ภาค 3 บทที่ 74 ไม่ดี ไม่ได้

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 74 ไม่ดี ไม่ได้ โดย Ink Stone_Romance

ในห้องเงียบไปพักหนึ่ง

องค์หญิงจิ่วหลีมองลู่อวิ๋นฉี

“ใต้เท้าลู่ ท่านใยต้องทำเช่นนี้” นางเอ่ย

ลู่อวิ๋นฉีไม่เอ่ยคำ เพียงยืนนิ่งสงบร่างเหยียดตรง ในห้องกว้างขวางสว่างไสว เขาประหนึ่งอยู่ใต้เงาดำแถบหนึ่งที่ครอบทับ คนทั้งร่างมืดทึม

“ท่านก็หาได้ชอบนาง แค่เพราะนางคล้ายกับจิ่วหลิงจึงจะทำลายนาง นางผิดอะไร คุณชายตระกูลหนิงผิดอะไร” องค์หญิงจิ่วหลีเอ่ย “จิ่วหลิงอีกผิดอะไร”

ลู่อวิ๋นฉียังคงไม่พูดจา

“คนที่ยินดีเหล่านั้นก็ช่างเถิด นางไม่ยินยอม ทั้งยังมีชีวิตของตนเอง แม่นางที่ดีคนหนึ่งเช่นนี้” องค์หญิงจิ่วหลีเอ่ย “คล้ายกับจิ่วหลิงอยู่บ้าง มองดูนางมีชีวิตเป็นสุข อยู่อย่างมีความสุขไม่ดีหรือ”

“ไม่ดี” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย

องค์หญิงจิ่วหลีมองเขาสีหน้าอับจนหนทาง

“คุณชายหนิงเป็นตระกูลหนิงแห่งเป่ยหลิว ทั้งยังเป็นจอหงวนคนใหม่” นางเอ่ย

“ฝ่าบาทขาดเขาคนหนึ่งก็ไม่เป็นไร” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย

ขุนนางคนหนึ่งไม่อยู่แล้วยังมีอีกคนหนึ่ง คนที่รอจะนั่งตำแหน่งนี้มากมายนัก แต่ลู่อวิ๋นฉีกดาบเล่มนี้ไม่อาจขาดได้

อย่างน้อยตอนนี้ฮ่องเต้ก็ยังขาดไม่ได้

“คุณหนูจวินช่วยโลกช่วยชาวประชา คุณงามความดีเหลือประมาณ” องค์หญิงจิ่วหลีเอ่ย

“ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย “เกี่ยวอันใดกับฝ่าบาท”

คนผู้นี้บ้าไปแล้วจริงๆ ไม่มีความเป็นมนุษย์สักนิดแล้ว

สีหน้าที่อ่อนโยนมาตลอดขององค์หญิงจิ่วหลียากจะปิดบังความโกรธแค้นอยู่บ้าง

“ใต้เท้าลู่ ทำเช่นนี้มีสิ่งใดดีกับท่าน? ก่อเรื่องที่ฟ้าพิโรธคนโกรธแค้นเช่นนี้ แค่ได้คนผู้นี้ ท่านก็สมปรารถนาแล้วหรือ?” นางเอ่ย

ลู่อวิ๋นฉีมองนาง

“องค์หญิง ท่านไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน” เขาเอ่ย “ท่านชอบนางปานนี้ ไม่อยากมองเห็นนาง เฝ้าปกป้องนางทุกวันหรือ?”

“ข้าไม่อยาก และข้าก็ไม่ได้ชอบนาง นางหาใช่จิ่วหลิง จิ่วหลิงตายไปแล้ว” องค์หญิงจิ่วหลีเอ่ย มองลู่อวิ๋นฉี “ท่านอย่าก่อเรื่องอีกเลย”

ลู่อวิ๋นฉียิ้ม

“นางชอบเหมือนจิ่วหลิงปานนี้ นางก็ควรใช้ชีวิตเช่นจิ่วหลิง หากนางไม่ยินยอม…” เขาเอ่ย สีหน้านิ่งสนิท “จิ่วหลิงตายแล้ว นางทำไมยังจะมีชีวิตอยู่”

พูดจบหมุนตัวจากไป

“ท่าน” องค์หญิงจิ่วหลีเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน ก้าวก้าวหนึ่งไปข้างหน้า แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ขวางไว้

องค์หญิงจิ่วหลียืนนิ่งมองลู่อวิ๋นฉีก้าวยาวจากไปอย่างอับจนปัญญา แล้วจึงเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ถูกล้อมไว้สี่มุมนี้

ก็ขวางไม่ได้ล่ะนะ

นางอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่บนโลกนี้คนเท่าไรก็ก็ล้วนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นกัน

“คุณชายหนิงหล่อเหลาจริงๆ!”

หลิ่วเอ๋อร์กลับมาถึงโรงหมอจิ่วหลิง สีหน้ายังคงตื่นเต้น ดีอกดีใจเอ่ย

“คุณชายหนิงหล่อเหลาที่สุด”

ฟางจิ่นซิ่วส่งเสียงเหอะเหอะสองที กลอกตามองบน

“คำพูดนี้ไม่ได้ยินมานานนักจริงๆ” นางเอ่ย

คำพูดนี้เพียงไม่ได้ยินมานานนักเท่านั้น ไม่ใช่ไม่เคยได้ยิน

ตอนแรกที่คุณหนูจวินพาหลิ่วเอ๋อร์มาหยางเฉิง เห็นคุณชายหนิงในเทศกาลโคมไฟ หลิ่วเอ๋อร์ก็พูดคำนี้ออกจากปากอยู่ทุกวัน ไม่เพียงแค่หลิ่วเอ๋อร์ จวินเจินเจินก็ด้วย

หลังจากถอนหมั้น ถึงไม่เคยได้ยินสองนายบ่าวพูดคำนี้อีก

เวลานี้ได้ยินปุบไม่แน่ใจอยู่บ้าง

“คุณชายหนิงเป็นลูกเขยของตระกูลเราแล้ว” หลิ่วเอ๋อร์กระหยิ่มยิ้มย่องเอ่ย

“มีอะไรแปลก ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ไม่เคยมีลูกเขย” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย

ลูกเขยคนนั้นก่อนหน้านี้…ฟางเฉิงอวี่

จะเทียบกับคุณชายหนิงได้อย่างไร

หลิ่วเอ๋อร์แค้นเสียงเหอะ

“นั่นเป็นเรื่องหลอก” นางเอ่ย

ฟางจิ่นซิ่วส่งเสียงเหอะเหอะสองที นี่ก็เป็นเรื่องหลอกเหมือนกัน

เพียงแค่เรื่องนี้ไม่มีสักกี่คนรู้ เหมือนกับตอนแรกที่แต่งงานกับฟางเฉิงอวี่เช่นนั้น

คิดถึงตรงนี้ฟางจิ่นซิ่วก็หุบยิ้มไปบ้างอีกครั้ง

นางมองคุณหนูจวินที่ถูกหลิ่วเอ๋อร์เจื้อยแจ้วหัวเราะวนล้อม แต่งงานปลอมๆ อีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ถอนสัญญาหมั้น เรื่องแต่งงานนี่กลับมากขึ้นเสียอย่างนั้น

ไม่รู้ครั้งต่อไปจะเป็นกับใครอีก

เมื่อราตรีโปรยปราย หนิงอวิ๋นเจาก็พาเสี่ยวติงมา

“ยินดีกับท่านจอหงวน” เฉินชียิ้มคำนับ “กลับมาจากงานเลี้ยงที่ฉยงหลิน”

หนิงอวิ๋นเจายิ้มพยักหน้า มองไปด้านในห้อง คุณหนูจวินได้ยินเดินออกมา

“เพิ่งเลิกหรือ?” นางเลิกม่านเดินเข้ามา พลางเอ่ยถาม

นี่เหมือนประหนึ่งภรรยามองเห็นสามีกลับบ้านถามไถ่ ผ่อนคลายเป็นกันเองสบายๆ

หนิงอวิ๋นเจายิ้มพยักหน้า

“ตอนบ่ายก็แยกย้ายแล้ว เขียนบทความหลายบท บรรดาสหายทำความรู้จักกัน ทานเสร็จฝ่าบาทพระราชทานรางวัล งานเลี้ยงก็จบแล้ว” เขาเอ่ย

“ท่านเขย” หลิ่วเอ๋อร์กระโดดออกมาจากด้านข้าง ยกถ้วยชาใบหนึ่ง ยิ้มตาหยีประคองส่งให้ “ดื่มชาแก้สุรา”

หนิงอวิ๋นเขายิ้มรับไป

“ท่านเขยรีบนั่ง”

“ท่านเขยจะทานอาหารไหมเจ้าคะ?”

“ข้าไปเพิ่มอาหารสักหลายอย่าง”

“แม่เฒ่าจาง แม่เฒ่าจาง…”

ด้านในโรงหมอจิ่วหลิงเสียงของหลิ่วเอ๋อร์ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เฮ้อ ช่าง…ฟางจิ่นซิ่วกลอกตามองบน ทนมองตรงๆ ไม่ได้

“ครั้งนี้ข้าไม่ทานแล้ว” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย “ในบ้านยังมีสหายอีกหลายคน”

นับว่าเจ้าก็ยังรู้จักสมควรอยู่บ้าง

ฟางจิ่นซิ่วคิดในใจ พาหลิ่วเอ๋อร์กับเฉินชีถอยออกมา

“นั่ง” คุณหนูจวินเอ่ย ตนเองนั่งลงก่อน

หนิงอวิ๋นเจานั่งลงตามคำบอก

“วันพรุ่งนี้ข้ากับท่านอาจะกลับหยางเฉิง” เขาไม่อ้อมค้อมเอ่ยปากเข้าประเด็น “อยากถามเจ้าว่าจะกลับไปด้วยกันหรือไม่?”

กลับหยางเฉิงหรือ

มองเห็นความลังเลของคุณหนูจวิน หนิงอวิ๋นเจาก็ยิ้มอีกครั้ง

“แน่นอน หลังกลับไปคงมีเรื่องวุ่นวายอีก” เขายิ้ม

ถึงขนาดอาจวุ่นวายยิ่งกว่าเมืองหลวง ต้องรู้ว่าที่หยางเฉิงความขัดแย้งระหว่างพวกเขาทุกคนล้วนรู้ วันนี้ข่าวนี้ต้องเหนือความคาดคิดของทุกคนเป็นแน่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหนิงฝั่งนี้

หลังกลับไปเกรงว่าคงวุ่นวายไม่น้อย

“แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนมอบให้ข้าจัดการ” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย “อย่างไรเรื่องราวก็เป็นข้ากระทำ”

คุณหนูจวินยิ้ม

“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้” นางยิ้ม “ตอนนี้ข้ายังไม่คิดออกจากเมืองหลวง หากไม่ใช่เพื่อรั้งอยู่ที่เมืองหลวง ก็คงไม่รอจนกระทั่งเจ้าออกหน้าช่วยเหลือ”

เผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้งของลู่อวิ๋นฉี นางไม่จากไปก็โวยวายต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ได้ แต่นางกลับไม่ได้ทำเช่นนี้ ใช้ชื่อเสียงของตนเองต่อต้าน เห็นชัดว่าตัดใจไปจากเมืองหลวงไม่ได้

หนิงอวิ๋นเจาพยักหน้า

“ไม่ผิด ความสำเร็จที่ตนเองทุ่มใจทุ่มกายทำออกมาย่อมไม่อาจประเคนมอบให้ผู้อื่นง่ายๆ” เขาเอ่ย

“เจ้าวางใจ มีท่านจอหงวนเป็นยันต์คุ้มกาย อย่างน้อยก็ไม่มีใครกล้ารบกวนข้า” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย

“หวังว่าชื่อของข้าจะยังมีประโยชน์อยู่บ้าง” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย แล้วเก็บสีหน้าอีกครั้ง “แต่หัวหน้ากองพันลู่คนเช่นนี้ประหนึ่งคนบ้า ไม่อาจทำเหมือนเขาเป็นคนปกติได้”

คุณหนูจวินพยักหน้า

“แน่นอนมีประโยชน์ ถูกคนเกาะแกะอีกข้าก็ไม่ผิดแล้ว พวกเขาจะแบกชื่อเสียงเลวร้าย ถูกคนดูหมิ่น” นางยิ้มเอ่ยแล้วพยักหน้าอีกครั้ง “ข้าจะระวัง พวกเจ้าก็เดินทางปลอดภัย”

หนิงอวิ๋นเจายิ้มลุกขึ้น

“ขอตัว” เขาประสานมือฉับไวหมุนตัวก้าวเท้าจากไปแล้ว

คุณหนูจวินออกไปส่งด้วยตนเอง ยืนอยู่ที่ปากประตูมองส่งเขา รอจนมองไม่เห็นเงาคนแล้วถึงจะหมุนตัวกลับ ด้านข้างกลับมีรถม้าคันหนึ่งจอด หญิงรับใช้คนหนึ่งลงมา

“คุณหนูจวิน” นางคำนับสีหน้าวิตกอยู่บ้าง “นายท่านของตระกูลข้าล้มป่วย ปรึกษาหมอหลายคนล้วนบอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว ไม่ทราบคุณหนูจวินยังออกตรวจหรือไม่?”

ออกตรวจหรือ ตั้งแต่เริ่มยุ่งกับฝีดาษก็ไม่ได้ออกตรวจรักษาโรคสามเดือนแล้ว

คุณหนูจวินมองป้ายโรงหมอ

โรงหมอจิ่วหลิงเป็นโรงหมอ โรงหมอย่อมต้องออกตรวจ

“ได้ ข้าไปลองดูหน่อย” นางยิ้มพยักหน้าเอ่ย

……………………………………….