ตอนที่ 372 ช่วยไว้

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 372 ช่วยไว้

“น้องหญิงระวัง”

อันหลิงเกอ ‘บังเอิญ’ เดินผ่านมาพอดีและเห็นน้องสาวผู้บอบบางกำลังจักล้มลง นางจึงรีบเข้าไปประคอง ทว่าก็แค่ประคองพอเป็นพิธีเท่านั้นเพราะมิคิดดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นจริง

“เจ้าอยากมาหัวเราะเยาะข้าใช่หรือไม่ ! ” อันหลิงอีที่ตอนนี้กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง นางรู้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับอันหลิงเกออย่างแน่นอนจึงสะบัดออกมือออกอย่างแรง

“โอ๊ย ! ”

แต่คนที่ยืนมิมั่นคงก็คืออันหลิงอีเสียเอง เมื่อนางออกแรงขัดขืนจึงล้มไปกองกับพื้นในสวนดอกไม้อย่างน่าอับอาย

เมื่อครู่พวกบ่าวเพิ่งมาใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ดอกไม้ ตอนนี้บนตัวของอันหลิงอีจึงเต็มไปด้วยกลิ่น ‘มิพึงประสงค์’

“มัวยืนตกตะลึงอันใดอยู่ ยังมิรีบมาประคองข้าลุกขึ้นอีก ! ”

ตอนแรกที่เห็นอันหลิงอีล้มลงไป เหล่าสาวใช้ก็ตกตะลึงเพราะเกรงว่าถ้อยคำเมื่อครู่ของพวกตนจักไปเข้าหูของอันหลิงอี

แต่ตอนนี้ต้องรีบเข้ามาประคองเสียก่อน ดังนั้นจึงทำให้ทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบสกปรก

“พี่หญิงใหญ่ ข้าเพิ่งกลับถึงจวนแต่ท่านก็มาทำกับข้าเช่นนี้หรือ ! ”

มิรู้ว่าอันหลิงอีเห็นอันใด อยู่ ๆ ก็ใช้มือที่เปื้อนคราบสกปรกเช็ดไปทั่วใบหน้าของตน จากนั้นก็แสร้งร้องห่มร้องไห้ออกมา

อันหลิงเกอมิต้องหันหลังไปมองก็รู้ว่าหากมิใช่ท่านพ่อก็ต้องเป็นท่านย่าแน่นอน

“นี่มันเกิดอันใดขึ้น ? ”

เสียงของท่านย่าดังขึ้นจากด้านหลัง อันหลิงเกอมิได้หันไปมองอย่างตื่นตระหนก ทว่านางค่อย ๆ เดินไปหาท่านย่าอย่างมั่นคง

“เรียนท่านย่า คือน้องหญิงสามมิได้กลับมาจวนเสียนาน แม้แต่ทางในจวนก็มิคุ้นเคยเสียแล้ว เมื่อครู่มิทราบว่านางตกใจอันใดถึงได้ล้มลงเช่นนี้…” น้ำเสียงของอันหลิงเกอแฝงไว้ด้วยการเย้ยหยันอันหลิงอีซึ่งผู้ใดก็ฟังออก แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็เช่นกัน

เพราะมองแล้วท่าทางเวลาหกล้มของอันหลิงอีก็น่าหัวเราะจริง ๆ

“ช่างเถิด รีบไปล้างเนื้อล้างตัว สภาพเจ้าดูมิได้เลย ! ”

อันหลิงอีคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจักมาช่วย แต่คาดมิถึงว่าจักเข้าข้างอันหลิงเกอถึงเพียงนี้ ดูเหมือนช่วงที่นางมิอยู่อำนาจคงไปอยู่ในมืออันหลิงเกอเสียแล้ว !

“ท่านแม่ ! ” หลี่ซื่อที่ทราบเรื่องจากสาวใช้ก็รีบมาที่นี่ทันที

เมื่อเห็นท่าทางน่าอับอายของอันหลิงอีก็อดยกมือปิดจมูกไว้มิได้

“พวกเจ้ายังมิรีบพาคุณหนูสามไปล้างเนื้อล้างตัวอีก ! ”

หากบุรุษอื่นมาเห็นสภาพเช่นนี้เข้า อย่าว่าแต่สมรสกับเจ้าโง่ของจวนอ๋องอี้เลย แม้แต่ขอทานตามถนนก็เกรงว่าจักมิชายตามองนางเช่นกัน

“มื้อค่ำวันนี้ เจ้าต้องแสดงต่อหน้าท่านพ่อให้ดี เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว ! ” หลี่ซื่อยังนึกถึงการแต่งงานที่น่าอัปยศนี้อยู่ มิว่าอย่างไรก็ปล่อยให้บุตรีแต่งงานกับเจ้าโง่นั่นมิได้ !

“ลูกทราบดีเจ้าค่ะ ! ” อันหลิงอีที่ตอนนี้ล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้วกำลังนั่งให้สาวใช้หวีผมก็กัดฟันกล่าวออกมา

นางจักปล่อยให้อันหลิงเกอได้ใจต่อไปมิได้ !

และนางมิมีทางแต่งกับเจ้าโง่นั่นเด็ดขาด !

“เจ้ามานี่ ! ” อันหลิงอีหันไปมองสาวใช้ที่หวีผมให้ตน แววตาแฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย

หลังจากฟังอันหลิงอีกล่าวจบ สาวใช้คนนั้นก็รีบคุกเข่าลงทันที “คุณหนูสาม บ่าวมิกล้า หากบ่าวกล่าวเช่นนั้นในห้องโถงต้องมิรอดแน่เจ้าค่ะ ! ”

“มิกล้าหรือ ? เช่นนั้นเจ้าก็ไปตายเดี๋ยวนี้ ! ”

หลี่ซื่อที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นบุตรีมิสามารถข่มอารมณ์ได้ก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วเดินเข้าไปประคองสาวใช้คนนั้นให้ลุกขึ้น

“เจ้าวางใจ เจ้าจักมิเป็นอันใดหรอก ขอเพียงเจ้าไปพูดที่ห้องโถงแล้วหลังจากนั้นข้าจักส่งเจ้าออกนอกจวนเอง”

เมื่อได้ยินถ้อยคำของหลี่ซื่อ สาวใช้คนนั้นก็เงยหน้าขึ้นราวกับตัดสินใจได้แล้วพยักหน้าเบา ๆ

“เจ้าค่ะ ! ”

“เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อน”

รอจนสาวใช้คนนั้นออกไปด้านนอกแล้วหลี่ซื่อจึงเข้าไปนั่งที่ด้านหลังของอันหลิงอีและหวีผมให้ด้วยตนเอง

“อีเอ๋อ เจ้าต้องรู้จักข่มอารมณ์ไว้”

“ตอนนี้ลูกยังเอาตัวมิรอด จักมีอารมณ์ที่ไหนไปสนใจสาวใช้เยี่ยงนางเจ้าคะ ! ” อันหลิงอีกล่าวออกมาอย่างดูแคลน

“แม่ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง เหตุใดต้องปกป้องนางจริงด้วยเล่า ? ”

หลี่ซื่อหัวเราะออกมาเบา ๆ สีหน้าเผยความชั่วร้ายอย่างชัดเจน

มินานมื้อค่ำก็จัดเตรียมเรียบร้อย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มิได้มีอันใดพิเศษเพื่อต้อนรับการกลับมาของอันหลิงอี

ขณะที่ทุกคนนั่งลงได้ครู่เดียว สาวใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากระซิบอันหลิงอีว่า “เรียนคุณหนูสาม วันนี้มีข่าวว่าอี้ซื่อจื่อคลุ้มคลั่งจนทุบม้าในเรือนตายไปตัวหนึ่งเจ้าค่ะ ! ”

แม้นาง ‘ตั้งใจ’ กระซิบ ทว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ได้ยินจนหมด

อันหลิงเกอที่กำลังหยิบตะเกียบถึงขั้นชะงักงัน นางรู้ดีว่านี่คือการปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา เนื่องจากแม้อี้หมิงเป็นคนโง่งม แต่เขามิได้ชอบใช้ความรุนแรงแล้วจักทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ?

ยิ่งพอเห็นแววตาที่สาวใช้คนนั้นส่งให้หลี่อี๋เหนียงแล้ว นางก็รู้ทันทีว่าคงเป็นแผนที่วางเอาไว้ของสองแม่ลูก

“ท่านพ่อเจ้าคะ ! ”

อันหลิงอีต้องใช้เรื่องนี้ในการร้องขอความเห็นใจเป็นแน่ นางคุกเข่าลงพื้น แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ

แต่ยังมิทันเอ่ยปากกล่าวสิ่งใดออกมา ฮูหยินผู้เฒ่าก็วางชามและตะเกียบลงพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “ลากนางคนปากมากนี้ออกไป ! ”

“นายหญิงหลี่ นายหญิงหลี่ช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ ! ” เมื่อสาวใช้คนนั้นตื่นตระหนกขึ้นมาย่อมต้องหันไปหาหลี่ซื่อทันที

ณ จุดนี้ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นแผนการที่หลี่ซื่อวางเอาไว้

“ท่านพ่อ ท่านย่า ! ” อันหลิงอียังแสดงต่อไป แต่เมื่อเห็นสาวใช้คนนั้นถูกลากออกไป ภายในใจก็อดหวาดกลัวมิได้

“หากจักให้อีเอ๋อแต่งกับคนเช่นนั้น ให้อีเอ๋อตายเสียยังดีกว่าเจ้าค่ะ ! ”

กล่าวจบนางก็คุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างเงียบ ๆ แล้วรอให้อันอิงเฉิงกับฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอันใดออกมา

แต่ทั้งสองคนมิกล่าวอันใดออกมา ตรงกันข้ามเป็นอันหลิงเกอที่หัวเราะเสียก่อน

“ท่านพ่อ ท่านย่าเจ้าคะ น้องหญิงสามคุกเข่าเช่นนี้แสดงว่ายังคิดมิตกเรื่องฆ่าตัวตายอีกดีหรือไม่ เช่นนั้นพวกเราให้เวลาน้องหญิงสามอีกหน่อยแล้วกันเจ้าค่ะ”

คำที่กล่าวออกมาของอันหลิงเกอทำให้ทุกคนฉุกคิดได้ว่าอันหลิงอีใช้เรื่องฆ่าตัวตายมาบีบพวกตนครั้งแล้วครั้งเล่า !

“เช่นนั้นเจ้าก็คุกเข่าต่อไป ! ” อันอิงเฉิงมองไปที่หลี่ซื่อครู่หนึ่ง ท่าทีแฝงไว้ด้วยความผิดหวังและเมื่อมองไปยังอันหลิงอีสีหน้าก็เต็มไปด้วยความเย็นชา

“ท่านพ่อเจ้าคะ ! ” สีหน้าของอันหลิงอีเคร่งขรึมทันที นางมองไปทางมารดาราวกับได้ตัดสินใจแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อภัยที่อีเอ๋ออกตัญญูด้วยเถิด ! ” กล่าวยังมิทันจบนางก็พุ่งตัวไปยังเสาที่อยู่ด้านข้างทันที

อันหลิงเกอรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องมาไม้นี้ นางจึงเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างอันหลิงอีกับเสาเอาไว้เพื่อให้ศีรษะนั้นพุ่งชนที่ท้องของตนแทน

“โอ๊ย ! ”

“โอ๊ย ! ”

เสียงร้องของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน ทว่าอันหลิงอีลงไปนอนหมดสติอยู่บนพื้น

เมื่อครู่ตอนที่นางพุ่งเข้าชนและทุกคนยังมิทันรู้ตัวว่าจักเกิดอันใดขึ้น อันหลิงเกอได้ยกมือขึ้นกดที่ลำคอของนางทำให้หมดสติไป

ส่วนอันหลิงเกอก็แสร้งทำทีว่าเจ็บปวดจากการโดนชนแล้วทรุดลงขดตัวอยู่ที่พื้นจนทุกคนที่เห็นอดสงสารมิได้