ตอนที่ 112
ผู้ฝึกอสูร
วูม…. ร่างของวิหคเพลิงจูเชวี่ยและมังกรฟ้าชิงหลงทะยานผ่านชั้นอากาศอย่างรวดเร็วจนความเร็วที่พวกกหลินหลินกับหงเยว่ใช้เดินทางดูช้าไปเลย อสูรบินนับเป็นทางเลือกในการเดินทางที่ดีเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงจะใช้ความเร็วขนาดนี้ก็ยังต้องใช้เวลากว่าเดือนเพื่อจะไปให้ถึงเมืองลับตะวันซึ่งอยู่ทางตะวันตกสุดเขตของอาณาจักร
“วันนี้เราพักผ่อนที่เมืองหน้าก่อน ตะวันใกล้จะตกดินแล้ว”หวงหลงว่าพลางมองไปที่ขอบฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีส้มแล้ว
“หัวหน้า ข้ายังไหว เดินทางแบบนี้ต่อไปอีกวันเลยก็ยังได้นะเจ้าคะ”จูเชวี่ยว่าพลางเพิ่มความเร็วเข้าไปอีก
“หัวหน้าสั่งแล้ว อย่าขัดขืนเลยจูเชวี่ย”ชิงหลงว่าพลางฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาวของมัน
“วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะเป็นคนพาคุณชายไป๋บินเอง”ชิงหลงหัวเราะพลางมุ่งไปยังเมืองข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงแต่พอเริ่มเข้าใกล้เหล่าอสูรและตัวไป๋จูเหวินกับอาวุโส 7 กลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นไออสูรที่อยู่ภายในเมืองด้านหน้า
“อสูร…จำนวนมากขนาดนี้มันอะไรกัน”อาวุโส 7 ถามพลางมองไปในเมือง หากเป็นเขตอสูร จำนวนของอสูรขนาดนี้นับว่าไม่ผิดปกติอแต่อย่างไร เพียงแต่ตรงหน้ามันเป็นเมืองที่มนุษย์อาศัยอยู่นี่สิ
“อสูรจำนวนมาก…”หวงหลงพึมพำพลางมองไปยังเมืองตรงหน้า เพราะสัมผัสพลังอสูรของมันหายไปแล้ว มันจึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าในเมืองมีอสูรมากหรือน้อย
“ท่าทางจะเป็นกลุ่มผู้ฝึกอสูร”ได้ยินคำตอบจากปากของหวงหลง อาวุโส 7 ก็มีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในทันที
“งั้นเราไปเมืองอื่นกันไหมหัวหน้า”อาวุโส 7 ถามเสียงเบา
“ไม่จำเป็น พวกเรามาใกล้มันขนาดนี้คงรู้ตัวแล้ว”หวงหลงว่าพลางยืนยันที่จะเข้าไปในเมืองตรงหน้า
“ช่วยไม่ได้นะ”อาวุโส 7 ถอนหายใจพลางมองเมืองที่กำลังใกล้เข้ามา หากเดาจากจำนวนอสูรที่อยู่เต็มเมือง กลุ่มผู้ฝึกอสูรคงพาคนมามากมายเลยทีเดียว เพราะนอกจากหัวหน้ากลุ่มแล้วกลุ่มผู้ฝึกอสูรยังมีรองหัวหน้า 2 คนและอาวุโสอีก 1 คนที่บรรลุระดับเทียนเซียนแล้ว ในเรื่องของกำลังรบนับว่าเหนือกว่ากลุ่มนักล่าอสูรอยู่บ้าง แต่ในเรื่องอิทธิพลกลุ่มนักล่าอสูรกลับเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติดเพราะพวกมันรับงานล่าอสูรของเมืองต่างๆ ไม่เหมือนกลุ่มผู้ฝึกอสูรที่นานๆจะรับงานครั้งหนึ่ง
ตุบ… ทันทีที่ร่างของชิงหลงและจูเชวี่ยร่อนลงพื้น ร่างของคนในชุดสีขาวจำนวนหนึ่งก็เข้ามาล้อมพวกหวงหลงเอาไว้ทันที
“บังเอิญจริงๆท่านหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรที่ได้มาเจอกันที่นี่”ชายในชุดสีขาวคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับพลางยิ้มกว้างด้วยสีหน้าไม่จริงใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้พวกเลือดเย็น”
“มันมาทำอะไรที่นี่กัน”
“พาอสูรเลี้ยงหลบไปก่อน” เสียงของเหล่าผู้ฝฝึกอสูรดังขึ้นรอบๆตัวของพวกไป๋จูเหวิน พร้อมสายตารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนความสัมพันธ์ของหลุ่มนักล่าอสูรกับกลุ่มผู้ฝึกอสูรจะไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ ส่วนเหตุผลนั้นก็แทบจะไม่ต้องเดาเลย พวกมันคงไม่ชื่นชอบเรื่องการฆ่าอสูรเสียเท่าไหร่ แต่ถึงขั้นนำอสูรของตนเองไปหลบก็ออกจะเกินไปหน่อย หรือพวกมันจะคิดว่าหน่วยนักล่าอสูรจะต้องฆ่าอสูรทุกตนที่เจอกัน?
“หัวหน้าของเจ้าไม่มางั้นหรือ”หวงหลงถามพลางเดินไปหาชายหนุ่มชุดขาวด้วยท่าทีสบายๆ พริบตานั้นพลังเซียนของทั้งสองก็ปะทะกันอย่างดุดันราวกับจะไม่ยอมให้ทั้งสองเข้าใกล้กันมากกว่านี้
“ท่านหัวหน้าพักอยู่ที่จวนเจ้าเมืองขอรับ”ชายหนุ่มตรงหน้าว่าพลางลดพลังเซียนลง ถึงอย่างไรหวงหลงก็เป็นหัวหน้ากลุ่มของหน่วยนักล่าอสูร มันต้องมีความเกรงใจบ้าง
“งั้นเหรอ ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องไปทักทายท่านเสียหน่อย”หวงหลงว่าพลางเดินผ่านชายหนุ่มไป
“เจ้าคิดว่าหัวหน้าจพอยากเจอคนแบบเจ้างั้นหรือ”ชายหนุ่มว่าพลางมองหวงหลงด้วยหางตา
“เจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ฝึกอสูรหรืออย่างไรถึงมาตัดสินแทนว่าหัวหน้าถังอยากเจอข้าหรือไม่”หวงหลงว่าพลางปล่อยพลังเซียนออกไปอีกครั้ง แม้ทั้งคู่จะอยู่ระดับ เทียนเซียน ขั้นที่ 1 เช่นกัน แต่พลังของหวงหลงกลับแข็งแกร่งและเข้มข้นกว่ากันมาก
“หัวหน้ารอข้าด้วย”อาวุโส 7 ว่าพลางเดินตามหวงหลงไป ทำให้ไป๋จูเหวินและพวกอสูรต่างพากันเดินตามหวงหลงไปอย่างช่วยไม่ได้
เหล่าคนชุดขาวของกลุ่มผู้ฝึกอสูรมีท่าทีไม่พอใจนักที่มีกลุ่มนักล่าอสูรอยู่ที่นี่ แต่พวกมันก็ไม่ได้มีพลังอสูรในร่างเหมือนพวกไป๋จูเหวินทำให้ไม่สามารถแยะแยะได้ว่าพวกหลินหลินและพวกจูเชวี่ยเป็นอสูร
หลังจากเดินเท้ามาได้ไม่นาน หวงหลงก็พาไป๋จูเหวินเข้าไปในจสนเจ้าเมืองอย่างง่ายดายราวกับตนมีบัตรผ่านอยู่แล้ว ทั้งนี้เพราะหวงหลงนั้นไม่ต่างอะไรกับเจ้านครที่ปกครองเมืองน้อยใหญ่ในเขตนครร้อยแปดอสูร เมื่อมาขอพบเจ้าเมืองๆหนึ่งในเขตแดนใกล้เคียงศักดิ์ของหวงหลงย่อมเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านเจ้าเมือง หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรหวงหลงมาขอเข้าพบขอรับ” ทันทีที่หวงหลงบอกลูกน้องของเจ้าเมือง มันก็รีบตะเกียดตะกายไปรายงานเจ้าเมืองทันที แต่ยังไม่ทันได้รับคำตอบรับจากเจ้าเมือง หวงหลงก็เปิดประตูเข้าไปเสียแล้ว
“ทะ ท่านหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านเดินทางมาพบขอรับ”เจ้าเมืองว่าพลางประสานมือเดินมาต้อนรับราวกับมันเป็นเถ้าแก่ของเหลาอาหารที่รีบมาต้อนรับคนใหญ่คนโต
“ไม่ได้พบกันนานนะหวงหลง”หวงหลงไม่ได้สนใจเสียงของเจ้าเมืองนัก มันเพียงหันไปมองชายหนุ่มผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ภายในห้องของเจ้าเมือง พลางเดินผ่านเจ้าเมืองผู้น่าสงสารไปหาชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“พี่ถัง ท่านสบายดีหรือ”หวงหลงถามพลางนั่งลงฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทีสบายๆต่างจากตอนพบเจอกับลูกน้องของชายผู้นี้ลิบลับ
“แน่นอน ข้าสบายดี ได้ข่าวว่าเจ้าพึ่งบรรลุระดับเทียนเซียน น่าเสียดายที่ข้ายังไม่ทันไปร่วมยินดีเลย”ชายที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ฝึกอสูรว่าพลางรินชาใส่ถ้วย ก่อนจะยื่นมันมาให้หวงหลง
“ข้าทราบดีว่าท่านยุ่งแค่ไหน แถมเมืองของท่านยังอยู่สุดขอบตะวันออกอีกต่างหาก จะมาหาเราทางใต้ก็คงลำบาก”หวงหลงว่าพลางรับถ้วยชามาอย่างเรียบเฉย พวกมัน 2 คนพูดคุยกันถูกเป็นมิตรกว่าที่ไป๋จูเหวินคาดเดามาก นึกว่าหวงหลงจะเข้าไปหาเรื่องเสียแล้ว
“หัวหน้าถัง ท่านช่วยทำอะไรกับลูกน้องของท่านบ้างสิ ข้าเบื่อเวลาพวกมันนินทาข้าเต็มทีแล้ว”อาวุโส 7 ว่าพลางเดินไปนั่งข้างๆหวงหลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่อาวุโส 7 ก็ไม่มีท่าทีจะเกรงกลัวหัวหน้าถังเลย
“ช่วยไม่ได้นี่นา ชื่อเสียงของพวกเจ้ามันเป็นแบบนั้นเอง”หัวหน้าถังว่าพลางหัวเราะออกมา
“หัวหน้าถังเป็นสหายเก่าของท่านหัวหน้าหวงหลงเจ้าค่ะ ท่านเป็นเหมือนพี่ชายของท่านหวงหลงเลยก็ว่าได้”หงเยว่เห็นไป๋จูเหวินยืนงงอยู่ที่หน้าประตูเลยอธิบายให้ฟัง
“ที่เจ้ามาเมืองทางตะวันตกนี้ได้ แสดงว่าเจ้าเองก็ได้รับบัตรเชิญสินะ”หัวหน้าถังว่าพลางหยิบบัตรเชิญสีทองขึ้นมา
“ใช่ ข้าเองก็ได้รับเชิญเช่นกัน”หวงหลงตอบพลางนพบัตรเชิญสีทองออกมา
“เจ้าเองก็แบกภาระหนักไม่ใช่น้อย การกู้ชื่อเสียงของท่านน้านับว่าเป็นงานหนักทีเดียว”หัวหน้าถังว่าพลางมองหวงหลงด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ ตัวมันเคยอยู่สมัยที่บิกาของหวงหลงเรืองอำนาจ ยามนั้นกลุ่มนักล่าอสูรยิ่งใหญ่อย่างมากจนมันเองยังอิจฉา แม้ตอนนี้ตัวมันจะอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 เช่นเดียวกับบิดาของหวงหลงที่จากไปแล้ว แต่อำนาจและความยิ่งใหญ่ของมันก็ยังไม่ได้ 1 ใน 10 ของท่านเลย
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล ข้าพยายามเต็มที่เสมออยู่แล้ว”หวงหลงตอบพลางจิบชาอย่างสบายใจ แม้งานกู้ชื่อเสียงของกลุ่มนักล่าอสูรจะเป็นเรื่องยาก แต่ตัวมันไม่สามารถยอมแพ้ได้
“เจ้าบรรลุรดับเทียนเซียนเร็วกว่าข้าเสียอีก ไม่นานเจ้าก็คงเก่งกว่าข้าแล้ว”หัวหน้าถังว่าพลางยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น ด้วยเคล็ดวิชาที่บิดาของหวงหลงทิ้งไว้ให้ มันต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้อย่างแน่นอน
“แถมเจ้าเองก็มีผู้สืบทอดที่ไม่เลวทีเดียว”หัวหน้าถังว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน งานคราวนี้มีการประลองผู้เยาว์ การที่หวงหลงพาเด็กผู้นี้มาย่อมหมายความว่ามันฝากอนาคตของกลุ่มนักล่าอสูรเอาไว้กับชายหนุ่มผู้นี้ไม่น้อย แม้พลังวิญญาณจะไม่ได้โดดเด่นนัก แต่หัวหน้าถังทราบดีว่ากลุ่มนักล่าอสูรมีพลังอสูรคอยช่วยเหลือยามต่อสู้ จะวัดความสามารถของหน่วยนักล่าอสูรด้วยระดับพลังวิญญาณอย่างเดียวไม่ได้
“จริงสิ แล้วพี่ถังพาใครมาร่วมประลองล่ะ”หวงหลงถามพลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย เพราะในห้องมีแต่ตัวหัวหน้าถังคนเดียวเท่านั้น
“ท่านพ่อ ทำไมท่านดื่มชานานนักล่ะ” หัวหน้าถังยังไม่ทันพูดอะไร ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ฝึกอสูรคนอื่นๆ เพียงแต่นางกลับดูงดงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ถังซิน มาทักทายน้าหวงหลงสิ”หัวหน้าถังว่าพลางบอกให้บุตรสาวมานั่งข้างๆตน
“…..”ถังซินอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆหัวหน้าถังตามที่บอก นางดูเรียบร้อยและอ่อนหวาน แต่ดวงตาของนางกลับมีความรู้สึกเกรียดชังอย่างชัดเจน แม้จะยกมือประสานให้กับหวงหลง แต่ดวงตากลับไม่แม้แต่จะมองมาทางมัน ท่าทางนางเองก็ไม่ชอบกลุ่มนักล่าอสูรเสียเท่าไหร่