ตอนที่ 305 บ้านหนึ่งล้านตำลึง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 305 บ้านหนึ่งล้านตำลึง

ปัญหาของการกินและการอาศัย ฟู่เสี่ยวกวนได้พบว่ายิ่งอยู่ตนยิ่งจุกจิกขึ้นเรื่อย ๆ

คาดว่าจะเป็นความประหยัดไปสู่ความฟุ่มเฟือยโดยคร่าว ๆ ก็เป็นได้

เมื่อเอาชนะถังเชียนจวินได้แล้ว ผู้คนของราชวงศ์หยูก็มีความสุขอย่างถึงที่สุด จิตใจของฟู่เสี่ยวกวนก็มีความสุขเป็นอย่างมาก จึงกำชับกับเติ้งซิวว่า “เจ้าจงไปยังร้านอาหารที่ดีที่สุดของเมืองกวนหยุน จอง…เหมาทั้งร้านไปเลย เกรงว่าบ่ายนี้คงจะมิทันกาล จองไว้เย็นนี้ ค่ำนี้พวกเราทุกคนจะไปดื่มและกินกันให้เต็มที่ ! ”

นี่คือเรื่องที่ดีที่สุด ดังนั้นทุกคนจึงโห่ร้องกันถ้วนหน้า แต่จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็กล่าวกับบัณฑิตทั้งหนึ่งร้อยคนอีกว่า “พรุ่งนี้ ก่อนมื้อกลางวัน พวกเจ้าต้องมีคำตอบให้กับทั้งสองคำถามของข้า หากมีคนมิส่ง ก็ต้องขออภัย เพราะข้าจะเชิญเจ้ากลับ”

“นอกจากนี้ ประเดี๋ยวข้าจะย้ายออกจากที่นี่แล้ว เติ้งซิวจะไปพร้อมกับข้า ข้าจะมิยุ่งกับความประพฤติของพวกเจ้าในที่ของราชวงศ์อู๋แห่งนี้ แต่จงจำไว้ มิว่าผู้ใดหากต้องการออกไปข้างนอกต้องรายงานสวี่หวยซู่เสนาบดีกรมพิธีการและขุนนางในสถานทูต มิเช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นสายสืบ คร่าว ๆ ก็ประมาณนี้ หากมีเวลาว่างข้าจะมาที่นี่ หากพวกเจ้ามีคำถามเกี่ยวกับเรื่องการค้นคว้าหรือการค้า ข้าจะมาอธิบายให้แก่พวกเจ้าตอนที่ข้ามาที่นี่ ส่วนเรื่องของคำสอน…อย่าได้ถามข้าเกี่ยวกับสิ่งนี้ พวกเจ้าต้องเข้าใจด้วยตนเอง”

ฟู่เสี่ยวกวนส่งตั๋วเงิน 1,000 ตำลึงให้แก่เติ้งซิว หลังจากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน เขาก็ได้พาหยูเวิ่นหวินกับต่งชูหลาน รวมไปถึงบ่าวรับใช้ของพวกเขา และย่อมมีลูกศิษย์ทั้งสามของสำนักเต๋า พวกเขาต่างยกสัมภาระ ขึ้นรถม้าและออกไปจากที่แห่งนี้

“ท่านอาจารย์จะไปที่ใดกัน ? ”

“มิทราบเช่นกัน หรือว่าองค์หญิงไท่ผิงจะจัดเตรียมสถานที่ที่อื่นไว้อีก ? ”

“หรือว่าท่านอาจารย์จะยังมีญาติอยู่ที่เมืองกวนหยุนกัน ? ”

“ได้ยินว่าองค์หญิงรองหยูหยูของราชวงศ์เราอภิเษกสมรสกับติ้งกั๋วโหวแห่งราชวงศ์อู๋ พระนางเป็นเสด็จป้ารองขององค์หญิงเก้า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญพวกเขาไปพำนักที่จวนโหว ? ”

“พวกเจ้ามิต้องเดาสุ่มไปหรอก การกระทำของท่านอาจารย์มักมีความนัยแฝงอยู่ เจ้าหรือข้าสามารถคาดได้เยี่ยงนั้นหรือ เอาล่ะ แยกย้ายกันกลับที่พักเถิด แต่จงอย่าลืมคิดหาคำตอบที่สมบูรณ์แบบให้กับสองคำถามนั้นด้วย หากทำมิเสร็จ…ค่ำวันนี้ก็เลิกคิดถึงเรื่องที่จะเมาหัวราน้ำไปได้เลย”

ฉินเหวินเจ๋อกล่าวจบ ก็หันหลังกลับเข้าห้องไป เมื่อเหล่าลูกศิษย์นึกถึงท่าทางเข้มงวดของอาจารย์ขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงแยกย้ายกันไป

…..

คฤหาสน์จิ้งหูนี้เคยเป็นทรัพย์สมบัติของราชวงศ์ในอดีต และเรือนชิงเสียนในปัจจุบันนี้ก็ตั้งอยู่ริมทะเลสาบจิ้งหู

ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองกวนหยุน ภายในระยะสองลี้นี้ไร้การปลูกสร้างอื่นใด เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง

ในยามที่เติ้งซิวพาฟู่เสี่ยวกวนและคณะมาถึงทะเลสาบจิ้งหู พอลงจากรถม้าฟู่เสี่ยวกวนก็ได้หันไปพบอาคารหลายชั้นที่สร้างขึ้นรอบล้อมทะเลสาบจิ้งหูมีต้นสนสีเขียวและต้นไผ่เป็นผืนแผ่น ถึงได้พบว่าคุ้มค่ากับเงินหนึ่งล้านตำลึงยิ่ง ที่นี่ใหญ่กว่าจวนฟู่ที่จินหลิงหลายเท่า !

“เดิมทีสถานที่แห่งนี้ถูกเถ้าแก่ฮวาแห่งทะเลสาบสือหลี่สร้างให้เป็น…หอนางโลม ข้ามิทราบว่าบิดาของท่านจะซื้อที่แห่งนี้จริง ๆ…” เติ้งซิวสอดสายมองไปรอบ ๆ และกล่าวอีกว่า “แต่เหมือนว่าในวันนี้ผู้คนจะอพยพไปกันแล้ว เพียงแต่มิทราบว่าสิ่งของด้านในจะได้รับความเสียหายหรือไม่”

ทุกคนเดินตามทางเดินหินเส้นเล็ก ๆ ไปยังเรือนชิงเสียน แต่แล้วก็มีคนหนึ่งคนเดินออกมา

เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งสะพายกระบี่เล่มใหญ่ไว้ที่หลัง ในมือมีไหสุราขนาดใหญ่อยู่หนึ่งไห

เขาคือหนิงซือเหยียน !

เขาเดินตรงไปยังเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวนและพรรคพวก สายตาสบมองใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน

“เจ้าคือฟู่เสี่ยวกวนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ส่วนเจ้าก็คือหนิงซือเหยียนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ทั้งสองมิเคยพบกันมาก่อน แต่พวกเขากลับยืนยันตัวตนของฝ่ายตรงข้ามได้ในทันทีที่พบหน้ากัน

“ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ได้ยินว่าเจ้าเอาชนะถังเชียนจวินมาได้ นี่มิใช่ข่าวดี ข้าจะพาเจ้าไปทำความคุ้นเคยกับที่นี่ก่อนชั่วครู่ และส่งมอบหน้าที่ทั้งหมดให้แก่เจ้า ที่นี่ในภายภาคหน้า…เจ้าคือเจ้าของบ้าน ประเดี๋ยวข้าจะบอกเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเมืองกวนหยุนนี้ ตามข้ามาเถิด”

ฟู่เสี่ยวกวนคิ้วขมวด เอาชนะถังเชียนจวินได้มิใช่ข่าวดีเยี่ยงนั้นหรือ ?

ทันใดนั้นเขาก็ได้เข้าใจขึ้นมา ในวันนี้เขาไม่เพียงเอาชนะถังเชียนจวินมาได้ แต่กลับเอาชนะความภาคภูมิใจของเหล่าบัณฑิตราชวงศ์อู๋มาด้วย !

เหล่าบัณฑิตแห่งราชวงศ์อู๋ย่อมภาคภูมิใจในวรยุทธ์ของตน แต่ข้ากลับเหยียบย่ำเกียรติยศของพวกเขา เยี่ยงนั้นพวกเขาย่อมออกมาปกป้องเกียรติยศ ต่อจากนี้ย่อมเกิดการท้าทายขึ้นอีกคราเป็นแน่ !

บัดซบ ! ในตอนนั้นมิได้ตระหนักถึงมันเลย หากตอนนั้นพ่ายแพ้ให้กับถังเชียนจวิน ศักยภาพของถังเชียนจวินเทียบเคียงผู้มีฝีมือระดับสูงขั้นสอง ตนพ่ายแพ้ก็มิได้น่าอายอันใด ทั้งยังเป็นการให้เกียรติแก่บัณฑิตราชวงศ์อู๋ และเป็นการกำจัดเรื่องน่ารำคาญในภายภาคหน้าของตนเองอีกด้วย

แต่เขากลับชนะไปแล้ว ชัยชนะนี้มองดูเหมือนความรุ่งโรจน์ แต่แท้จริงแล้วเป็นปัญหาที่ไม่รู้จบ !

หนิงซือเหยียนผู้นี้ ไหนเลยจะเหมือนกับคนคลั่งสุราตามที่อู๋หลิงเอ๋อร์ได้กล่าวไว้ ?

คนผู้นี้มีความคิดที่รอบคอบยิ่ง เป็นผู้มีความสามารถผู้หนึ่ง !

“หากเจ้าจะถามข้าว่าที่นี่มีอาคารอยู่มากน้อยเพียงเท่าใด ข้าเองก็มิทราบ แท้จริงแล้วข้าเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มิได้นานนัก หลังจากที่ทราบว่าหนิงฝาเทียนขายที่แห่งนี้ให้กับบิดาของเจ้า ข้าถึงได้พบว่าข้ามิได้อาลัยอาวรณ์เท่าใด ทางนี้จะตรงไปยังเรือนหลักของเรือนชิงเสียน ข้ากลับรู้สึกว่าทางเดินนี้ควรปรับเปลี่ยน หากสร้างรอบทะเลสาบคาดว่าจะสวยงามยิ่งกว่านี้…”

ตลอดทางที่เดินผ่าน หนิงซือเหยียนก็เอ่ยแนะนำไปตลอดทาง ฟู่เสี่ยวกวนจึงพบเข้าหนึ่งปัญหา คนผู้นี้มิได้เรียกหนิงฝาเทียนว่าพ่อหรือบิดาเลย แต่กลับเอ่ยนามออกมาห้วน ๆ แต่กับเหยียนหรูยวี่ เขาจะเรียกว่าท่านแม่เสมอ และในน้ำเสียงก็แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจในบิดาของตนยิ่ง และยังได้แสดงให้เห็นถึงความคำนึงที่มีต่อมารดา

“ป่าท้อผืนนี้มารดาของข้าเป็นคนปลูกด้วยตนเอง รวมไปถึงสวนลูกแพร์ทางด้านนั้น แท้จริงแล้วยังมีสวนดอกซิ่งฮวาสวนดอกเหม่ยฮวาและอื่น ๆ เจ้าไปดูด้วยตนเองเถิด…”

“การป้องกันของเรือนแห่งนี้มิค่อยดีนัก หากเจ้าต้องพักอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ข้าแนะนำให้เจ้าหาผู้ดูแลมาเสียหน่อย นอกจากนั้นก็สร้างหอสังเกตการณ์อีกสักเล็กน้อย”

“และแน่นอน หากศิษย์สำนักเต๋าทั้งสามสามารถอยู่ที่นี่ปกป้องเจ้าได้เป็นเวลานาน ก็ถือเสียว่าข้ามิได้เอ่ยอันใด”

พวกเขาเดินผ่านผืนป่านั้นไป จนมาถึงสถานที่ที่เปิดโล่งแห่งหนึ่ง จึงได้เห็นเขาที่อยู่ไม่ห่างกันมาก และบนภูเขานั้นได้มีหอคอยสูงตั้งอยู่

“นั่นมิใช่หอคอย มันคือจายซิงถาย กล่าวกันว่าจายซิงถายมีชื่อเสียงเท่ากับกวนหยุนถายรวมไปถึงหลิวหยุนถาย… บางทีอาจจะใช่ก็ได้ ที่แห่งนั้นสูงจนเกินไป พวกเจ้าค่อยไปดูเองในภายภาคหน้าเถิด”

หนิงซือเหยียนไม่ได้พาฟู่เสี่ยวกวนไปยังจายซิงถาย แต่กลับหักเลี้ยวไปอีกทาง จึงได้เห็นจวนสีแดงขนาดใหญ่ เขายื่นมือชี้ไป และกล่าวว่า “นั่นคือเรือนหลัก เรือนชิงเสียน”

“ในอดีตท่านแม่เคยไปยังจินหลิง นางชอบสิ่งก่อสร้างของจินหลิง ดังนั้นหนิงฝาชุนจึงได้รื้อถอนอาคารเดิม และสร้างจวนหลังนี้ตามแบบอาคารของจินหลิงในแบบราชวงศ์หยูของพวกเจ้า แต่ในวันนี้พวกเจ้าได้กลายเป็นเจ้าบ้านของที่นี่ ก็ถือได้ว่าอาจจะถูกใจของพวกเจ้า บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต”

เมื่อข้ามผ่านทางเดินเล็ก ๆ ในป่า พวกเขาก็ได้มาถึงหน้าประตูของลานบ้าน ประตูหน้าหันไปทางทะเลสาบจิ้งหู หยุดยืนอยู่หน้าประตู จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิของทะเลสาบจิ้งหูได้อย่างชัดเจน

เมื่อเทียบกับทะเลสาบซวนอู่ มันย่อมเล็กกว่ากันมาก ในยามนี้ได้เผยทัศนียภาพที่สวยงามละเอียดอ่อนออกมาให้เชยชม

หนิงซือเหยียนชี้ไปยังทะเลสาบจิ้งหู และกล่าวว่า “คราหนึ่ง ในทะเลสาบจิ้งหูแห่งนี้มีเป็ดอยู่คู่หนึ่ง”