ที่พวกเขาอนุมานนั้นถูกจริงๆ สตรีงามเช่นนี้จะเป็นภรรยาของไอ้ผู้ชายพิการสองข้าง แม้แต่ใบหน้าก็ไม่กล้าโผล่ได้อย่างไร?
ที่แท้ ผู้ชายคนนั้นก็ชิงตัวนางมานี่เอง
ตำแหน่งข้างหน้าต่างอีกทางหนึ่ง คุณชายสูงศักดิ์ผู้หนึ่งนำลูกท่านหลานเธอสองสามคนมาอย่างขึงขัง ล้อมพวกเขาทันที
อายุอานามคุณชายสูงศักดิ์ไม่มาก ประมาณสิบกว่าปี สวมชุดแพรสีม่วงทั้งตัว ตรงเอวห้อยหยกขาว หน้าตาพอไปวัดไปวา เพียงขณะที่ดวงตาทั้งสองนั้นมองกู้ชูหน่วนนั้นล่อกแล่ก ทั้งยังมีความละโมบอีกบางส่วน
ครั้นเขามาก็จ้องพวกของเย่จิ่งหานอย่างโมโหโกรธา เอ่ยตำหนิ “ไอ้พิการมาจากไหน กลางวันแสกๆ กลับกล้าใช้กำลังหน่วงเหนี่ยวอิสระของผู้อื่น เจ้าคิดว่าเป็นท่านอ๋องเทพสงครามหรือ? คิดกระทำสิ่งใดก็กระทำ”
บรรยากาศเย็นลงบางส่วนฮวบฮาบ
ฝีเท้าชิงเฟิงขยับก็หมายกำจัดพวกเขา
เย่จิ่งหานยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “ออ…หากข้าก็คือเทพสงครามเล่า?”
“เจ้าคือเทพสงคราม? ฮ่าๆๆ…เจ้าเนี่ยนะ? เจ้าคิดว่าเจ้าสวมหน้ากาก นั่งรถเข็นก็คือเทพสงครามหรือ? หากเจ้าคือเทพสงคราม ข้าก็เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว! แม่นาง เจ้าไม่ต้องกลัว อดีตท่านปู่ของข้าเป็นถึงขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งของราชสำนัก เวลานี้บิดาข้าก็คือเจ้ากรมพิธีการ ข้าชื่อเสิ่นหยุนลี่ ข้าจะปกป้องเจ้า”
กู้ชูหน่วนเบ้ปาก
หน่อมแน้มที่ไหนเนี่ย? แย่งกันตายหรือ?
เสิ่นหยุนลี่เห็นกู้ชูหน่วนไม่เอ่ยปาก นึกว่าวาจาตนได้ผล ยิ่งคิดอยากแสดงอำนาจและบารมีของตัวต่อหน้ากู้ชูหน่วน
ด้วยเหตุนี้ ท่าทีที่เขามองเย่จิ่งหานจึงแย่ลงทุกที
“ไอ้พิการสมควรตาย สองขาก็เดี้ยงแล้ว ยังมีหน้าออกมาฉุดหญิงชาวบ้านอีก บิดาข้าคือเจ้ากรมพิธีการของราชสำนัก หากยังรู้จักคิดก็รีบคุกเข่าลงขอร้องให้แม่นางท่านนี้อภัยให้เจ้าเสียดีๆ หาไม่แล้ว ข้ารับรองว่าข้าจะให้บิดาข้าฆ่าเจ้าแน่”
“บังอาจ!” จิตสังหารชิงเฟิงแวบผ่าน
ลูกผู้รากมากดีมาจากไหน ถึงกลับกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับท่านอ๋อง
ไม่รอให้ชิงเฟิงลงมือ กู้ชูหน่วนก็ซัดไปแล้วฉาดหนึ่งอย่างหนัก เสียงตบดังกังวานตามด้วยการตะคอกของนางก็ดังแจ๋วขึ้นมาแล้ว
“เจ้าสิพิการ กล้าด่าเขาอีกคำ ระวังข้าจะตบให้ฟันสุนัขเจ้าหมดปาก!”
เสิ่นหยุนลี่ถูกตบงงงัน
เขาออกหน้าให้นาง ไยกลับถูกตบละเนี่ย?
น้ำค้างแข็งเย็นเยียบในดวงตาเย่จิ่งหานหายไปอยู่มาก มองกู้ชูหน่วนที่เดือดจัด ทั้งยังมีรอยยิ้มอีกนิดๆ ไม่ลงมือสังหารเสิ่นหยุนลี่อย่างผิดปกติ
“แม่นาง เจ้าตบผิดคนใช่ไหม?” เสิ่นหยุนลี่อึกๆ อักๆ เอ่ย
“ที่จะตบก็เจ้านั่นแหละ!”
คุณชายสูงศักดิ์ข้างกายเสิ่นหยุนลี่ต่างฮึดฮัดแทนเขา แต่งละคนข่มขวัญด้วยศักดา
“เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? เขาเป็นถึงบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้ากรมพิธีการ เจ้ากรมพิธีการยังเป็นคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ ในเมื่อเจ้ากล้าตบคุณชายเสิ่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าการตบเขาเท่ากับตบคนโปรดข้างกายองค์ฮ่องเต้!”
กู้ชูหน่วนไม่ยี่หระ
ขนาดองค์หญิงนางยังกล้าตบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุตรชายของเจ้ากรมเล็กๆ
“ถ้าวันนี้เจ้าขอขมาชดเชยคุณชายเสิ่นดีๆ แล้วปรนนิบัติคุณชายเสิ่นสักสองสามปี บางทีคุณชายเสิ่นอาจปล่อยเจ้า ไม่เช่นนั้นทั้งบ้านเจ้าต้องพบกับหายนะ!”
เสิ่นหยุนลี่ชอบใจวาจาเหล่านี้ ใบหน้ายังจงใจเอ่ยด้วยโทสะ “พูดเพ้อเจ้ออะไร แม่นางผู้นี้ตบข้า ต้องเพราะข้าทำสิ่งใดไม่ดีแน่ ข้าควรแก้ไขจึงจะถูก”
ชะงักครู่หนึ่ง เสิ่นหยุนลี่กล่าวสืบต่อ “แม่นาง ท่านกำลังโทษที่ข้าไม่สั่งสอนไอ้พิการนี่ดีๆ ใช่ไหม? ดังนั้นจึง…”
“เพียะ…”
ยังไม่สิ้นเสียง ใบหน้าเขาก็รับอีกฝ่ามือ
เสิ่นหยุนลี่ตะลึงงัน