ตอนที่ 196 หวาน / ตอนที่ 197 ฮู่ปู้เซี่ยงของคนคนหนึ่ง

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 196 หวาน

 

 

“โอเค งั้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ” ชุยหังพูดขึ้น

 

 

หลูจื้อเอ่ย “นายเองก็รู้จักฉลาดบ้างแล้ว เอาล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”

 

 

“อืม พรุ่งนี้เจอกัน” ชุยหังบอกไป

 

 

“เอาล่ะ งั้นฉันวางสายก่อนแล้วกัน” หลูจื้อเอ่ย

 

 

ชุยหังพยักหน้า หลูจื้อทางนั้นเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะวางสายวิดีโอไป

 

 

หลังจากสิ้นสุดวิดีโอคอล ชุยหังพิงผนัง กอดเข่า เรื่องในใจช่างหนักหน่วง

 

 

‘ซอยฮู่ปู้เซี่ยง’ พวกเขาคุยกันมานานแล้วว่าอยากจะไปกัน แต่ว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปกันเสียที

 

 

หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่เกิดสุดวิสัยอะไรขี้นมาอีก

 

 

กลางคืนนอนอยู่บนเตียง ชุยหังได้ยินเสียงหายใจที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอของคนอื่น แต่กลับนอนไม่หลับเลย

 

 

เขาร้อยเรียงเรื่องราวตั้งแต่ที่ตัวเองได้มารู้จักกับหลูจื้อจนถึงตอนที่ได้คบกัน รู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์จริงๆ

 

 

นี่อาจจะเป็นชะตาลิขิตไว้ล่ะมั้ง ถ้าไม่มีรถสีดำคันนั้น ตัวเองก็จะไม่ได้พบกับหลูจื้อ แล้วก็จะไม่ได้ถูกเขาจำแบบนี้แล้ว

 

 

อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกทหาร หลูจื้อเองก็จะไม่รู้ว่าเป็นเขา แล้วก็เอาแต่หาเรื่องเขาตลอด

 

 

ต่อมาระหว่างพวกเขาก็จะไม่พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นเช่นนี้ได้

 

 

หนึ่งเสียงถอนหายใจ หนึ่งฉากในความฝัน หนึ่งความจำใจ หนึ่งความกังวล

 

 

เช้าวันต่อมา ชุยหังรีบตื่นขึ้นมา ทุกครั้งที่จะได้เจอหน้ากับหลูจื้อ เขาจะเต็มไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวายและรอคอย

 

 

เมื่อหลูจื้อติดต่อเขามา สถานที่นัดกันยังคงเป็นประตูหมายเลขสาม ที่เก่าที่เดิม

 

 

ชุยหังขึ้นรถของหลูจื้อ เห็นหลูจื้อยังคงอยู่ในชุดที่เหมือนเดิมตามปกติ

 

 

“ทำไมนอกจากชุดทหารแล้ว ใส่ชุดอื่นบ้างไม่ได้เหรอ นี่หมายความว่าต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลางี้เหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยขึ้น “นี่ไม่ใช่ชุดเมื่อก่อนนั้นแล้ว อีกอย่างนายเคยเห็นฉันตอนไม่ใส่ชุดทหารอยู่ไม่ใช่หรือไง”

 

 

“ฉันไปเคยเห็นเมื่อไหร่กัน” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อพูดต่อ “วันนั้นที่เกสต์เฮาส์ ที่ควรเห็นนายก็เห็นไปก็เห็นไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ลืมแล้วหรือไง อยากเห็นอีกครั้งไหม”

 

 

ชุยหังพูดต่อ “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พวกเราจะไปฮู่ปู้เซี่ยงกันไม่ใช่เหรอ ไปกันเถอะ”

 

 

หลูจื้อยิ้มแล้ว พลางเอ่ยถาม “ทำไมวันนี้รีบขนาดนี้ล่ะ”

 

 

“ที่สำคัญคือไม่รีบไม่ได้ไง ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวนายจะมีธุระขึ้นมากะทันหันต้องรีบกลับไปจัดการหรือเปล่า” ชุยหังบอกไป

 

 

หลูจื้อเอ่ยบอก “วันนี้ควรจะไม่เป็นแล้ว อย่ากังวลเกินไปเลย”

 

 

“อืม ได้ นี่นายพูดเองนะ”

 

 

“อืม ฉันพูดเอง ยังไงกัน ถ้าไม่เป็นไปตามที่พูด จะลงโทษไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังตอบ “ฉันจะลงโทษนายได้ยังไง ผมไม่ได้มีความสามารถนี้สักหน่อย”

 

 

หลูจื้อเอ่ย “นายจะไม่มีความสามารถนี้ได้ไง ฉันรู้สึกว่านายก็แค่กำลังเก็บกดแรงอารมณ์นี้ไว้อยู่”

 

 

“ไม่มีหรอก นายคิดมากไปแล้ว ฉันออกจะเป็นคนใจกว้างขนาดนี้” ชุยหังเอ่ย

 

 

หลูจื้อมองเขาพลางเอ่ย “นายเข้ามาสิ”

 

 

“เข้ามา? ให้ไปถึงไหน” ชุยหังตะลึงงัน

 

 

“เข้ามาใกล้ฉันตรงนี้หน่อยสิ” หลูจื้อบอกไป

 

 

สมองชุยหังตามไม่ค่อยทันเท่าไหร่ เขาเอ่ย “จะทำอะไร”

 

 

“เมื่อวานฉันพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ อยากให้นายทำแบบมีเสียงให้ ยังไงกัน นายลืมเองแล้ว?” หลูจื้อพูดขึ้น

 

 

เวลานี้เองชุยหังถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ คิดไม่ถึงว่าความจำของหลูจื้อจะยังดีมากอยู่

 

 

“ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องแล้ว” ชุยหังกล่าว

 

 

“นายว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องเหรอ รีบเข้ามาเลย” หลูจื้อว่าให้

 

 

อับจนหนทาง ชุยหังจำใจต้องโน้มตัวไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไป

 

 

หลูจื้อประคองใบหน้าของชุยหังไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากนั้นก็กดจูบลงไปอย่างหนักหน่วง เป็นอย่างที่คิดไว้เสียงดังฟังชัดมาก

 

 

ต่อจากนั้นหลูจื้อก็จับใบหน้าชุยหังหันมา แล้วประทับรอยจูบบนริมฝีปากเขาอย่างหนักหน่วง

 

 

“ไปกันเถอะ พวกเราออกเดินทางไปฮู่ปู้เซี่ยงกัน” ตอนที่หลูจื้อปล่อยชุยหัง ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองขาดออกซิเจนไปเลยทีเดียว

 

 

แต่ว่าพอได้ยินว่าในที่สุดก็ไปฮู่ปู้เซี่ยงกันได้แล้ว เขาก็ยังเรียกพลังตัวเองกลับขึ้นมาได้ ก่อนจะเอ่ยว่า “โอเค ออกเดินทางกัน”

 

 

หลังจากนั้นก็ถือโอกาสตอนที่หลูจื้อไม่ทันระวังตัว เขาเข้าไปจูบที่ใบหน้าด้านข้างของหลูจื้ออย่างรวดเร็วปานจรวด แล้วกลับมายังตำแหน่งเดิมของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 197 ฮู่ปู้เซี่ยงของคนคนหนึ่ง

 

 

หลูจื้อขับรถนิ่งมาก นิ่งถึงขนาดที่ชุยหังรู้สึกว่านอนหลับบนรถก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้

 

 

เขามาอยู่เมืองเอ้อมานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยได้มาเดินที่นี่แบบดีๆ กับเขาบ้างเลย

 

 

เคยไปฉางเจียง แต่กลับไม่เคยได้ไปเดินเที่ยวที่ฮู่ปู้เซี่ยง

 

 

ในฐานะคนที่กินเก่งคนหนึ่ง เขายังรู้สึกเลยว่าตัวเองค่อนข้างล้มเหลวทีเดียว

 

 

ในที่สุดวันนี้หลูจื้อก็ยังเจียดเวลาพาเขามาถึงฮู่ปู้เซี่ยงจนได้

 

 

หลูจื้อเลือกตำแหน่งที่จอดรถได้แล้ว ทั้งสองคนลงรถไป มองดูป้ายฮู่ปู้เซี่ยงแผ่นใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป พร้อมกลุ่มคนที่เดินเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย ชุยหังมีเพียงแค่ความรู้สึกปลงๆ ตอนนี้ในประเทศประชากรมีมากมายเสียจริงๆ

 

 

ถ้าวันไหนตัวเองอารมณ์ไม่ดี มาปาระเบิดที่นี่ คาดว่าคงจะระเบิดคนขึ้นไปเต็มท้องฟ้าได้เลย

 

 

“ไปกันเถอะ วันนี้อยากจะกินอะไร กินให้เต็มที่ แต่อย่ากินของแสลงท้องก็โอเคแล้ว” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

ชุยหังพูดตอบ “วางใจเถอะ ไม่เป็นหรอก ฉันนี่กระเพาะเหล็กนะ”

 

 

“ใช่เหรอ งั้นฉันจะดูแล้วกัน ว่ากระเพาะของนายนี่จะกินได้สักแค่ไหนกัน” หลูจื้อกล่าว

 

 

พูดจบ ทั้งสองคนก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปในฮู่ปู้เซี่ยง

 

 

กลิ่นหอมของอาหารของท่านเล่นหลากเมนูคละเคล้าปะปนกันไป ชุยหังได้กลิ่นทีน้ำลายแทบจะไหล

 

 

ที่นี่เป็นสวรรค์ของของทานเล่นจริงๆ ขอเพียงแต่เป็นสิ่งที่เขานึกถึง ที่นี่มีให้ทั้งหมด

 

 

เห็นอาหารอร่อยๆ มากมายขนาดนี้ แต่เขากลับเลือกไม่ถูกแล้ว

 

 

‘จะเริ่มกินอะไรดี’

 

 

“อยากจะเริ่มจากบาร์บีคิวก่อนไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น “โอเค บาร์บีคิวทางนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นรสชาติดั้งเดิมหรือเปล่า”

 

 

“ลองชิมดูก็รู้แล้ว ถ้าอร่อยก็สั่งมาอีก” หลูจื้อกล่าว

 

 

“โอเค งั้นสั่งมานิดหน่อยแล้วกัน” ชุยหังบอกไป

 

 

พวกเขาสั่งบาร์บีคิวเนื้อมา หลังจากนั้นเดินไปพลาง กินไปพลาง

 

 

เวลานี้ มือถือของหลูจื้อก็ดังขึ้นมาอีกแล้ว

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอได้ยินเสียงเรียกเข้ามือถือของหลูจื้อทีไร ชุยหังก็รู้สึกว่าไม่มีเรื่องดีอะไรเท่าไหร่

 

 

หลูจื้อวางบาร์บีคิวเนื้อใส่ในมือชุยหัง ก่อนจะรับสายโทรศัพท์

 

 

“สวัสดีครับแม่”

 

 

เป็นแม่ของหลูจื้อ ในเมื่อเป็นคำพูดของผู้หญิงคนนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งจะไม่ใช่เรื่องดีอะไรแล้ว

 

 

วันนี้หลูจื้อกว่าจะลาพักได้ช่างยากเย็น เธอน่าจะช่วยจัดแจงให้หลูจื้อไปเจอกับผู้หญิงคนไหนสักคนมั้ง

 

 

หลูจื้อมองชุยหังแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินไปข้างหน้า พร้อมพูดว่า “ครับ ผมอยู่ข้างนอก วันนี้ลาพักครับ”

 

 

ชุยหังลดความเร็วลง ไม่ได้อยู่ข้างกายหลูจื้อ เกรงว่าเขาจะพูดคุยไม่สะดวก

 

 

“กลับไป? ผมเพิ่งจะออกมาได้แป๊บเดียวเอง จะกลับไปทำอะไรครับ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังยังได้ยินชัดเจน เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากไป เขาจึงยืนอยู่ที่เดิม ไม่เดินตามไปอีกแล้ว

 

 

เงาร่างสูงสง่าของหลูจื้อทอดยาวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ชุยหังไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไรแล้ว

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาถึงฮู่ปู้เซี่ยงอย่างเป็นทางการ แต่ดูท่าว่าการนัดเดทครั้งนี้จะคว้าน้ำเหลวแล้ว

 

 

เพียงครู่เดียวหลูจื้อก็กลับมา มองดูชุยหัง แววตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่

 

 

“แม่ฉันทางนั้นมีเรื่องนิดหน่อย ต้องการให้ฉันกลับไปให้ได้ เอางี้นายไปเดินเที่ยวเองแล้วกัน ให้นายนะถือเงินไป” พูดจบ หลูจื้อก็ควักกระเป๋าเงินออกมา

 

 

ชุยหังรีบดันเงินกลับไป “ฉันเอามาเองแล้ว อีกอย่างฉันกินได้เยอะด้วย ทางนั้นมีเรื่อง นายก็รีบกลับไปเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะโทรเร่งนายได้”

 

 

เขาจงใจแกล้งทำเป็นไม่เป็นไร ไม่อยากให้หลูจื้อเป็นกังวล

 

 

“ไม่โกรธหรอกใช่ไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังพูดต่อ “โกรธอะไร ใครจะไปคิดว่าแม่นายจะโทรมาได้”

 

 

“อืม นายเข้าใจก็โอเคแล้ว รู้ว่าจะกลับมหา’ ลัยยังไงอยู่ใช่ไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังรู้ เขาพูดมาขนาดนี้ ก็คือไม่สามารถกลับมารวมตัวกับตัวเองได้แล้ว

 

 

“รู้ ฉันนั่งรถเมล์ไปถึงตรงนั้นก็ได้แล้ว เด็กดี รอฉันโทรมานะ” หลูจื้อพูดจบก็หันหลังเดินออกไป

 

 

ชุยหังมองตามแผ่นหลังของเขาไป แววตาเจ็บปวด อีกนิดจะชื้นแฉะแล้ว

 

 

เพียงแต่เขากลัวว่าหลูจื้อจะหันกลับมามองเขา ดังนั้นจึงอดกลั้นเอาไว้ แล้วรักษาอาการเอาไว้ ยืนอยู่ในท่านั้นเมื่อครู่นี้ มองดูหลูจื้อหายไปท่ามกลางฝูงชน