ตอนที่ 510 : ความช่วยเหลือจากอ้าวเยว่

ระบบเจ้าสำนัก

ตอนที่ 510 : ความช่วยเหลือจากอ้าวเยว่

 

ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของอ้าวอู่ซูในตอนนั้น อินทรีย์เทาตายไปแล้ว มันยากที่จะรับ รองได้ว่าสํานักดังเฉียงจะไม่มาหาพวกเขายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสองคนนั้นของเขาไม่อาจจะรับมือได้ไหว นี่ยังไม่นับเฉินกู ที่คอยหาโอกาสจัดการพวกเขาอยู่

 

อ้าวอู่ซูรู้สึกได้ถึงวิกฤต มันคือวิกฤตนี้ที่ทําให้เขาตัดสินใจถอนกําลังออกจากเขตใต้

 

แต่เขาก็ยังมีเหตุผลของตัวเอง เขาไม่ได้ให้ผู้กลายพันธุ์ทั้งหมดถอนตัว เขากลับถอนทัพ ผู้กลายพันธุ์ขั้นสูงเหลือทิ้งไว้แค่พวกขอบเขตตุ้นซวน, หลี่ซวนและหลิงชวนให้จับตาดูเขตใต้ต่อ ถ้าหากยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงทั้งสองมาที่นี่จริงๆ เขาก็จะได้ทราบข่าวได้ทันที

 

* ท่านน้า นี่มันอะไรกัน ? ” จิตผันผวนที่ได้ออกจากร่างอินทรีย์เทานั้นแข็งแกร่ง แม้ว่าอ้าวอู่เหยียนจะอยู่ห่างหลายพันลี้ แต่ก็ยังรับรู้ถึงพลังของมันได้อย่างชัดเจน

 

อ้าวเยว่คิ้วขมวดและตอบกลับทันทีว่า “ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่มันไม่สําคัญหรอก”

 

ไม่ว่าจิตผันผวนจะหมายถึงอะไร แต่อ้าวเยว่ก็ไม่สนใจ หากมองดูทั้งโลกแล้วก็มีน้อยอย่างมากที่ทําให้นางสนใจได้

 

“ อาจารย์อ้าวเยว่ ท่านสังหารเขาได้ยังไงกัน !” โอวเสินเฟิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

 

“ ทําไม ทําไมข้าถึงฆ่าเขาไม่ได้ ? ” อ้าวเยว่พูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ เขากล้าเรียกชื่อของเจ้าสํานักและยังรบกวนสํานักดังเฉียง ข้าในฐานะผู้ดูแลที่นี่ไม่มีสิทธิจะจัดการเขาหรือไง ?”

 

โอวเสินเฟิงส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ แน่นอนว่าท่านมีสิทธิ แต่แค่ว่าชายคนนั้นดูเหมือนกับคนที่เจ้าสํานักตามหายกเว้นแค่จมูกที่ดูแปลกไป ส่วนอื่นๆนั้นคล้ายคลึงกันหมด ข้าต้องการดูเขาให้ดีๆ แต่ไม่คิดว่าท่านจะลงมือเร็วเกินไป และฆ่าเขาทันทีจนไม่เหลือแม้แต่ซาก หากเขาเป็นคนที่เจ้าสํานักตามหาจริงๆ การที่ท่านฆ่าเขานี้ ข้ากลัวว่ามันคงยากที่จะอธิบายกับเจ้าสํานักได้ในอนาคต”

 

เมื่อครู่นี้ หน้ากากของอินทรีย์เทาเพิ่งจะถูกทําลาย โอวเสินเฟิงรู้สึกถึงความคุ้นเคย จากนั้น เขาก็จําได้ว่าจางหยูเคยบอกให้ตามหาคน แม้ว่าอินทรีย์เทาจะดูต่างจากคนที่จางหมูตามหาเล็กน้อย แต่ส่วนมากนั้นคล้ายคลึงกัน มันน่าจะเป็นคนเดียวกัน

 

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น อ้าวเยวและอ้าวอู่เหยียนก็นึกได้ทันที มันจริงที่รูปลักษณ์ของอินทรีย์เทาดูคล้ายกับคนที่ชื่อ หลินไห่หยา

 

สิ่งเดียวที่ดูไม่เหมือนกันคือระดับการบ่มเพาะตามที่เจ้าสํานักบอกมา หลินไห่หยามีระ ดับการบ่มเพาะที่ต่ําและไม่คู่ควรต้องกังวลแต่ชายลึกลับผู้นี้เป็นถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง

 

อ้าวเยว่คิ้วขมวด นางเริ่มรับรู้ถึงปัญหา

 

“ มันไม่โอหังไปหน่อยรึไง ? ” อ้าวอู่เหยียนอ้าปากพูด “พวกนั้นซ่อนกันมานาน แต่ตอนนี้กลับโผล่มาถึงที่เลยรี ? ”

 

อ้าวเยว่เงียบไปก่อนจะพูดขึ้นมา “ เขาตายไปแล้ว มันสายเกินไปแล้วที่จะพูดอะไรตอนนี้ ”

 

นางเองก็รู้สึกได้ว่านางมีปัญหา นางรู้สึกหนักใจอย่างมาก

 

“ โชคดีที่ชายคนนี้ไม่ใช่จางเฮ่าหลัน ไม่งั้นแล้ว…” โอวเสินเฟิงถอนหายใจออกมา เขาจําได้ว่าเจ้าสํานักให้ความสําคัญกับคนที่ชื่อจางเฮ่าหลัน อย่างมาก และเน้นย้ํากับคนอื่นๆว่า หากหาตัวจางเฮ่าหลันพบเจอแล้ว ต้องปกป้องจางเฮ่าหลันเอาไว้ หากเจ้าสํานักพบว่าจางเฮ่าหลันตาย ไปด้วยน้ํามือของอ้าวเยว่ เขาคิดไม่ออกเลยว่าอ้าวเยว่จะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแบบไหนกัน “ ครั้งนี้มันถือว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย ”

 

อ้าวเยว่รู้ว่านางทําผิดพลาดไป และยากที่จะคุมอารมณ์ตัวเองอยู่

 

บางทีเพราะบรรยากาศที่ดูหนักอึ้งเกินไป อ้าวอู่เหยียนจึงหัวเราะออกมาและเปลี่ยนเรื่อง “ ใช่สิท่านเห็นหรือไม่ว่าชายคนนั้นมีขนและปีกสองอันที่หลัง หากพลังของเขาไม่ได้เป็นของมนุษย์ ข้าคิดว่าเขาคงเป็นสัตว์อสูรที่ไม่สมบูรณ์ !”

 

โอวเสินเฟิงตะโกนถาม “ จริงรึ ? ”

 

เขาเห็นแต่หน้าอินทรีย์เทาแต่ไม่ได้เห็นรายละเอียดอื่นๆ

 

* แน่นอน ข้าอยู่ใกล้กับเขา ข้าเห็นมันอย่างชัดเจน ” อ้าวอู่เหยียนไม่ได้โกหก

 

อู่ฉิงฉวน, จีหลิงและคนอื่นๆบอกว่าเห็นมัน บางคนก็บอกว่าไม่เห็น

 

อ้าวเสี่ยวหร่านพูดขึ้นมา “ ใช่ ข้าเห็นมัน ชายคนนั้นดูแปลกประหลาด เขาแปลกจนข้าตกใจ

 

เมื่อได้ยินที่หร่านเอ๋อร์บอกมา สายตาของทุกคนก็มองไปที่นาง พวกเขาจําได้ว่าตอนที่ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงโจมตี มันไม่ใช่แค่ไม่อาจจะทําร้ายนางได้ แต่การโจมตีนั้นถึงกับสะท้อนเข้าหาตัวอีกฝ่ายเอง

 

นั่นคือยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง !

 

มันยากที่จะคิดออกว่า อ้าวเสี่ยวหร่านแข็งแกร่งแค่ไหน !

 

“ น้องข้า เจ้าเป็นยังไงบ้าง เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ ? ” อ้าวอู่เหยียนบินไปหาอ้าวเสี่ยวหร่านและจับแขนของอ้าวเสี่ยวหร่านขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วงเขาดูอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่พบ บาดแผลใดๆ สุดท้ายเขาก็ต้องทิ้งต่อหน้าพลังที่น่ากลัวเช่นนั้นแต่กลับทําอะไรนางไม่ได้เลย

 

อ้าวเสี่ยวหร่านหัวเราะออกมา “ พี่อู่เหยียน ข้าไม่เป็นไร เขาทําอะไรข้าไม่ได้ ”

 

นางแอบคิดในใจ “ ท่านพี่บอกว่าไม่ให้ข้าเปิดเผยพลังไม่ใช่รึ ? ข้าไม่ได้ทําอะไร ชายคนนั้นโจมตีข้าและเจ็บตัวเอง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า…”

 

ทุกคนรู้ แต่นางกลับไม่รู้เลยว่าการที่พลังโจมตีของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสะท้อนเข้าหาตัวเองนั้น น่าตกใจยิ่งกว่า

 

“ เจ้าสบายใจได้ ความแข็งแกร่งของเด็กนี่สูงกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้ ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงจะทําร้ายนางได้ยังไง ?” อ้าวเยวมองไปที่อ้าวอู่เหยียน ก่อนจะมองไปที่อ้าวเสี่ยวหร่าน “สาวน้อย เอาจริงๆแล้วระดับการบ่มเพาะของเจ้าสูงกว่าขอบเขตตุ้นชวนไปแล้วใช่หรือไม่? ”

 

อ้าวเสี่ยวหร่านอึ้งและพูดขึ้นมา “ ท่านที่ไม่ให้หร่านเอ๋อร์บอกใคร ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น !”

 

อ้าวเยว่คิ้วขมวด แต่เมื่อนึกถึงฐานะของหร่านเอ๋อร์ นางก็ไม่กล้าถามอะไรต่ออีก

 

แต่นางตัดสินได้แล้วว่า ระดับการบ่มเพาะของอ้าวเสี่ยวหร่านนั้นอยู่สูงกว่าขอบเขต ต้นชวนไปแล้ว

 

มีแค่การก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนที่จะสามารถรับมือกับการโจมตีเต็มกําลังของยอดฝีมือระดับสูงสุดได้โดยไม่บาดเจ็บ มีแค่การก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวน ที่จะทําให้นางไม่อาจจะมองระดับการบ่มเพาะออกได้ ที่สําคัญที่สุดคืออ้าวเสี่ยวหร่านคือสัตว์อสูรที่ทําพันธสัญญากับเจ้าสํานักการเหนือกว่าขอบเขตตุ้นซวนใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลก

 

เมื่อเจ้าสํานักก้าวข้ามขอบเขตตุ้นชวนได้แล้ว ทําไมสัตว์อสูรของเขาจะทําแบบนั้นไม่ได้บ้าง ?

 

“ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเช่นนี้ !” อ้าวอู่เหยียนอุทานออกมา “ ท่านน้าและท่า นพ่อของข้าต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด หากเทียบกับเจ้าแล้วท่านน้าและท่านพ่อดูด้อยกว่าไปเลย…” ตอนที่หร่านเอ๋อร์บอกว่านางสามารถเอาชนะอ้าวเยว่ได้นั้น เขาคิดว่านางแค่ล้อเล่น แต่นางกลับพูดความจริง

 

อ้าวเยวมองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยสายตาเย็นชา แต่กับคําพูดที่เขาพูดออกมานั้น…นางไม่อาจจะปฏิเสธได้

 

อ้าวเสี่ยวหร่านพูดขึ้นมา“ พี่อู่เหยียน รู้แล้วสินะ ว่าหร่านเอ๋อร์นาซึ่งแค่ไหน ! ข้าบอกแล้วว่ายากจะมีใครจัดการข้าได้ !”

 

อ้าวอู่เหยียนพยักหน้า “ น่าทิ้งจริงๆ ! ”

 

คนที่อยู่ที่นี่ มีใครบ้างที่กล้าทําตัวหยิ่งทะนงแบบเดิมอีก ?

 

ตอนที่ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่อ้าวเสี่ยวหร่าน แต่โอวเสินเฟิงกลับสนใจส่วนอื่นแทน เขามองไปที่อ้าวเสี่ยวหร่านและถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ หร่านเอ๋อร์ เจ้า มั่นใจหรือว่าคนนั้นเป็นแบบที่อาจารย์อ้าวอู่เหยียนพูดมา ?”

 

“ ใช่ เขามีขนเต็มไปทั้งตัว ” อ้าวเสี่ยวหร่านไม่รู้ว่าทําไมโอวเสินเฟิงถึงได้กังวลเรื่องนี้นัก

 

“ อาจารย์โอว ชายคนนั้นมีปัญหาอะไรรึ ? ” อ้าวอู่เหยียนมองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยความสับสน

 

คนที่เหลือรวมไปถึงอ้าวเยว่ ต่างก็มองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยความสงสัย

 

โอวเสินเฟิงแสดงสีหน้าใจเย็นและพูดขึ้นมา “ พวกท่านคงไม่รู้กัน ไม่นานมานี้มีคนมาหาข้า” เขาเอาของที่ได้จากเหล่าเซียนออกมา ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ นอกจากนี้แล้วยังมีสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นชวนที่พาไปหลงกลับมา พวกท่านจําได้หรือไม่ ? ”

 

ทุกคนต่างก็พยักหน้า

 

โอวเสินเพิงพูดต่อ “ ข้าได้รู้จากไปหลิงว่าเผ่าจิ้งจอกของภูเขาจิ้งจอกถูกทําลายไปแล้วเหลือแต่เหล่าจิ้งจอกน้อย คนร้ายนั้น…”

 

จากนั้นโอวเสินเฟิงก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ภูเขาจิ้งจอกให้ทุกคนฟัง

 

“ พันธมิตรกลายพันธุ์ ท่านหมายความ หลินไห่หยาผู้นี้อาจจะเป็นผู้กลายพันธุ์งั้นรึ ” อ้าวอู่เหยียนและคนอื่นๆมองหน้ากัน และพากันนึกถึงรูปลักษณ์ของหลินไห่หยา พวกเขาต่างก็พา กันตกตะลึง

 

โอวเสินเฟิงพูดขึ้นด้วยท่าที่หนักใจ “ ดูเหมือนว่ายาพลิกชีวิตแบบใหม่จะถูกทําขึ้นมาได้สําเร็จและถึงกับสร้างยอดฝีมือระดับสูงสุดขึ้นมาได้จํานวนมาก…มนุษย์,สัตว์อสูรและแม้แต่เผ่ามังกรต่างก็ตกอยู่ในอันตราย !”

 

ทุกคนต่างก็อึ้งและยากจะเชื่อเรื่องนี้ได้ พวกเขาอยู่สํานักดังเฉียงแค่เพียงเดือนเดียว แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปมากแบนนี้เลยรึ ?

 

อ้าวเยว่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา “ เจ้าจะกลัวอะไร ? ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมดเอง ! ”

 

“ ฆ่า ? ข้ากลัวว่ามันอาจจะไม่ได้ง่ายแบบนั้น หากมันง่าย อาจารย์เฉินคงทําลายพวกนั้นไปแล้ว ทําไมพวกนั้นถึงได้มายังสํานักดังเฉียง ? ” โอวเสินเฟิงส่ายหน้า “ ข้ากลัวว่ามนุษย์และสัตว์อสูร ถึงจะร่วมมือกันแต่ก็ไม่อาจจะทําอะไรพวกนั้นได้หากเป็นเช่นนั้นคงต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่ๆ”

 

มันอีกหลายวันกว่าที่เจ้าสํานักจะกลับมา และไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

ต้องรู้ก่อนว่าความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์นั้นน่าทึ่ง ไม่ว่าพวกนั้นจะทําอะ ไรก็ถือว่าเป็นภัยครั้งใหญ่ต่อทวีป !

 

“เรายังมีหร่านเอ๋อร์อยู่ไม่ใช่รึ ? ตราบใดที่นางลงมือ พันธมิตรกลายพันธุ์จะไปทําอะไรได้ ? ” อ้าวอู่เหยียนขัดขึ้นมา

 

อ้าวเสี่ยวหร่านพูดขึ้น “ ไม่ พี่อู่เหยียน ท่านพี่บอกว่าข้าไม่ควรเปิดเผยความแข็งแกร่ง”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น อ้าวอู่เหยียนก็ตัวแข็งที่อไป เขาได้ตะโกนออกมา “ ถือซะว่าข้าไม่ ได้พูดก็แล้วกันปรึกษากันต่อเถอะ”

 

อ้าวเยวไม่ได้สนใจอ้าวอู่เหยียน และถามโอวเส้นเพิ่งต่อ “ เราควรทํายังไงกันดี? ”

 

เมื่อไม่อาจจะหวังพึ่งอ้าวเสี่ยวหร่านได้ งั้นก็ต้องพึ่งตัวเอง

 

โอวเส้นเพิ่งคิดสักพักและพูดขึ้นมา “ หากอาจารย์อ้าวเยว่ไม่มีปัญหาอะไร ข้าหวังว่าท่านจะไปที่เขตกลางและหาข้อมูลจากเหล่าเซียน หากจําเป็น ข้าหวังว่าท่าน…และอาจารย์เฉินจะร่วมมือกันหรือว่าอาจจะดึงราชามังกรให้มาร่วมมือกันเพื่อกําจัดพันธมิตรกลายพันธุ์ไปซะ ซึ่งนั่นเป็นผลดีต่อมนุษย์, สัตว์อสูรและเผ่ามังกร แน่นอนหากว่าเป็นไปไม่ได้ข้าหวังว่าท่านจะยับยั้ง พวกนั้นเอาไว้ก่อน ข้าเชื่อว่าตอนที่เจ้าสํานักกลับมาทุกปัญหาจะคลี่คลายได้”

 

เขาไม่คิดว่าจะมีทางจัดการกับพันธมิตรกลายพันธุ์ในตอนนี้ได้ ตราบใดที่ยังคงสมดุลนี้ได้ก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีแล้ว

 

“ ได้” อ้าวเย่วรับปากทันที

 

* ท่านน้า ระวังตัวด้วย !” อ้าวอู่เหยียนเป็นกังวล

 

อ้าวเยวมองไปที่ออีกฝ่าย แต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร นางบอกกับโอวเสินเฟิงแทน “ มีอะไรอีก ? หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

 

โอวเสินเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และป้องมือให้กับนาง” อาจารย์อ้าวเยว่ ระวังตัวด้วย !”

 

อ้าวเยวพยักหน้าก่อนที่ร่างของนางจะหายไป

 

นางเป็นคนที่รับผิดชอบหน้าที่ของนางได้ดีมาตลอด เมื่อนางตัดสินใจแล้วนางก็จะลงมือทันทีนางไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ นางแน่วแน่ยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก

 

“ พวกเจ้าไปกันเถอะ ” โอวเสินเฟิงมองไปที่คนรอบๆ “ เรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ เราไม่อาจจะช่วยอะไรได้ เราได้แต่รอฟังข่าวที่สํานัก ข้าเชื่อว่าอาจารย์อ้าวเยว่ จะจัดการเรื่องนี้ได้เราไม่อาจจะช่วยอะไรนางได้”

 

ด้วยการที่มีอ้าวเยว่ไปช่วย เหล่าเซียนและคนอื่นๆก็จะคลายความกดดันลงอย่างมาก แม้ว่าจะแก้ปัญหานี้ไม่ได้ก็ตาม

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดคนเดียว ดีกว่ากองทัพคนเป็นหมื่นคน