ตอนที่ 202 เกอเหยา เครื่องปั้นดินเผายุคสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลิวเจียจวิ้น ออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้านแล้ว เขายืนเหม่อลอยอยู่ในห้องเก็บของสะสม คุณนายโบกมือไปที่คนสามคนให้ทั้งสามอย่าไปรบกวนเขา หยางโปสามารถเข้าใจความรู้สึกนี้ การที่ทุ่มเททั้งแรงกายและสติปัญญามากกว่าสิบปีแต่กลับถูกทำลายลง ถึงแม้จะปฏิเสธทุกสิ่งอย่าง แต่ก็เป็นการทำร้ายอย่างรุนแรงจริงๆ

ชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดหลิวเจียจวิ้นก็มีปฏิกิริยา เขาหันไปมองก็เห็นว่าทุกคนมองมาที่เขา

เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ฉันไม่เป็นไร”

พูดจบ เขาก็มองไปที่ตาอ้วนหลิว “ในวันนี้ได้รับเงินคืนมาเท่าไหร่?”

“สองแสนสามพันดอลลาร์” ตาอ้วนหลิวอธิบาย เห็นหลิวเจียจวิ้นดูเศร้าสลดใจ ตาอ้วนหลิวรีบกล่าว “ยังหลงเหลือบางอย่างที่สามารถทยอยขายออกไปได้อยู่”

 

หลิวเจียจวิ้นโบกมือ “ที่ยังเหลือก็ให้ฉันก็แล้วกัน!ถึงแม้ว่าฉันจะเก็บไว้ไม่ได้ แต่การทำธุรกิจของฉันก็ไม่ได้แย่ยิ่งกว่าพวกเธอ!”

ตาอ้วนหลิว หันไปมองคุณนายเขาลังเลที่จะพูด คุณนายส่ายหน้า “ให้เขาไปเถอะ ยังเหลือบางสิ่งบางอย่างให้เขาก็ยังดี”

ตาอ้วนหลิว ไม่ได้พูดอะไรมาก

ทุกคนนั่งลงในห้องนั่งเล่น หยางโปซื้อเครื่องเคลือบเกอเหยาสามใบวางเอาไว้บนโต๊ะน้ำชา หลายปีมานี้หลิวเจียจวิ้นมีความคุ้นเคยกับของสะสมของตนเองเป็นอย่างดี เมื่อเห็นเครื่องเคลือบเกอเหยาบนโต๊ะน้ำชา เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หน้าถอดสี “เสียวหย่ง นายไปซื้อเครื่องเคลือบมาเหรอ?”

หยางโปรีบกล่าว “นี้มันเป็นของที่ผมซื้อมา คุณอย่าไปตำหนิเขาเลย”

 

หลิวเจียจวิ้นมองไปที่หยางโป แล้วมองดูเครื่องเคลือบเกอเหยาบนโต๊ะน้ำชาอีกครั้ง ก็เกิดความสนใจขึ้นมาอีก “ฉันขอดูหน่อย!”

พูดจบ หลิวเจียจวิ้นก็หยิบเครื่องเคลือบเกอเหยาใบหนึ่งขึ้นมา บนชามเครื่องเคลือบเหมือนดั่งลวดลายของเกล็ดปลาที่ซ้อนกันอย่างหนาแน่น หลิวเจียจวิ้นชำเลืองมอง ลูบแล้วลูบอีกถึงสองครั้งสองครา แล้วจึงหันไปกล่าวกับหยางโป “เครื่องเคลือบเกอ

เหยานี้ก็ธรรมดาทั่วไปนะ!”

หยางโปหัวเราะแล้วกล่าว “คุณลองเอาทั้งสามใบมาเปรียบเทียบกันดู”

หลิวเจียจวิ้นมองหยางโปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขามองไปที่เครื่องเคลือบเกอเหยาใบหนึ่งปากชามเป็นรูปกลีบทานตะวัน เครื่องเคลือบ เกอเหยาอีกใบหนึ่งก็ยังเป็นรูปทรงดอกทานตะวันเช่นเดียวกัน แต่ว่าในสายตาของหลิวเจียจวิ้นมองว่าเครื่องเคลือบเกอเหยาทั้งสามใบแทบจะไม่แตกต่างกันมาก

 

ตาอ้วนหลิวรู้ระดับของหยางโปดี ตั้งแต่เขาซื้อเครื่องเคลือบเกอเหยาทั้งสามใบมา ตาอ้วนหลิวจึงอยากรู้อยากเห็นมาก แต่เขาไม่มีเวลาถาม ในเวลานี้เขาก็ยังสังเกตอย่างระมัดระวัง

“ทั้งสามใบดูเหมือนจะมันวาวมากเลยนะ” ตาอ้วนหลิวมองดูแล้วถาม

แต่ว่า เขาก็ปฏิเสธตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วกล่าว “หรือว่านี้ไม่ใช่มันวาว นี่มันเป็นขี้ผึ้ง! นี่มันเคลือบด้วยขี้ผึ้ง!”

“ขี้ผึ้ง?” หลิวเจียจวิ้นรู้สึกประหลาดใจ เขาถูเครื่องเคลือบถูแล้วถูอีก เป็นไปตามนั้นเขารู้สึกว่ามันลื่นๆ

ตาอ้วนหลิวพยักหน้า “ใช่ นี่มันคือขี้ผึ้ง ปกติแล้วเมื่อพวกเราซื้อส้มส่วนใหญ่จะดูเงางาม นั่นเป็นเพราะว่าร้านค้าเคลือบขี้ผึ้งบนผลส้ม เพื่อให้ดูมีความสดและรูปลักษณ์ที่ดี เครื่องเคลือบเกอเหยานี้ก็เคลือบขี้ผึ้งด้วยเหมือนกัน!”

 

พูดแล้ว ตาอ้วนหลิวก็หันไปมองหยางโป “ฉันพูดถูกหรือเปล่า?”

หยางโปพูดแล้วพยักหน้า “เป็นอย่างนั้นจริงๆ เครื่องเคลือบเกอเหยาทั้งสามใบนี้ต่างก็ถูกเคลือบด้วยขี้ผึ้ง ถึงแม้ว่ามันจะดูสดใส แต่สำหรับในแง่ของโบราณวัตถุ แต่ความรู้สึกทางประวัติศาสตร์ที่ล้ำลึกแบบนั้นถึงจะยังมีคุณค่า ทำแบบนี้ มันคือการทำให้เสียของแท้ๆ เลย”

พูดแล้ว หยางโปก็มองไปที่หลิวหย่ง “คุณช่วยผมหาน้ำด่างอัลคาไลน์มาหน่อยได้ไหม?”

หลิวหย่งตกตะลึง คุณนายหันไปกล่าวกับหลิวหย่ง “ไปที่ห้องครัว ฉันเพิ่งใช้ด่างอัลคาไลน์นึ่งหมันโถไป ใช้น้ำที่กลั่นแล้วก็คือน้ำด่างอัลคาไลน์”

หยางโปเตือนอย่างรวดเร็ว “จะให้ดีที่สุดต้องใช้น้ำที่ยังอุ่นอยู่”

 

หลิวหย่งพยักหน้าแล้ววิ่งไป ไม่นานหลิวหย่งก็วิ่งกลับมา ในมือถือน้ำด่างอัลคาไลน์มาหนึ่งชาม หยางโปก็เตรียมผ้าก๊อซไว้แล้ว เขาก็จุ่มผ้าก๊อซในน้ำด่างอัลคาไลน์แล้วค่อยๆ เช็ดไปที่เครื่องเคลือบเกอเหยา เครื่องเคลือบเกอเหยาก็มีขี้ผึ้งหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นๆ รอยแตกบนพื้นผิวก็เป็นที่ซ่อนของสิ่งสกปรกในระหว่างที่ลอกออกมา หลังจากที่หยางโปเช็ดถูออกไปแล้ว ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที

เครื่องเคลือบเกอเหยาไม่ได้ถูกปรับปรุง มันจึงดูรู้สึกแปลกตามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่ขี้ผึ้งหลุดออกมา ทำให้เครื่องเคลือบเกอเหยามีความงามที่โดดเด่นขึ้นมาก!

เมื่อเช็ดไปที่เครื่องเคลือบทรงดอกทานตะวัน ทุกคนสามารถรู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของหยางโปนั้นอ่อนโยนกว่าเดิม เขาดูระมัดระวังมากขึ้น ถึงขนาดดึงเสื่อมารองอยู่ด้านล่าง กลัวว่าเครื่องเคลือบชิ้นนี้จะตกแตก

 

ตาอ้วนหลิวในใจนี้ก็อยากรู้อยากเห็น ที่ก้นของเครื่องเคลือบเกอเหยาไม่มีรอยจารึกแต่อย่างใด แต่ด้านล่างของเครื่องเคลือบเกอเหยาปากรูปกลีบดอกทานตะวันมีจารึกคือ “ยุคสมัยจักรพรรดิคังซีแห่งราชวงค์ชิง” เครื่องเคลือบทรงดอกทานตะวันใบสุดท้ายแม้ว่าจะยังอยู่ในมือของหยางโป แต่เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใบนี้ก็ไม่มีรอยจารึกที่ก้นชาม

“นายซื้อมาเท่าไหร่?” หลิวเจียจวิ้นถาม

“สามหมื่นยูโร” หลิวหย่งตอบ

หลิวเจียจวิ้นค่อนข้างประหลาดใจ เพราะราคามันสูงมาก เทียบเท่ากับสามแสนหยวน!

หลิวเจียจวิ้นมองไปที่หยางโป “ทั้งหมดนี้เป็นของแท้หรือเปล่า?”

 

หยางโปหัวเราะ “เมื่อกี้คุณพึ่งจะดูไปแล้ว ผมก็อยากจะถามคุณเหมือนกัน คุณคิดยังไงกับทั้งสามใบนี้?”

หลิวเจียจวิ้นส่ายหน้า “ผมไม่รู้ นี้มันกี่ปีแล้ว ผมก็แค่อ่านในหนังสือนิดหน่อย รู้สึกว่ามันก็ไม่เลวเลย แท้จริงแล้วผมไม่มีความรู้แม้แต่น้อย”

ตาอ้วนหลิวนั่งอยู่ข้างๆ จับเครื่องเคลือบทรงดอกทานตะวันใบสุดท้ายขึ้นมา ดูถึงสองครั้งสองคราก็กล่าวทันที “นี้คือลวดลายไหมทองเชียวเหรอ?”

พูดแล้ว ตาอ้วนหลิวก็มองไปที่หยางโป

หยางโปยิ้มและพยักหน้า กล่าวอธิบาย “มันคือลวดลายไหมทองจริงๆ รอยร้าวสีดำเข้ากันกับรอยร้าวสีแดงและรอยร้าวสีเหลืองอย่างละเอียดลออ ชนิดนี้คือลายมณีรัตน์”

 

ตาอ้วนหลิวมองไปที่หยางโปรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น เครื่องเคลือบเกอเหยาใบนี้ก็เป็นของแท้น่ะสิ?”

“นี้คือเครื่องปั้นดินเผายุคสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ” หย่างโปกล่าว

ตาอ้วนหลิวถึงกับตกตะลึงเลยทีเดียว เขาอุทานขึ้นทันที “นายว่ายังไงนะ? เครื่องปั้นดินเผายุคสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ?”

หยางโปและคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจกับปฏิกิริยาของตาอ้วนหลิว แต่ว่ามีเพียงหยางโปเท่านั้นที่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตกใจขนาดนั้น

ตาอ้วนหลิวเห็นสีหน้าของ หลิวเจียจวิ้นและคนอื่นๆ จึงรีบอธิบาย “ในประเทศมีเครื่องปั้นดินเผายุคสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ใบเดียวที่อยู่ในพระราชวังต้องห้าม ถ้าหากว่าใบนี้เป็นของแท้ งั้นมันก็จะเป็นใบที่สองของโลก!”

 

หลิวเจียจวิ้นตื่นตกใจ เขาไม่สนใจเครื่องเคลือบเกอเหยาทั้งสองใบอีกต่อไป เขามองไปที่หยางโป “นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”

หยางโปพยักหน้าแล้วกล่าว “ผมไม่ค่อยรู้จักเครื่องเคลือบเกอเหยามากนัก ตอนนี้บอกได้เพียงว่ามันมีความเป็นไปได้มาก ผมยังต้องการเอามันกลับประเทศเพื่อเอาไปตรวจสอบ ถ้าหากว่าเป็นของแท้ มันก็จะมีมูลค่ามากอย่างแน่นอน “

หลิวหย่งมองหยางโปด้วยความอิจฉา เขารู้ดีว่าเฉพาะเครื่องเคลือบใบนี้ของหยางโปจะทำให้เขาสามารถมีเงินใช้ได้ทั้งชีวิต เขาหันไปมองด้านข้าง ทั้งมองหลิวเจียจวิ้นมองแล้วมองอีก “แล้วอีกสองอันล่ะ? ผมสามารถซื้อมันเป็นมรดกสืบทอดได้หรือเปล่า?”

 

หยางโปตกตะลึงเล็กน้อย สังเกตเห็นความอิจฉาตาร้อน ที่อยู่ภายในตัวของหลิวเจียจวิ้น “เครื่องเคลือบเกอเหยานี้เป็นของปลอมแน่นอน แต่มันก็น่าจะนานกว่าสิบปีแล้ว สำหรับเครื่องเคลือบเกอเหยารูปกลีบดอกทานตะวันเป็นการสร้างเลียนแบบสมัยจักรพรรดิคังซี พบว่าปรากฏการณ์ในสมัยราชวงศ์ หมิงและชิง เครื่องเคลือบเกอเหยาที่เลียนแบบการเผาของเตาเผากวานเหยา (เตาทางการที่ผลิตภาชนะสำหรับราชสำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือและซ่งใต้) ใบนี้ก็เป็นของแท้แน่นอน!”

หลิวหย่งกำลังจะพูด แต่หลิวเจียจวิ้นห้ามเขาเอาไว้ “ไม่ต้องแล้ว ในเมื่อฉันอยากจะเลิกเก็บสะสม พูดแล้วก็ต้องรักษาคำพูดเอาไว้ฉันไม่อยากซื้อมันแล้ว”

หลิวหย่งมองแล้วมองอีกด้วยความลังเล เห็นหลิวเจียจวิ้นยืนกรานแบบนี้ เขาก็เลยต้องยกเลิกความคิดที่จะพูดต่อ