บทที่ 1271+1272

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1271+1272 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1271 ออกหน้าให้เธอ

ยังคงนั่งรถเข็นคันนั้นของเขาเช่นเดิม ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งเข็นเขาอยู่

สำหรับคนที่สงสัยว่าอาจจะเป็นพี่ชายกู้ซีจิ่วยังคงเกรงอกเกรงใจนัก ถามว่าเขามีธุระสำคัญอันใด คิดจะเชิญเขาเข้าบ้าน

คาดไม่ถึงว่าหลัวจั่นอวี่จะมองเธอครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ลงมือต่อเธอ!

กู้ซีจิ่วที่ไม่ได้ระแวดระวังตกตะลึง “เดี๋ยว ท่าน…”

ประโยคหลังเธอไม่ได้พูดออกมา เนื่องจากหลัวจั่นอวี่โจมตีเข้ามาปานพายุบุแคม!

สองขาของหลัวจั่นอวี่ใช้การไม่ได้ แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการสำแดงกระบวนท่าของเขา รุกคืบปานอัสนีตั้งรับอย่างพิโรธโกรธา เมื่อหยุดยั้งดั่งธารสมุทรเรียบนิ่งก่นแสงพราวระยับ เรือนกายไหวพลิ้วดั่งผีเสื้อกระพือปีก ฝ่ามือทรงอานุภาพ หมุนวนรอกายกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วไม่ทันได้ถามเขาว่าเพราะอะไร หลัวจั่นอวี่มีพลังวิญญาณขั้นเก้า แถมเขายังโจมตีด้วยด้วยกำลังทั้งหมด รุกเข้าโจมตีอย่างดุเดือด บีบให้กู้ซีจิ่วทำได้โต้กลับอย่างเต็มกำลัง

ผ่านไปสักพัก หน้ากระท่อมของกู้ซีจิ่วก็มีสายลมโหมกรรโชก ฝุ่นทรายปลิวว่อน

เสียงต่อสู้ของพวกเขาดังสนั่น ย่อมทำให้คนอื่นๆ ในหมู่บ้านตกใจ ฝูงชนพากันล้อมวงเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ผู้ใดก็ไม่ทราบชัดเจนว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น ยิ่งไม่ทราบด้วยว่าสรุปแล้วกู้ซีจิ่วก่อเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้หลัวจั่นอวี่ที่มีอัธยาศัยไมตรีกับผู้อื่นเสมอมาต้องลงมือจัดการ

หลัวจั่นอวี่มีพลังวิญญาณขั้นเก้า กู้ซีจิ่วมีพลังวิญญาณขั้นแปด ว่ากันตามเหตุผล พลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วอ่อนด้อยกว่าวรยุทธ์สู้หลัวจั่นอวี่ไม่ได้ สมควรจะพ่ายแพ้ในไม่ช้า

แต่ทั้งสองต่อสู้พัวพันกันเกือบหนึ่งร้อยกระบวนท่าแล้ว ทว่ายังคงยากจะตัดสินแพ้ชนะได้อยู่เช่นเดิม

วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วพิสดารเกินไปแล้ว! ผนวกกับกระบวนท่าบางอย่างของเธอทำให้เกิดเอกลักษณ์ที่ไม่เป็นไปตามเหตุผลขึ้น แปลกประหลาดนัก เมื่อสำแดงออกมา มักจะโจมตีจากมุมที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ เกิดภาพติดตาของเธออยู่แทบทุกที่ ทำให้หลัวจั่นอวี่ค่อนข้างตึงมืออยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงต่อสู้กันมากมายหลายกระบวนท่าอย่างสูสีกันได้

ผู้คนที่นี่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้กันแทบทุกท่าน มีสายตาเฉียบคม ใครจะเป็นผู้ที่เหลือรอดพวกเขายังคงตัดสินแยกแยะได้

และจนกระทั่งยามนี้พวกเขาถึงได้มองเห็นฝีมือที่แท้จริงของกู้ซีจิ่ว ทำได้เพียงมองอย่างตื่นตาตื่นใจ!

การแสดงฝีมือของกู้ซีจิ่วยามที่ติดตามกลุ่มเก็บเกี่ยวขึ้นไปบนต้นไม้คนอื่นแค่ได้ยินมา อีกอย่างตอนที่กู้ซีจิ่วรับมือกับลิงบาบูนเหล่านั้น เป็นการสังหารในกระบวนท่าเดียวทั้งสิ้น เรือนกายของเธอว่องไวปานสายฟ้า ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยเห็นเธอลงมือชัดๆ เลย เธอก็ปิดฉากการต่อสู้แล้ว ด้วยเหตุนี้ยามที่คนเหล่านั้นลงมาป่าวประกาศถึงวรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วไปทั่ว จึงกล่าวเพียงว่าวรยุทธ์ของเธอร้ายกาจมาก แต่กลับบอกไม่ได้ว่าเธอร้ายกาจที่ตรงไหน

ดังนั้นสำหรับสิ่งที่เรียกว่าฝีมือของกู้ซีจิ่วผู้คนที่อยู่ด้านล่างยังคงรู้สึกว่าเป็นแค่ราคาคุย คนมากมายคิดว่าคนในกลุ่มเก็บเกี่ยวเหล่านั้นเห็นแก่ความเป็นเด็กสาวของกู้ซีจิ่ว จึงนำฝีมือที่มีเพียงหนึ่งส่วนของเธอมาขยายเป็นสิบส่วน พูดเกินจริงยิ่งนัก

ผนวกกับข่าวลือพวกนั้น ผู้คนจึงยิ่งแคลงใจว่ากู้ซีจิ่วจะพึ่งพาหัวหน้ากลุ่มเก็บเกี่ยวเพื่อเอาหน้าดังนั้นถ้อยคำที่นินทากันเป็นการภายในจึงค่อนข้างรับไม่ได้ยิ่งนัก…

แต่หนนี้หลัวจั่นอวี่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็ลงมือกับกู้ซีจิ่วทันที ในที่สุดฝูงชนก็ได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของกู้ซีจิ่วแล้ว ถึงได้ทราบว่าสิ่งที่คนในกลุ่มเก็บเกี่ยวเหล่านั้นพูดเป็นความจริง ฝีมือของแม่นางผู้นี้ช่างร้ายกาจโดยแท้!

วรยุทธ์ของนางไม่ด้อยไปกว่าหลัวจั่นอวี่ที่มีวรยุทธ์สูงส่งที่สุดของที่นี่เลย!

และระหว่างการต่อสู้หลัวจั่นอวี่ก็ได้ทุ่มสุดกำลังจริงๆ ไม่ได้ผ่อนผันเลย เรื่องนี้ทุกคนล้วนดูออก…

ทั้งสองคนต่อสู้กันเช่นนี้กว่าสองร้อยกระบวนท่าแล้ว เรือนกายของหลัวจั่นอวี่ก็หยุดลงในทันใด ร่อนลงบนรถเข็นคันเล็กของตนอีกครั้ง “เอาล่ะ ไม่สู้แล้ว!”

กู้ซีจิ่วกำลังติดลม ซัดฝ่ามือหนึ่งออกไปเกือบจะซัดรถเข็นคันเล็กของหลัวจั่นอวี่ให้พลิกคว่ำแล้ว โชคดีที่หลัวจั่นอวี่ตอบสนองว่องไว

————————————————————————————-

บทที่ 1272 ออกหน้าให้เธอ 2

โชคดีที่หลัวจั่นอวี่ตอบสนองว่องไว พาคนและรถเข็นหลบหลีกออกไปหนึ่งจั้งได้ทันเวลา หัวเราะเบาๆ “แม่นางกู้ ยังสู้ไม่พอหรือ?”

กู้ซีจิ่วเก็บมือแล้วยืนนิ่ง เธอเลิกคิ้วมองหลัวจั่นอวี่ “ท่านทำเช่นนี้คือ?”

น้ำเสียงหลัวจั่นอวี่เรียบเรื่อย และตรงไปตรงมายิ่ง “ให้พวกเขาเห็นฝีมือของเจ้า”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

หลัวจั่นอวี่กวาดตามองฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบหนึ่ง “ยามนี้ทุกท่านยังมีอะไรจะกล่าวอีกหรือไม่? ฝีมือของนางประจักษ์กัน ณ ที่นี้แล้ว เป็นการพึ่งพาผู้อื่นเพื่อเอาหน้าหรือไม่เล่า?”

สายตาของเขาร่อนลงบนร่างสตรีนางหนึ่งที่อยู่ในฝูงชน “เมียเหลิ่งเอ้อร์ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ? ตอนนี้ยังต้องการให้ข้าให้ความเป็นธรรมกับเจ้าอยู่หรือไม่?”

เมียเหลิ่งเอ้อร์ผู้นั้นก็คือภรรยาของหัวหน้ากลุ่มเก็บเกี่ยว นางหน้าแดงก่ำแล้ว “ข้า…ข้า…” พูดว่าข้าๆ อยู่นานสองนานก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

หลัวจั่นอวี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ข้ากำหนดไว้จริงๆ ว่าที่นี่จะต้องมีผัวเดียวเมียเดียว สามีภรรยาทั้งสองฝ่ายจะผู้ใดก็ไม่อนุญาตให้มีสัมพันธ์กับผู้อื่นอีก ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ กฎข้อนี้ไม่อาจทำลายได้ ดังนั้นข้าไม่ได้เข้าข้างผู้ใด ปกติแล้วพี่เหลิ่งเอ้อร์ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไรเจ้าก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ เจ้าคิดว่าแม่นางกู้ที่เพิ่งมาถึงได้วันเดียวจะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้งั้นหรือ? เจ้าไม่เชื่อใจเขาหรือว่าไม่เจ้าไม่เชื่อใจตัวกันแน่?”

ใบหน้าของเมียเหลิ่งเอ้อร์เต็มไปด้วยความละอาย “เป็น…เป็นข่าวลือพวกนั้น…”

“ข่าวลือที่ไม่มีมูลเรื่องหนึ่งก็ทำให้เจ้าสงสัยสามีของตนทันทีเลยหรือ? เจ้าไม่เชื่อใจเขาเลยสักนิดสินะ? วรยุทธ์ของแม่นางกู้ผู้นี้เจ้าก็ได้เห็นแล้ว สูงส่งกว่าพี่เหลิ่งเอ้อร์มากนัก นางต้องให้เขามาปกป้องด้วยหรือ?”

เมียเหลิ่งเอ้อร์อับจนวาจาอย่างสมบูรณ์แล้ว

หลัวจั่นอวี่กวาดตามองฝูงชนอีกแวบหนึ่ง “ฝีมือของแม่นางกู้ทุกคนประจักษ์แจ้งแล้ว การเก็บเกี่ยวเมื่อวานเพิ่มนางเข้าไปแค่คนเดียว แต่ผลไม้และใบไม้ที่เก็บกลับมาได้กลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวของยามปกติ พวกเจ้านึกว่าเพียง ‘นางพึ่งพาผู้อื่น’ ก็สามารถทำได้แล้วงั้นหรือ? เป็นเพราะการเข้าร่วมของนาง ผลผลิตจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เท่ากับว่านางคนเดียวทำงานของคนสิบหกคนได้ ให้นางพักผ่อนมากๆ สักวันจะเป็นอะไรไปเล่า? ถ้าหากพวกเจ้าก็สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ ก็จะอนุญาตให้พวกเจ้าพักมากขึ้นเหมือนกัน! พวกเจ้ามีผู้ใดทำได้หรือไม่?”

ฝูงชนก็พลุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน พากันกล่าวว่าใช่

โดยเฉพาะคนที่อยู่เบื้องหลังการแพร่ข่าวลือเหล่านั้น ล้วนอับอายขายหน้าอยู่บ้าง

ในที่สุดเมียเหลิ่งเอ้อร์ก็ทราบแล้วว่าตนเข้าใจผู้อื่นผิด ใบหน้าพริ้มเพราแดงเถือก ทว่านางไม่ใช่คนที่มีนิสัยพิรี้พิไรยืดยาด ก้าวเข้าไปขออภัยกู้ซีจิ่ว บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน

ขณะที่ฝูงชนนึกว่าเรื่องเข้าใจผิดครั้งนี้จะสลายหายไปไม่เป็นประเด็นอีก ยามที่จะทยอยกันแยกย้ายไป หลัวจั่นอวี่ก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ข่าวลือนี้มีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่ ยังต้องสืบสวนให้กระจ่าง หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังที่แพร่ข่าวลือนี้ออกมาให้ได้”

ทุกคนมองหน้ากันเหลอหลา แล้วจะตรวจสอบข่าวลือนี้อย่างไรเล่า?

หวงซังเซียงฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่หลัว ข่าวลือนี้จะตรวจสอบกันยังไงล่ะ ทุกคนแค่แคลงใจกันไปชั่วขณะ พูดกันไปปากต่อปากเท่านั้น โชคดีที่ไม่ได้ก่ออันตรายใดๆ ต่อแม่นางกู้ เรื่องเข้าใจผิดครั้งนี้ก็สะสางกระจ่างแล้ว ข้าว่าเรื่องนี้ก็แล้วกันไปเถอะ ทุกคนล้วนพูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น คงไม่อาจจับตัวทุกคนที่พูดออกมาได้กระมัง?”

สายตาของหลัวจั่นอวี่ร่อนลงบนตัวนาง เอ่ยอย่างข่มขู่อยู่บ้าง “ยามที่ข้าพูดคุยเรื่องใดต้องให้เจ้าเข้ามาตัดสินใจด้วยหรือ?”

หวงซังเซียงอ้าปากกระอึกกระอัก “ข้า…ข้า…”

หลัวจั่นอวี่มองนางอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง “ที่อื่นจะมีการเล่นเล่ห์เพทุบายหัวหมอหรือไม่ข้าไม่สน แต่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ยอมรับคนเช่นนี้เด็ดขาด! วิถีชีวิตของทุกคนที่นี่ไม่ง่ายดายเลย ทุกคนที่นี่เป็นครอบครัวเดียวกัน สมควรสามัคคีปรองดอง!”

————————————————————————————-