“ใช้เวลานานได้เท่าที่เจ้าต้องการ แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติมากที่ผู้ฝึกฝนจะเข้าร่วมนิกาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจโดยไม่คิดให้ดีก่อน เพราะมันจะส่งผลต่อชีวิตที่เหลือของเจ้า”
ซวนหวู่ฮั่นพูดกับเขา
“และถ้าเจ้าตัดสินใจได้แล้ว และเจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมนิกายให้มาที่วิหารแก่นมังกร มันเป็นหนึ่งในนิกายอันดับต้นๆ ของโลก และข้าอยู่นิกายนี้ พวกเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี ข้ารับรองได้เลย”
หยวนพยักหน้า
“ข้าจะจำไว้นะ”
ในเวลาต่อมาเมื่ออาหารมื้อเย็นพร้อมแล้ว เสี่ยวฮัวก็ถามหยวนหลังจากที่พวกเขานั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว
“พี่หยวนโอเคมั้ยกับอาหารเล็กๆน้อยๆพวกนี้”
เนื่องจากครอบครัวซวนไม่รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของหยวน เสี่ยวฮัวจึงกังวลว่าอาจจะไม่ทำให้หยวนอิ่มได้
“แม้ว่ามันจะไม่เพียงพอที่จะทำให้อิ่มท้องได้ แต่พี่ก็ไม่ควรกินให้อิ่มท้องทุกครั้งก็ได้”
เสี่ยวฮัวไม่พูดอะไรอีก และเขาก็เริ่มรับประทานอาหารในเวลาต่อมา
หลายนาทีต่อมาหลังอาหารค่ำ หยวนก็พูดกับครอบครัวซวนว่า
“ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นที่ยอดเยี่ยม แต่ข้าต้องไปแล้ว”
“เจ้าจะออกไปแล้วหรอ ข้างนอกมืดแล้วนะ”
ซวนหวู่ฮั่นพูดกับเขาเหมือนไม่เต็มใจที่เขาจะจากไปอย่างรวดเร็วแบบนี้
“ข้าก็อยากจะอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้ แต่น้องสาวของข้าน่าจะมาถึงเร็วๆ นี้ และข้าสัญญาไว้ว่าจะไม่ให้เธอรอข้านาน”
“อย่างนั้นหรอ”
ซวนหวู่ฮั่นหยักหน้า และพูด
“สัญญากับข้าว่าเจ้าจะมาเยี่ยมข้าอีกในอนาคตนะ”
จากนั้นเธอก็ยื่นมือไปหาเขาเหมือนกำลังขอจับมือ
หยวนไม่ลังเลที่จะจับมือเธอ และพูดว่า
“ข้าสัญญา”
เมื่อหยวนและเสี่ยวฮัวออกจากอาคารไปไม่กี่อึดใจ ผู้เฒ่าซวนก็พูดกับเธอว่า
“เจ้าชอบเขาจริงๆหรอ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าแสดงท่าทีเป็นมิตรกับผู้ชายคนไหนมาก่อน”
“แม้ว่าเขาจะมีความสามารถ และทรงพลังมาก แต่เมื่อเขาคุยกับข้าก็เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนใจดี และถ่อมตัวมาก แม้จะเก่งกาจแค่ไหน ตรงข้ามกับบางคนที่ข้าเคยเจอ พวกที่หยิ่งยโส พอเห็นแบบหยวนมันทำให้ข้ารู้สึกสดชื่นขึ้น”
ซวนหวู่ฮั่นกล่าวด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
“ข้าไม่สามารถเถียงเรื่องนั้นได้ ผู้ฝึกฝนที่มีความสามารถอย่างเขาหายากมากในปัจจุบัน เพราะบางคนเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไหร่ นิสัยยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น ทำให้สงสัยว่าเขามีภูมิหลังแบบไหนกัน ถึงได้ไม่มีกิริยาที่แย่เลย”
ผู้เฒ่าซวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ทำไมเจ้าไม่ไปคุยกับปู่ของเจ้า ให้เขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ และดูว่าเขาสามารถที่จะโน้มน้าวหยวนให้เข้าร่วมนิกายได้หรือไม่”
อย่างไรก็ตามซวนหวู่ฮั่นส่ายหัว และพูดว่า
“ข้าจะแจ้งให้ปู่รู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเขา แต่ไม่ต้องการให้เขามาโน้มน้าวหยวน”
ในขณะเดียวกัน ด้านนอกอาคาร หยวนพูดกับเสี่ยวฮัวว่า
“เดี๋ยวพี่จะออกจากระบบก่อนนะ”
“แล้วเจอกันพี่หยวน”
เสี่ยวฮัวพูดกับเขาก่อนจะหายเข้าไปในสร้อยคอ
ไม่กี่อึดใจหยวนก็ออกจากเกม และรอให้หยูรู่มาหาในโลกของความเป็นจริง
“พี่ชายหนูกลับมาแล้ว! ในที่สุดก็ได้เล่นกับพี่สักที!”
เสียงตื่นเต้นของหยูรู่ดังก้องนอกห้องของเขา และหยวนได้ยินเสียงของเธอที่กำลังวิ่งที่โถงทางเดิน
“ยินดีต้อนรับกลับหยูรู่”
หยวนพูดกับเธอพร้อมรอยยิ้มบนหน้าของเขา หลังจากเธอเข้ามาในห้องเขาได้ครู่หนึ่ง
“ให้หนูเปลี่ยนชุด และเตรียมอาหารเย็นให้พี่ก่อน! แล้วหนูจะกลับมานะ!”
หยูรู่พูดกับเขา และเธอก็วิ่งออกไปก่อนที่หยวนจะบอกให้เธอใจเย็นๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา หยูรู่ก็กลับมาที่ห้องของเขาพร้อมสิ่งของจำเป็นทั้งหมดบนรถเข็นขนาดเล็ก
“วันนี้พี่เป็นยังไงบ้าง พี่กำลังมาที่เมืองบ่อน้ำพุใช่ไหม พี่จะมาถึงภายในเช้าวันพรุ่งนี้ไหม?”
หยูรู่ถามขณะที่เช็ดตัวเขาอยู่
“เธอประเมินพี่ต่ำไปนะหยูรู่ พี่อยู่ที่เมืองบ่อน้ำพุแล้ว”
หยวนตอบด้วยรอยยิ้ม
“จริงหรอ หนูพนันได้เลยว่าพี่ต้องอยู่ใกล้ๆอยู่แล้ว”
หยูรู่กล่าวโดยไม่รู้เลยว่าเขาเดินทางมามากกว่า 30,000 ไมล์ และใช้เงิน 350,000 เหรียญทองเพื่อไปที่นั่น
“เธอไม่รู้อะไรซะแล้ว”
“แล้วพรุ่งนี้เช้าหมายความว่ายังไง คืนนี้เล่นไม่ได้หรอ”
“หนูอยากเล่นคืนนี้ แต่หนูมีซ้อมเปียโนตอนเช้าวันพรุ่งนี้ และต้องนอนทันที”
เธอพูดขณะเปลี่ยนผ้าขนหนูที่เปียก และเช็ดตัวให้เขาเป็นครั้งที่สอง
“พี่เข้าใจ คืนนี้พี่ก็จะนอนเร็วด้วย จะได้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ”
หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รอคอย
หลังจากทำความสะอาดและป้อนอาหารหยวนแล้ว หยูรู่ก็ไปอาบน้ำและทานอาหารเย็นของตัวเอง ก่อนเข้านอน โดยไม่ต้องกังวลกับการใช้เวลาในอินเตอร์เน็ตเหมือนปกติ
เช้าวันรุ่งขึ้นหยูรู่ตื่นแต่เช้า และใช้เวลาไป 2 ชั่วโมงในการซ้อมเปียโน ก่อนจะไปที่ห้องของหยวน เพื่อล้างหน้าและป้อนอาหารเช้าให้เขา
“มาเจอกันที่หน้าเมืองข้างทางเข้า”
หยูรู่บอกกับหยวนขณะเช็ดริมฝีปากของเขาหลังกินอาหารเช้า
“โอเคเลย แล้วเจอกัน”
ไม่กี่นาทีต่อมาหยวนก็เข้าสู่เกม และขณะที่หยูรู่กำลังกลับไปที่ห้องของเธอ
“เสี่ยวฮัวไปกันเถอะ พวกเราไปพบน้องสาวของพี่กัน”
“อื้ม”
เสี่ยวฮัวพยักหน้า และเธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ยังไงก็ตาม เสี่ยวฮัวช่วยพี่หน่อยได้ไหม”
จู่ๆ หยวนก็ถามขึ้นขณะที่พวกเขาเดินไปที่หน้าเมือง
“มีอะไรหรอพี่หยวน?”
เธอมองเขา
“อย่าเรียกพี่ว่า ‘หยวน’ เมื่อเราอยู่ต่อหน้าน้องสาวของพี่ได้ไหม?”
เสี่ยวฮัวเอียงศีรษะด้วยสีหน้างงงวย หลังจากได้ยินแบบนั้น
“มันซับซ้อนนิดหน่อย แต่ชื่อจริงของพี่ไม่ใช่หยวน”
เขาบอกกับเสี่ยวฮัว