“เจ้าตำหนักหลิง ข้าได้รับสั่งให้สืบสวนเรื่องนี้ เจ้าไม่ต้องเข้ามาแทรก!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีพูดอย่างเย็นชา
หลิงเสี่ยวเทียนสีหน้าเรียบเฉย
“รองเจ้าตำหนักของข้าต่อสู่กันเองในเขตตำหนักรองของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปิดตากับเรื่องนี้ได้รึ?”
“หึหึ…”
ผู้ตรวจการไป่ฮีหัวเราะ
“เจ้ายังมีหน้าเข้ามาสอดแม้เจ้าจะดูแลรองเจ้าตำหนักของตัวเองไม่ได้รึ?”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ…หลิงเสี่ยวเทียนนั้นไร้ความสามารถ เขาปล่อยให้คนของตัวเองต่อสู้กันเอง จนทำให้อาณาจักรเกิดความสูญเสีย
หลิงเสี่ยวเทียนหัวเราะแต่ก็ไม่พูดอะไร เขาละสายตาออกไป
ซือหยูมองเขาจากด้านข้างด้วยความรู้สึกผิด
หลิงเสี่ยวเทียนมีหลายเรื่องให้ทำอยู่แล้วในการดูแลตำหนักรอง แต่เขาก็ถูกรบกวนและเยาะเย้ยเพราะซือหยู
“ผู้ตรวจการไป่ฮี ถ้าเจ้ามีเวลาพูดถึงคนอื่น เจ้าควรจะกลับมาสนใจเรื่องของเจ้าซะก่อน”
ซือหยูพูดถากถางกลับไป
ฟึ่บ–
แววตาดุร้ายมองไปที่ซือหยูราวกับจะเจาะตัวเขาให้ทะลุ
ผู้ตรวจการไป่ฮีมองซือหยูที่นั่งอยู่และพูดช้าๆ
“ข้าอนุญาตให้รองเจ้าตำหนักพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ตำแหน่งของซือหยูนั้นต่ำต้อยในสายตาเขา
“ถ้าเจ้าอยากจะพูด ข้าก็จะถามเจ้า เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?”
ผู้ตรวจการไป่ฮีที่ดูถูกเขาสอบสวนตรงๆ
ซือหยูแอบหัวเราะแต่ก็ไม่พูดอะไร ผู้ตรวจการไป่ฮีได้รับคำสั่งให้มาสืบเรื่องราวแต่ก็ถามราวกับว่าซือหยูเป็นคนผิด แม้ว่าจะยังไม่รู้ถึงข้อสิ้นสุดน่ะรึ?
ซือหยูส่ายหัว
“ผู้ตรวจการ ข้าทำผิดอะไรรึ?”
ผู้ตรวจการไป่ฮีหัวเราะอย่างเย็นชา
“จนถึงขั้นนี้เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกรึ? เจ้าตำหนักซื่อเหยากับเฟิงฉิงสารภาพหมดแล้ว ซางเจี้ยนถูกเจ้าสังหาร! แต่เจ้าก็ยังไม่รับข้อกล่าวหา ข้ารับเจ้าไม่ได้จริงๆ!”
สองคนนั้นสารภาพรึ? ซือหยูถอนหายใจ
ต่อหน้าตำหนักหลัก สุดท้ายทั้งสองก็ไม่แน่วแน่พอและถูกบังคับให้สารภาพ
“โอ้? ทำไมซางเจี้ยนถึงถูกฆ่าเล่า? ข้าอยากรู้นักว่าสองคนนั้นพูดอะไร?”
ซือหยูยังคงใจเย็น ไม่แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย
ผู้ตรวจการไป่ฮีใบหน้าบิดเบี้ยวแต่ก็ซ่อนเร้นได้อย่างรวดเร็ว
“เหตุที่เขาถูกสังหารไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าต้องยอมรับว่าเจ้าฆ่าคนไปก็เท่านั้น!”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยอมรับความผิดแล้ว หากเป็นเช่นนั้นก็จงคุกเข่ารับการลงโทษ!”
เพียงไม่กี่ประโยคเขาก็ตัดสินประหารซือหยู!
เขาไม่ได้ถามรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย
“หึหึ ผู้ตรวจการไป่ฮี ข้ายังอยู่นี่นะ!”
หลิงเสี่ยวเทียนไม่ขยับตัว เขาหัวเราะอย่างใจเย็น
แต่ทุกคนที่ได้ยินก็บอกได้เลยว่ามีความโกรธอยู่ในเสียงของเขา
ผู้ตรวจการรไป่ฮีไม่สนใจ
“หลักฐานชัดแล้วจะต้องพูดอะไรกันอีก? ตามกฎของอาณาจักร เขาต้องถูกประหาร!”
หลิงเสี่ยวเทียนลูบถ้วยชาด้วยนิ้วและพูดอย่างใจเย็น
“ผู้ตรวจการไป่ฮี ถ้าเจ้าดื้อด้านไม่สนใจชีวิตผู้คน ข้าคงต้องบอกเรื่องนี้ถึงตำหนักหลัก ราชาแห่งความมืดจะมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้”
คำว่า ‘ราชาแห่งความมืด’ นั้นราวกับสายฟ้าที่ฟาดใส่ไป่ฮีจนชักสีหน้า
ในนามเจ้าตำหนัก หลิงเสี่ยวเทียนมีโอกาสที่จะได้พบกับราชาแห่งความมืดเป็นการส่วนตัวทุกปี เพื่อการบ่มเพาะพลังหรือการได้รับรางวัล เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนในการดูแลหนึ่งในตำหนักรองทั้งสี่
นอกจากจ้าวแห่งความมืดทั้งเจ็ด เจ้าตำหนักทั้งสี่ก็คือคนที่ใกล้ชิดกับราชาแห่งความมืดที่สุด
หากเป็นเช่นนั้น หลิงเสี่ยวเทียนก็แค่ทิ้งเรื่องการบ่มเพาะพลังและขอให้ราชามาจัดการเรื่องนี้แทน
หากการสืบสวนบ่งบอกว่าผู้ตรวจการไป่ฮีได้ใช้อำนาจในทางที่มิชอบ…ก็ไม่มีผู้ใดในโลกนี้รักษาชีวิตของเขาได้
สีหน้าดุร้ายของไป่ฮีลดลงและเป็นมิตรมากขึ้น
“พูดอะไรกันเล่า เจ้าตำหนักหลิง ข้าทำตามคำสั่ง ข้าต้องทำตามกฎและดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมอยู่แล้ว”
“ข้าเพียงแค่ตั้งใจจะทดสอบการตอบโต้ของเจ้าตำหนักหยินหยูก็เท่านั้น”
เมื่อไป่ฮีพูดปัด หลิงเสี่ยวเทียนก็พูดออกมา
“หากเจ้าเป็นธรรม ข้าก็ไม่เข้าแทรก”
“ต่อได้”
ราวกับเขากำลังสั่งคนของตัวเอง
แต่ผู้ตรวจการไป่ฮีนั้นรู้สึกผิดและต้องอดทนเอาไว้
เขามองซือหยูด้วยความชิงชังเล็กน้อย
“พูดมา เจ้าฆ่าซางเจี้ยนเพราะเจ้าแบ่งสมบัติไม่ได้ใช่หรือไม่? จงพูดความจริง โทษของเจ้าจะได้กลายเป็นเบา การขัดขืนจะทำให้เจ้าถูกลงโทษ!”
ซือหยูยิ้ม
“เช่นนั้นเจ้าก็ยังไม่แน่ใจว่าข้าผิดหรือไม่สินะ?”
ไป่ฮีโกรธเกรี้ยว
“เรากำลังสืบสวนเรื่องคดีของเจ้า ร่วมมือให้ดีแล้วเจ้าจะได้รับโทษสถานเบา”
ถ้าซือหยูยอมตามเขา ซือหยูก็คงจะตายเร็วขึ้น!
“ดูเหมือนว่าความผิดข้าจะยังไม่ถูกตัดสิน!”
ซือหยูยิ้มอย่างเย็นชา
“เช่นนั้นข้าก็อยากจะถามผู้ตรวจการว่าถ้าความผิดของข้ายังไม่เป็นที่แน่ชัด มันมีเหตุผลหรือไม่ที่จะให้หัวหน้าองครักษ์ใช้เหตุผลนั้นมาฆ่าข้า?”
ผู้ตรวจการไป่ฮีเลิกคิ้วและสาปแช่งในใจ หัวหน้าองครักษ์ประมาทเกินไปและทำให้เขามีช่องโหว่ ถ้าเขากลับมาจะต้องถูกลงโทษแน่
แต่ก่อนที่เขาจะพูด หลิงเสี่ยวเทียนก็แทรกเข้ามาก่อน
“หืม? องครักษ์ชุดแดงต่อต้านคนที่ตำแหน่งสูงกว่าโดยไร้หลักฐานและอยากจะฆ่ารองเจ้าตำหนักงั้นรึ? ช่างกล้านัก! เขาสมควรตาย!”
“เดี๋ยวก่อน!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีรีบพูด
“หัวหน้าองครักษ์เป็นคนดีและจะไม่ทำผิด เขาต้องไม่โจมตีเจ้าแน่!”
เขามองเย้ยซือหยู
“ตัวเจ้าที่อยู่ตรงนี้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็อธิบายทุกอย่างแล้ว! ถ้าเขาอยากจะฆ่าเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้มาอยู่ถึงวันนี้รึ?”
หลิงเสี่ยวเทียนเงียบ หัวหน้าองครักษ์คงไม่กล้าฆ่าซือหยูจริงๆ
“เป็นคนดีและไม่ทำผิดงั้นรึ?”
ซือหยูหัวเราะ
“คนดีคือคนที่ปล่อยให้โจรสลัดที่ทำร้ายผู้คนหนีไปโดยไม่ทำอะไรเลยงั้นรึ? คนที่จะไม่ทำผิดจะใช้หน้าที่มาล้างแค้นเรื่องส่วนตัวและพยายามฆ่าข้ารึ?”
ซือหยูหัวเราะ
“ส่วนเรื่องที่ข้าอยู่ที่นี่โดยปลอดภัย ก็ไม่ใช่เพราะมันไม่กล้าโจมตีข้า แต่เป็นเพราะข้าฆ่ามันตอนที่มันจะฆ่าข้าต่างหาก!”
อะไรนะ?
ไม่ใช่แค่ไป่ฮี แต่หลิงเสี่ยวเทียนเองก็ตกใจ
หัวหน้าองครักษ์มีพลังอำมฤตระดับสาม ซือหยูมีพลังแค่ระดับหนึ่ง เขาจะฆ่าหัวหน้าองครักษ์ได้ยังไง?
แต่เขาก็เข้าใจในไม่นาน
ตำหนักหยินหยูคือดินแดนของซือหยู ซือหยูมีกำลังคนและจำนวนที่ได้เปรียบ มันอาจจะพอเป็นไปได้
ปั้ง—
พื้นโต๊ะใต้มือของผู้ตรวจการไป่ฮีระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
สีหน้าของเขาน่าเกลียดราวกับอยากจะกลืนกินมนุษย์เข้าไป
“เจ้าฆ่าเขางั้นรึ?”
หัวหน้าองครักษ์ไม่กลับมาหลายวันแล้วและผู้ตรวจการไป่ฮีก็สงสัยอยู่แล้ว คำพูดของซือหยูยืนยันทุกอย่าง
ซือหยูหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร
“กล้านัก! เจ้ากล้าคนที่ปฏิบัติหน้าที่งั้นรึ? ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีโกรธเกรี้ยว
ต้องอวดดีเพียงใดกันถึงกล้าฆ่าหัวหน้าองครักษ์? เขาดูถูกผู้ตรวจการไปเท่าใดกัน?
ซือหยูพูดช้าๆ
“พูดแบบนี้ก็แสดงว่าผู้ตรวจการเชื่อว่าองครักษ์พยายามฆ่ารองเจ้าตำหนักที่บริสุทธิ์ต่อหน้าผู้คนตามกฎใช่หรือไม่?”
คำถามนี้ทำให้ไป่ฮีตัวแข็งทื่อ เขามองหลิงเสี่ยวเทียนที่กำลังครุ่นคิด
เขามิอาจทนที่จะกลายเป็นคนน่าหัวร่อต่อหน้าทุกคนได้
เขาฝืนใจเย็น
“เขาควรถูกประหารตามกฎ แต่เจ้าตัดสินด้วยตัวเองได้ยังไ…”
แต่ซือหยูก็พูดขัดขึ้นมา
“ถ้าเขาควรถูกประหาร ข้าก็จะถามว่าเขาที่เป็นแค่องครักษ์ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน? เขาทำตามคนสั่งคนที่เหลือกว่ารึ?”
คนเดียวที่เหนือหัวหน้าองครักษ์ก็คือผู้ตรวจการไป่ฮี!
หลิงเสี่ยวเทียนแววตาดุร้าย
“ผู้ตรวจการไป่ฮี รองเจ้าตำหนักเป็นยอดฝีมือที่ถูกบ่มเพาะโดยอาณาจักรทมิฬ เจ้ายังกล้าจะฆ่าเขาอีกเรอะ!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีสีหน้าหม่นหมอง แม้แต่เขาก็มิอาจรอดไปจากความผิดเช่นนี้ได้
เขาชักสีหน้าและรีบพูดแก้ตัว
“ข้าทำหน้าที่ตรวจสอบทุกสิ่งในอาณาจักร ทุกคำและการกระทำของข้าคือตัวแทนจากอาณาจักร ข้าจำกฎทุกข้อได้อย่างดี ข้าจะทำผิดบาปเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“ข้าเพียงแค่สั่งหัวหน้าองครักษ์ให้พาตัวเจ้ากลับมาสอบสวน ข้าไม่เคยสั่งให้เขาฆ่าเจ้า! ตามที่ข้าคิดไว้ เจ้ากับเขามีเรื่องบาดหมางต่อกัน เขาจะต้องขัดคำสั่งข้าและพยายามล้างแค้นเจ้า! ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีผลักตัวเองให้พ้นจากเรื่องนี้
ซือหยูหัวเราะ
“เช่นนั้นเขาก็สมควรตายใช่หรือไม่?”
ริมฝีปากเขาบิดเบี้ยว เขาข่มความชิงชังอันไร้ขอบเขต
“ฮื่ม! กล้าขัดคำสั่งและทำผิดเช่นนั้น เขาสมควรตาย! ถึงเจ้าตำหนักหยินหยูจะไม่ชัดการ ข้าก็ต้องประหารเขาอยู่แล้ว!”
เขามองผ่านซือหยูด้วยแววตาที่มีจิตสังหาร
“เลิกพูดถึงเรื่องหัวหน้าองครักษ์แล้วพูดเรื่องซางเจี้ยนเถอะ ทำไมเจ้าถึงฆ่าเขา! พูดมา!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีนั้นทำเกินไปมาก เขาสืบสวนโดยจังใจจะให้ซือหยูยอมรับผิดให้ได้
ซือหยูใจเย็น
“คนคนนั้นร่วมมือกับศัตรูเพื่อสังหารคนของตัวเอง เขาตอบแทนความเอื้อเฟื้อด้วยความชิงชังและสมควรตาย!”
หลิงเสี่ยวเทียนพยักหน้า
“อืม เล่ารายละเอียดให้พวกเราฟังหน่อย”
เขาเข้าใจนิสัยของรองเจ้าตำหนักทั้งสิบอยู่แล้ว
จากนั้นซือหยูจึงอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าเขาไม่เล่าเรื่องซากในถ้ำ ซื่อเหยากับเฟิงฉิงก็น่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้เช่นกัน เพราะอย่างไรเรื่องนั้นก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
พวกเขาคงไม่ต้องการปัญหาอย่างไร้ประโยชน์
และซือหยูยังช่วยชีวิตซางเจี้ยนไว้สองครั้ง แต่ก็ถูกซางเจี้ยนลอบโจมตี!
และเขาก็ยังปล่อยหัวหน้าลำดับสองของโจรสลัดวารีทมิฬไปและพยายามปิดปากซื่อเหยาและเฟิงฉิง หลิงเสี่ยวเทียนใบหน้าเยือกเย็นอย่างมาก เขาหยุดนิ่งไปนานก่อนจะถอนหายใจ
“ข้าก็มีส่วนรับผิดชอบในความตายของเขา!”
“ก่อนหน้านี้ข้าต้องรีบสร้างสิบรองเจ้าตำหนักและสนใจในพลังมากกว่านิสัยใจคอ ข้าไม่มีโอกาสได้ชี้แนะเขา ข้าคือคนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้!”
เมื่อเรื่องคลี่คลาย ผู้ตรวจการไป่ฮีก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“เจ้าสองคนคิดจะร่วมมือกันกลบเรื่องนี้ไปงั้นรึ?”
“ข้าขอถามเจ้า ใครจะพิสูจน์เรื่องในวันนั้นได้? ซางเจี้ยนทำเช่นนั้นเพราะเจ้าพูดเช่นนั้นรึ? เขาตายไปแล้ว เขามาโต้แย้งเจ้าไม่ได้!”
“แล้วเจ้าไม่ได้สืบสวนซื่อเหยากับเฟิงฉิงหรอกรึ? ข้าว่าเจ้าก็ต้องได้ฟังเรื่องแบบเดียวกัน!”
“ฮื่ม! พวกเจ้าสามคนลงเรือลำเดียวกันต้องมีแผนวางไว้อยู่แล้ว นอกจากจะมีพยานคนที่สี่ คำพูดของพวกเจ้าสามคนถือเป็นโมฆะ!”
คนที่สี่..ทำไมต้องมีคนที่สี่นอกเหนือจากพวกเขาอีกเล่า?
“ถ้าไม่มีคนที่สี่ ข้าก็มีเหตุให้คิดได้ว่าพวกเจ้าสามคนฆ่าเขาเพื่อตัวเอง!”
ผู้ตรวจการไป่ฮีกดดัน
ถ้าเขาไม่ใช้โอกาสนี้ฆ่าซือหยู เขาก็มิอาจดับความชิงชังในหัวใจไปได้
ซือหยูแววตาเย็นชา ไร้สาระนัก!
ตามสถานการณ์ในวันนั้น จะไปมีคนที่สี่ได้ยังไง?
ความไร้เหตุผลเช่นนี้ เขาอยากให้ซือหยูตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
หลิงเที่ยวเทียนเลิกคิ้ว แม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้ตรวจการไป่ฮีพยายามจะทำอะไร เขาก็ไม่ได้พูดอย่างไร้สาระ
หากไม่มีใครยืนยันได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ยังเป็นไปได้ที่ทั้งสามจะร่วมมือกันสังหารซางเจี้ยน
“หึหึ ใครบอกเจ้าว่าไม่มีคนที่สี่รึ? ข้าไม่ได้อยู่ที่หน้าเจ้ารึไงกัน?”
เสียงนุ่มลื่นดังมาจากนอกห้อง
ผู้ตรวจการไป่ฮีมองออกไปและพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นใคร?”
ชายที่มีแขนข้างเดียวเดินเข้ามาในสายตาของเขา