยโดยไม่ให้พักผ่อน แม้จะไม่ต้องห่วงเรื่องไป๋จูเหวินจะเข้าไปในเขตอสูร แต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ
“อืม เข้าใจแล้ว”หวงหลงว่าง่ายอย่างน่าประหลาด ทำเอาอาวุโส 7 แอบงงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกให้ไป๋จูเหวินเดินออกไปก่อน หลังจากนั้นนางก็เริ่มเล่าเรื่องที่นางเจอที่หุบเขามังกร เพียงแต่นางไม่ได้เล่าเรื่องที่พวกตนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างไร นางเล่าราวกับว่าตนเองไปเจอเขตอสูรหุบเขามังกรที่ว่างเปล่า มังกรส่วนหนึ่งย้ายถิ่นไปแล้ว ส่วนที่เหลือมีมังกรไม่กี่ชนิดยังคงอาศัยอยู่ที่เดิม
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามังกรที่เหลือย้ายถิ่นไปอยุ่ที่ไหน”หวงหลงถามพลางถอนหายใจออกมา หุบเขามังกรเป็น 1 ในแหล่งทรัพยากรที่ยังไม่มีใครสามารถเข้าไปนำสมบัติล้ำค้าเหล่านั้นมาได้ แต่จากที่อาวุโส 7 เล่ามาของพวกนั้นได้หายไปแล้วเพราะการตายของราชาของเขตอสูร
“ข้าเองก็ไม่ทราบ”อาวุโส 7 ว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ทราบ…นานแล้วนะที่ไม่ได้ยินคำนี้จากปากของเจ้า”หวงหลงว่าพลางมองอาวุโส 7 อย่างประหลาดใจ
“ช่วยไม่ได้นี่นา มังกรที่ย้ายถิ่นไปมีแต่มังกรบินได้ทั้งนั้น ลำพังขาของข้าตามไม่ทันหรอก”อาวุโส 7 โกหกออกไปคำโต แน่นอนนางไม่สามารถตามมังกรบินไปได้ หากว่านางไม่ได้ขี่อยู่บนหลังพวกมันละก็
“ช่วยไม่ได้ ถือว่าเป็นข่าวร้ายทีเดียว”หวงหลงว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ
“จริงสิ หัวหน้า”อาวุโส 7 เห็นพูดพลางจ้องมองหวงหลงด้วยท่าทีจริงจัง
“ทำไมท่านถึงได้จงเกรียดจงชังไป๋จูเหวินนัก มันแค่แอบพาคุณหนูเหม่ยหลินไปเที่ยวนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง”อาวุโส 7 พุดด้วยทท่าทีจริงจัง นางได้ทราบแล้วว่าเบื้องหลังของไป๋จูเหวินนั้นคืออะไร หากสักวันหวงหลงส่งไป๋จูเหวินไปตาย น้าๆของมันได้มีหวังเข้ามาถล่มเมืองร้อยแปดอสูรจนไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆ ต่อให้รวมผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนมาทั้งอาณาจักรก็คงไม่สามารถหยุดพวกมันได้แน่ๆ
“มันทำผิดกฎ ข้าก็แค่ลงทามันเท่านั้น”หวงหลงยังยืนยันคำเดิม
“ท่านลงโทษมันไปแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร ท่านน่าจะพอได้แล้ว”อาวุโส 7 พูดด้วยท่าทีไม่พอใจ การลงโทษคนโดยส่งให้ไปสำรวจเขตอสูรที่แม้แต่ตัวเองยังไม่กล้าเข้างั้นเหรอ หากไม่ใช่ไป๋จูเหวินต่อให้เขตอสุรทั้งสองได้สลายลงไปแล้วก็ยังมีความเสี่ยงมากอยุ่ดี
“ทำไมเจ้าดูห่วงมันนัก นี่ไม่ใช่นิสัยของเจ้าเลยนะ”หวงหลงถามเพราะมันรู้ดีว่าอาวุโส 7 เป็นคนไม่ละเอียดอ่อนเท่าไหร่นัก ปกติแล้วไม่เคยเป็นห่วงใครเสียด้วยซ้ำ
“นั่นเพราะข้ากลัวว่าท่านจะทำลายเพชรเม็ดงามด้วยมือของตนเองต่างหาก”อาวุโส 7 ว่าพลางมองไปที่เหล่าอสุรที่ยืนอยู่ด้านหลังหวงหลง พวกมันเองก็มีท่าทีเห็นด้วยเพราะพวกมันสามารถสัมผัสพลังอสูรของไป๋จูเหวินได้พลังอสูรของไป๋จูเหวินยามนี้สูงกว่าเหม่ยหลินเสียอีก แม้แต่พวกมันยังอดตะลึงไม่ได้ น่าเสียดายที่หวงหลงเสียพลังอสูรไปแล้วตอนขึ้นเป็นระดับเทียนเซียนมันเลยไม่สามารถสัมผัสได้ว่าไป๋จูเหวินมีพลังอสูรเช่นไร
“ข้ายอมรับว่ามันพัฒนาพลังได้ดี แต่ข้าไม่ได้มองหาผู้ที่จะสามารถเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับเทียนเซียนอีกคน แต่ข้าต้องการผู้มีพลังวิญญาณและพลังอสูรโดดเด่นเท่านั้น”หวงหลงว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ
“แต่ว่า หัวหน้า….”จูเชวี่ยที่อยู่ด้านหลังเอ่ยปากออกมาด้วยท่าทีลังเล นางไม่ทราบจะบอกหัวหนีดีหรือไม่
“หัวหน้า เด็กคนนั้นมีพลังอสูรระดับ ชำระวิญญาณ(หยกขาว)แล้วขอรับ พลังอสูรของมันเหนือกว่าพลังวิญญาณเสียอีก”กลับเป็นไป๋หู่เสียอีกที่รายงานออกมาเป็นคนแรก
“พวกเจ้าว่าอะไรนะ…..”หวงหลงเบิกตากว้างราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน