คำพูดวู่หยานดังกึงก้องในใจลูลู่ เธอยืนมองไปที่วู่หยานด้วยสีหน้างุนงง ต่อมาจมูกก็เริ่มชื่น ดวงตาก็เริ่มมีน้ำตาออกมา ทว่าลูลู่ก็เอาแขนเช็ดมันออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพยายามสุดชีวิตเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองร้องไห้
ลูลู่ถึงมีเพื่อนน้อย แต่ก็ยังมีอยู่ แต่ไม่มีวันไหนเลยที่คำว่า ‘เพื่อน’ กระแทกใจเธอจนเกือบน้ำตาไหลแบบนี้
ลูลู่โชคดีที่เกิดมาในตระกูลชั้นสูง แต่ในเวลาเดียวกันก็พูดได้ว่าเธอโชคไม่ดี เพราะถึงเธอจะมีทุกอย่างที่คนธรรมดาปรารถนา แต่ของธรรมดาที่ผู้คนมีกันเธอกลับไม่มีเลย
ในอดีต เธอเคยคาดหวังอย่างมากที่จะได้เพื่อนที่เธอสามารถพูดคุยกันได้ทุกอย่างโดยที่ไม่สนใจฐานะของเธอ เวลาผ่านไปเธอเห็นแต่คำว่า ‘ผลประโยชน์’ บนใบหน้าของคนที่เธอคุยด้วย มันทำให้เธอผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเธอเลิกคาดหวังกับสิ่งที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ ไปแล้ว
เพื่อนผู้หญิงของเธอเองก็มีปัญหาคล้ายๆนี่เหมือนกัน ดังนั้นถึงจะเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่ได้เปิดหัวใจให้มากนัก
สามารถพูดได้ว่ายังไม่เคยมีใครสามารถเปิดประตูเข้าไปในหัวใจของเธอที่มีชื่อมิตรภาพได้ ถ้าถามว่าเฟยเฟยไม่ใช่? ขอตอบว่าเพราะ เฟยเฟยเป็นองครักษ์ของเธอ มีความสัมพันธ์เหมือนเป็นครอบครัวมากกว่าเพื่อน
แต่ไม่ว่ายังไง อดีตก็เป็นแค่อดีต ปัจจุบันได้มีคนที่สามารถเปิดประตูที่ชื่อว่า ‘มิตรภาพ’ เข้ามาในหัวใจเธอได้แล้ว
แน่นอน ประตูห้องอื่นจะเข้าได้หรือไม่ก็ต้องดูๆกันไปก่อนล่ะนะ……….
ลูลู่มองดูวู่หยานด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า เป็นรอยยิ้มที่สวยงามมาก เฟยเฟยที่อยู่กับลูลู่มานานสามารถพูได้อย่างมั่นใจว่านี้เป็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา!
“พี่ชาย เท่สุดๆเลย!” ลิลินตาเป็นประกายมองวู่หยานที่ยืนอยู่ในสนาม เห็นได้ชัดเลยว่าสำหรับเด็กแล้ว คนที่เก๊กหน้าทำเป็นเท่แล้วยังคำพูดโดนๆมันดูดีจริงๆในสายตาของเด็ก
“ชิ ทำเป็นหล่อ!” ฮินางิคุพูดเบาๆด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่นานนักเธอก็ถอนหายใจ เป็นเพราะเธอยอมรับจริงๆว่าหยานในตอนนี้ดูเท่มาก
“ฮึ่ม ใช้พลังของคนอื่นมาเก๊กหล่อ เห็นแล้วมันกระตุ้นให้อยากทุบตีใครสักคนจริง………” กระแสไฟฟ้าเหมือนของวู่หยานปรากฏออกมาตรงหน้าผากมิโคโตะ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ไม่ดี
“มาสเตอร์…….” อิคารอสพูดพึมพำโดยไร้ความรู้สึก
ในสนาม ฮิวจ์มองวู่หยานความเกลียดชัง เป็นเพราะใช้พลังเวทย์ไปจนหมดทำให้เขาลุกขึ้นยืนไม่ได้ ทำได้แต่จ้องวู่หยานราวกับหมาจรจัด
เห็นฮิวจ์แพ้ เทียนเกอร์ก็หัวเราะด้วยสีหน้าชั่วๆแล้ว เขารู้ว่าตอนนี้เด็กเปรตนี่ได้ไปล่วงเกินฮิวจ์แบบสุดๆเข้าให้แล้ว ดูจากสีหน้ามันตอนนี้เขามั่นใจว่าหลังจากนี้ฮิวจ์มันต้องเอาคืนอย่างบ้าคลั่งแน่
วู่หยานยิ้มอย่างไม่สนใจ เขาเองก็รู้ว่าตัวเองได้ไปล่วงเกินไอ้หน้าขาวนี้แล้ว แต่เขาไม่แคร์ กลับกันเขายังคาดหวังให้มันมาแก้แค้นมาก
ถ้าฮิวจ์มันอยากล้างแค้นจริงก็ต้องใช้การสนับสนุกจากทางตระกูล แต่ไอ้การล้างแค้นนี้ในสายตาวู่หยานก็เหมือนส่งEXPมาให้เขา
และถ้ามันคิดจะใช้วิธีอื่นก็ลืมไปได้แล้วเพราะ ในโลกนี้เขาไม่มีครอบครัว มีแค่ตัวเอง แล้วยังต้องไปกลัวอะไรอีก? ถ้ามันเล็งไปที่ฮินางคุ มิโคโตะ และ อิคารอส เขาก็ยิ่งไม่ต้องห่วง
เหอะๆ ต่อหน้าพลังที่เด็ดขาด ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ไร้ประโยชน์!
ดังนั้นตระกูลโลลิที่แสนน่ากลัวในสายตาคนธรรมดา มาในสายตาวู่หยาน ยกเว้นผู้นำตระกูลคนก่อนที่เป็นแรงค์9 คนอื่นเขาก็ไม่ได้สนใจแล้ว!
แต่ฮิวจ์มันจะเก่งกล้าสามารถขนาดทำให้ผู้นำตระกูลโลลิรุ่นก่อน ออกหน้ามาช่วยได้เลยเชียว? ต่อให้มันทำได้จริง กว่าจะถึงตอนนั้นบางทีเขาก็คงเป็นแรงค์9แล้ว
“เอาล่ะ เรื่องก็จบแต่เพียงเท่านี้ล่ะนะ เอ้า! แยกย้ายไปทำธุระของตัวเองกันได้แล้ว!”
วู่หยานพูดด้วยรอยยิ้มกวนๆ พอเสร็จเรื่องเขาก็เปลี่ยนสีหน้าจากจริงจังมาเป็นขี้เล่นเหมือนเดิม นี่ทำให้ฮินางิคุกับมิโคโตะที่อยู่ไม่ไกลออกไปมีสีหน้าเอือมระอา
ผู้คนรอบๆก็ยิ้มรับ ขณะที่พวกเขากำลังจะสลายตัวกัน การเคลื่อนไหวของคนๆหนึ่งก็ได้ทำให้พวกเขาหยุดแล้วหันมาดูต่อ
วู่หยานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เมื่อเฟยเฟยเดินมาตรงหน้าเขา “พี่สาวเฟยเฟย อยากบอกนะว่าเธอเองก็คิดจะมาแจมด้วยน่ะ?”
ได้ยินแบบนี้ เฟยเฟยก็ยกดาบยาวในมือขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จากตระกูลโลลิ เฟยเฟย โลลิ คนนี้ขอท้าสู้กับนาย!”
“ท้าสู้?” วู่หยานมองเฟยเฟยด้วยความสงสัย ก่อนจะขมวดคิ้ว การที่เฟยเฟยมาท้าเขาในเวลาแบบนี้ มันทำให้เขาสงสัยว่าเธอทำเพื่อแก้แค้นให้ฮิวจ์
ลูลู่เองก็มึนงง ก่อนจะตะโกนออกมาว่า “พี่เฟยเฟย พี่จะทำอะไรน่ะ อยู่ดีๆก็ไปท้าเขาสู้แบบนั้น!”
เฟยเฟยไม่ตอบ ทำแค่ยกดาบแล้วมองไปที่วู่หยานด้วยสีหน้าแน่วแน่ นี่ทำให้ลูลู่รู้ว่าเฟยเฟยไม่ได้ล้อเล่น นี่ทำเธอกังวลขึ้นมาทันที
การที่เพื่อนกับครอบครัวของตัวเองมาสู้กัน มันย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เธอจะไม่กังวล……..
วู่หยานที่กำลังคิดว่า ที่เฟยเฟยทำแบบนี้ก็เพื่อกู้คืนชื่อเสียงของตระกูล
ทว่าเมื่อเขามองเห็นเจตจำนงแห่งการต่อสู้อันเข้มข้นในดวงตาของเธอ เขาก็โยนความคิดเมื่อกี้ทิ้งไปทันที เดิมทีเฟยเฟยที่เขารู้จักก็ไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว บวกกับสายตาอันเร่าร้อนนี้ถ้าเขายังไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร ก็นับว่าเขาเสียเวลาเปล่าแล้วที่ก่อนหน้านี้เคยใช้เวลาดูพวกอนิเมะลูกผู้ชายโชเน็น
เฟยเฟยก็แค่คันไม้คันมือ…….
วู่หยานสายหัวหยายามไม่หัวเราะ เขาไม่นึกเลยว่าเธอเองก็มีนิสัยบ้าการต่อสู้แบบนี้ด้วย ทว่าพริบตาต่อมาเขาก็กลายเป็นตื่นเต้นทันที
เร็วๆนี้ ถ้าไม่ใช้เจอพวกอ่อนๆที่เน้นจำนวน ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองทั้งนั้น เขาไม่เจอคู่ต้อสู้ที่ทัดเทียมกันมานานแล้ว!
ตอนนี้วู่หยานไม่ใช่มือใหม่ที่อ่อนปวกเปียกแบบนั้นแล้ว ตอนนี้เขาเป็นแรงค์7แล้ว!
เฟยเฟยเลเวล68 ส่วนเขาเลเวล65 ถึงจะห่างกัน3เลเวลแต่ก็มันก็ไม่ได้มากมายอะไร แม้เฟยเฟยจะเก่งกว่าเขา แต่ถ้าสู้กันจริงๆก็พูดยากว่าใครจะชนะ!
วู่หยานคิดถึงตรงนี้ ก็ราวกับมีไฟในตัวกำลังเผาไหม้ เขารู้สึกเลือดในตัวมันเดือด ‘ปุดๆ’ ไปหมด!
ดังนั้น ด้วยรอยยิ้มกว้าง วู่หยานก็พูดว่า “ฉันตกลง!”
“หยาน นาย……” ลูลู่ไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย เหตุการณ์ปุปปับแบบนี้ทำเธอสมองรวนไปหมด ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่รู้จริงๆว่าควรทำอะไรดี
วู่หยานมองลูลู่ แล้วโบกมือด้วยรอยยิ้มพูดว่า “สบายใจได้ ไม่มีอะไรหรอก!”
ลูลู่สะอึกทันที นี่จะสู้กันอยู่แล้ว ยังจะมีหน้ามาบอกไม่มีอะไรอีกเหรอ? ถ้าทั้งสองเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ฉันนี่สิจะมีอะไร!
เฟยเฟยเองก็บอกเป็นนัยให้ลูลู่เหมือนกันว่าสบายใจได้ ลูลู่เห็นว่าพูดห้ามไปก็เปลี่ยนความคิดทั้งสองคนไม่ได้ เธอก็ตะโกนออกมาด้วยความหัวเสีย
“อ้า! ไม่ยุ่งด้วยแล้ว! อยากทำอะไรกันก็เชิญเลย! ฮึ่ม!”
ลูลู่ทำเสียงขึ้นจมูกดัง ‘ฮึ่ม’ ด้วยความเย็นชา ก่อนจะหันหลังเดินออกไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสนาม นี่ถ้าไม่เห็นเธอหยุดเดิน วู่หยานกับเฟยเฟยก็คงคิดว่า ยัยนี้เดินงอนตุบป่องหนีไปแล้วแน่ๆ
เกรย์กับเทียนเกอร์เงียบกริบ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมารัวๆ จริงๆวันนี้พวกเขาควรเป็นตัวเอกหลักถึงจะถูกแท้ๆ……..
วู่หยานเดินมาตรงหน้าเฟยเฟย แล้วมองตรงเข้าไปในนัยน์ตาเธอ แล้วพูดด้วยความรู้สึกว่า “ไม่คิดเลยนะว่าจะมีวันที่ฉันได้สู้กับพี่สาวเฟยเฟยน่ะ!”
เฟยเฟยกระพริบตา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลว่า “ใช่ ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่า เด็กหลงทางในป่าสัตว์อสูรคนนั้นจะมีวันที่ฉันต้องมาจริงจังด้วยแบบนี้”
วู่หยานกลายเป็นกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที เขาไม่ได้ใส่ใจที่เธอเรียกเขาว่าเด็ก เพราะตัวเขาในตอนนั้นมันเด็กจริงๆ เด็กในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอายุ แต่เป็นพลัง
“พี่เฟยเฟยช่วยหยุดพูดไอ้เรื่องหลงทางนี่ได้ไหม?”วู่หยานยกมือลูบหลังหัวแกรกๆ
เฟยเฟยหัวเราะ แล้วยกดาบในมือขึ้น “ตราบใดที่นายเอาชนะฉันได้ มั่นใจได้เลยฉันจะลืมเรื่องหลงทางให้หมดเอง!”
“นี่คือการเดิมพันงั้นเหรอ?”
“จะพูดแบบนั้นก็ดะ……”
“งั้นฉันยอมรับ!”
พูดถึงตรงนี้ ทั้งคู่ก็หัวเราะให้กันและกัน ทำให้บรรยากาศดูสดใสมาก นี่ทำให้ผู้คนรอบๆงุนงงกันหมด
‘เฮ้ย! พวกเอ็งจะสู้กันจริงเปล่าเนี่ย?!’
————–