ตอนที่ 231 ราชันแห่งเสือดาวในป่าใหญ่ (3)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

ตอนที่ 231 ราชันแห่งเสือดาวในป่าใหญ่ (3)

 

 

เชือกบาศเหล่านั้นล้วนพันติดมือกลุ่มคนเสื้อเทา พวกเขาไม่ทันระวังจึงถูกกระชากจนลอยข้ามไปแล้วฟาดลงกับพื้น

 

 

เสียง โครม โครม ดังไปทั่ว เสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงม

 

 

คนเสื้อเทาที่ถูกฟาดกับพื้นพยายามลุกขึ้น แต่พบว่าตนเองเหมือนชิวเยี่ยไป๋…ติดแน่นแล้ว!

 

 

และแล้วพวกเขาก็กลายเป็นสะพานที่ติดกับพื้น ปลายของสะพานก็คือใต้เท้าของชิวเยี่ยไป๋ พวกเขาพากันตะลึง

 

 

ส่วนชิวเยี่ยไป๋เห็นผลงานของตนน่าพอใจ ก็ออกแรงสุดตัวอย่างไม่ลังเล ยกเท้าย่ำไปบน ‘สะพานมนุษย์’ ทันที ย่ำจนคนเหล่านั้นแผดร้องโหยหวน

 

 

“ใต้เท้า โปรดไว้ชีวิต!”

 

 

“เบาหน่อย เบาหน่อย!”

 

 

“พวกเราไม่กล้าอีกแล้ว!”

 

 

แม้ตอนแรกที่ย่ำเท้าจะมีของเหนียวติดไม่น้อยทำเอานางโซเซ แต่พอก้าวบน ‘สะพานมนุษย์’ สองก้าวก็มั่นคงขึ้นมาก นางเดินไปตลอดทางของเหนียวเหมือนกาวเหล่านั้นก็ถูกเช็ดหลุดติดตัว ‘สะพานมนุษย์’ จนหมด

 

 

เจ้าอ้วนพอเห็นนางจู่ๆ ก็กระชากคนล้มลงทำสะพาน พลันสยิวกายจะรีบหนี

 

 

แต่จนใจที่ชิวเยี่ยไป๋ไวเกินไป พริบตาเดียวก็ข้าม ‘สะพานมนุษย์’ จนเสร็จ และหลุดจากวงล้อมเห็นเจ้าอ้วน ‘ผู้บงการ’ จะหนีพอดี

 

 

นางหัวร่อเบาๆ กระชากเชือกบาศจากคนที่อยู่ข้างๆ โยนใส่คล้องเจ้าอ้วนไว้อย่างแม่นยำเหมือนคล้องหมู กระชากเบาๆ ดึงเข้าหาตัว

 

 

“ไอ้หยา!” เจ้าอ้วนล้มลงแทบเท้าชิวเยี่ยไป๋ ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ย่ำใส่ท้องเขาทันที ก้มตัวลงศอกชิดกับเข่า ข้อมือเกยกับคาง กล่าวกับเจ้าอ้วนอย่างเกียจคร้านว่า “เก่งนะ ไอ้พวกหยิบหย่ง ไม่เจอะกันพักเดียวฝีมือก้าวหน้าขนาดนี้ บังอาจมาเล่นกับใต้เท้าของพวกเจ้า จะกบฏหรืออย่างไร หา”

 

 

เจ้าอ้วนที่ถูกเหยียบรู้สึกอึดอัดแทบตาย รีบกอดรองเท้าของนางยิ้มอย่างประจบกล่าวว่า “ใต้เท้าช่างปรีชา มิใช่พวกเราอยากลอบจู่โจมใต้เท้า แต่เป็นใต้เท้าเจี่ยงสั่งให้ทำนะขอรับ!”

 

 

‘ต้าสู่’ ที่ไม่รู้ฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็รีบเข้ามา กุมหน้าที่โดนเตะวิงวอนอย่างคับข้องว่า “ใต้เท้าขอรับ พวกเรากินไม่อิ่มเลยสักมื้อมานานแล้ว เพียงแค่คิดจะหาข้าวกิน ใต้เท้าเจี่ยงบอกว่า วันนี้ใต้เท้าจะกลับมา ถ้าพวกเราจับใต้เท้าได้ คืนนี้จะให้พวกเรากินอย่างดี”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ฟังแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ที่แท้พวกเขาคือบรรดาคนหยิบหย่งในกองคั่นเฟิง แต่มองดูคราวนี้พบว่าแต่ละคนหน้าตาหิวโหย บนตัวยังมีกลิ่นพิกลราวกับผู้อพยพที่หนีออกมาจากภัยพิบัติ

 

 

แต่นางจำได้ว่าพักนี้ทุกอย่างราบรื่นดี ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลนี่นา มีภัยพิบัติที่ไหนกัน

 

 

นางพลันรู้สึกน่าขัน เจ้าเป๋าเป่าเล่นอะไรเนี่ย

 

 

“เจี่ยงอี้จ่างบอกหรือ”

 

 

ทุกคนผงกศีรษะพร้อมกัน แต่ละคนมองนางด้วยสีหน้าคับแค้นราวกับจะร่ำไห้

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า ยกเท้าออกจากท้องเจ้าอ้วน คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มมองดูเขาถอนใจอย่างโล่งอก แล้วเหลียวมองรอบๆ อีกที “เอาล่ะ พวกเจ้าแพ้แล้ว ไปจัดการตัวเองแล้วเก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อยเถิด”

 

 

พริบตานั้นพวกคนในกองคั่นเฟิงพากันน้ำตาไหล

 

 

เฮ้อ ดูท่าคืนนี้ต้องอดอีกแล้วสินะ

 

 

ใต้เท้าแกล้งทำเป็นเสียทีมิได้หรือ!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่สนใจสายตาวิงวอนของพวกเขา สะกิดปลายเท้าแล้วเดินขึ้นชั้นบน

 

 

นางเพิ่งเข้าใกล้หน้าต่าง ก็เห็นเด็กหญิงขายดอกไม้อมยิ้มมองดูนาง “คุณชายสี่ ท่านมาแล้วหรือ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ข้ามหน้าต่างเข้าไป เลิกคิ้วมองดูเด็กหญิง “เป๋าเป่า เจ้าไปทรมานพวกนั้นทำไม”

 

 

‘เด็กหญิง’ ได้ยินก็ยักไหล่อย่างเกียจคร้าน ขยับมือเท้ายืดเส้นยืดสาย เสียง กรอบแกรบ ดังขึ้น ตามท่าทางของนาง ตัว ‘นาง’ พลันยืดสูงขึ้นไม่น้อย สุดท้ายก็สูงกว่าชิวเยี่ยไป๋ถึงหนึ่งศีรษะจึงค่อยหยุดลง

 

 

“นั่นมิใช่เพื่อคุณชายสี่หรอกหรือ หรือว่าคุณชายสี่จะเลี้ยงพวกเฮงซวยตลอดไป” เป๋าเป่าร้องฮึเบาๆ น้ำเสียงกลับคืนสู่สภาพเดิมของเด็กหนุ่มเช่นยามปกติ

 

 

แต่ชิวเยี่ยไป๋รู้ว่านี่มิใช่เสียงดั้งเดิมของเขา แม้เป๋าเป่าจะชอบลักษณะเด็กหนุ่ม แต่วิชาย่อกระดูกและยืดกระดูกที่เขาฝึกมา สามารถปลอมตัวเป็นรูปร่างของเพศและวัยใดก็ได้

 

 

ฝีมือการปลอมแปลงโฉมที่ยอดเยี่ยมนี้ทำให้เขาแปลงโฉมเป็นใครก็ได้ หากมิใช่นางคุ้นเคยกับเอกลักษณ์ของเป๋าเป่าแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะจำได้

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นเสื้อผ้าเขาไม่มิดชิด จึงดึงเสื้อตัวหนึ่งจากราวแขวนเสื้อโยนให้เป๋าเป่า หัวร่อกล่าวว่า “เจ้ากำลังอวดผลงานการฝึกคนพวกนี้ตอนข้าไม่อยู่ใช่ไหมล่ะ แต่ทำไมปล่อยให้พวกเขาอดอยากขนาดนี้”

 

 

อดอยากจนพอพูดถึงของกินก็ตาลุกเช่นนี้ ทำให้นางนึกถึงหยวนเจ๋อ

 

 

เป๋าเป่ารับเสื้อไว้ชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง “ไม่ให้ไอ้พวกหยิบหย่งอดเสียบ้าง พวกมันจะยอมฝึกหรือ ไหนๆ พวกมันก็ไม่เคยลิ้มรสชาติความหิวโหยและความหนาวเหน็บอยู่แล้ว ข้าก็แค่ให้พวกมันได้สัมผัสกับชีวิตที่แท้จริงบ้างก็เท่านั้นเอง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูเป๋าเป่าที่ใบหน้าเหมือนเด็กหญิงกำลังชายตาให้ตน ก็รู้สึกผะอืดผะอมอย่างอดมิได้ “ใช่ๆ เจ้ารีบลบการแปลงโฉมเร็วเข้า”

 

 

เป๋าเป่าแลดูนางแวบหนึ่งแล้วหันกายนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างๆ บนโต๊ะนั่นมีข้าวของไม่น้อย เขาไม่นำพาที่ชิวเยี่ยไป๋อยู่ด้วย ลบยาปลอมแปลงโฉมต่อหน้าต่อตา

 

 

ครู่เดียวพอเขาหันมาอีกที ก็เป็นใบหน้าหล่อเหล่าของเด็กหนุ่มแล้ว

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กำลังคิดจะไปเอากางเกงให้เป๋าเป่า นึกไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าใบหน้าหล่อเหลานี้ดูแล้วออกจะคุ้นตา

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองใบหน้านั้นของเขา ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วน้อยๆ “เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนโฉมเป็นเช่นนี้”

 

 

เป๋าเป่าหยัดกายลุกขึ้นเดินมาหานางไปด้วย หัวร่อน้อยๆ ไปด้วย “ทำไม คุณชายสี่ไม่ชอบใบหน้านี้หรือ แม้เวลาจะกระชั้นชิดอย่างยิ่ง ไม่อาจทำให้เหมือนใบหน้านั้นอย่างสมบูรณ์ แต่ก็คล้ายคลึงอยู่ถึงหกเจ็ดส่วน”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองเขาเดินมาถึงตรงหน้าตน จนกระทั่งทั้งสองคนแทบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว เป๋าเป่าถึงยืนนิ่ง ทว่าใกล้กันเช่นนี้ คิ้วตาสวยสง่า ทรงจมูกได้รูป ริมฝีปากบางสด มองดูแล้วมีความรู้สึกคุ้นเคยชนิดหนึ่งแฝงอยู่