หลิวหลีอย่างนั้นหรือ
เจ้าเปี๊ยกที่ได้ยินคำสุดท้ายสองคำก็เงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสีหน้างุนงง หลิวหลีอะไร
เจียงหลีมองไปที่ดวงตาลูกแก้ววาวใสของมันก็คิดว่าชื่อที่ตัวเองตั้งให้ชื่อนี้ใกล้เคียงกับมันมาก “หลิวหลี เจ้าชอบชื่อนี้ที่ข้าตั้งให้หรือไม่ หากเจ้าชอบส่งเสียงร้องให้พี่สาวได้ยินสักหน่อย ข้ายังไม่เคยได้ยินเสียงร้องของเจ้าเลยนะ”
“…”
จนถึงตอนนี้เจ้าเปี๊ยกพึ่งจะรู้ว่า ‘หลิวหลี’ คือชื่อใหม่ของมัน
ส่วนเรื่องเสียงร้อง…
มันสามารถสัญญากับเจียงหลีได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้มันยอมไม่ได้เด็ดขาด
“ทำไมไม่ร้องล่ะ” เจียงหลีอุ้มมันแกว่งไปแกว่งมา นางขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ชอบชื่อนี้หรอกหรือ”
เขาสามารถตอบว่าไม่ชอบได้ด้วยหรือ เจ้าก้อนขนประท้วงในใจแต่รู้แก่ใจดีว่าการประท้วงเช่นนี้ไม่มีผล
จริงดังว่า ไม่ต้องรอให้มันแสดงอาการประท้วงอะไร เจียงหลีก็เอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจเสียก่อน “ต่อให้เจ้าไม่ชอบ ข้าก็จะเรียกเจ้าเยี่ยงนี้ล่ะ”
หูแหลมๆ ของเจ้าเปี๊ยกสั่นไหวราวกับยอมรับชะตากรรมก็ยิ่งทำให้เจียงหลีพอใจมากยิ่งขึ้น
“เจ้าช่างน่ารักจริงๆ เลย!” เจียงหลีจูบกระหม่อมของมันอย่างอดใจไม่ไหว แต่ยังคงรู้สึกว่ายังแสดงความสุขจากข้างในใจมากไม่พอ เจียงหลีจึงอุ้มมันขึ้นมาแล้วจูบเบาๆ ที่จมูกของมัน
“…” ผิวหนังของเจ้าก้อนขนเริ่มร้อนลวก
ในดวงตาที่วาววับนั้นมีเปลวไฟที่ลุกโชนซ่อนอยู่ราวกับว่าเขาต้องการที่จะกลืนหญิงสาวตรงหน้าลงท้องเข้าไปในคำเดียว
“ไปกันเถอะ วันนี้เราต้องเริ่มทำงานแล้ว” เจียงหลีไม่ทันสังเกตเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของเจ้าเปี๊ยก จากนั้นจึงอุ้มมันขึ้นมาเดินมุ่งหน้าไปที่ชายฝั่ง
ถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้ไปตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง
สำรวจเกาะร้างแห่งนี้ติดกันสองวันก็ไม่พบสิ่งใด วันนี้เจียงหลีตัดสินใจแล้วว่าจะเริ่มสร้างแพไม้เพื่อออกไปจากที่นี่
นางต้องการออกจากเขตมหาสมุทรซีฮวงนี่ให้ได้ ลองเสี่ยงโชคดูว่าจะเดินตามทิศทางของทะเลไปถึงซี
ฮวงได้หรือไม่
เมื่อมาถึงชายหาด เจียงหลีก็วางเจ้าก้อนขนลงแล้วพูดกับมันว่า “พี่สาวต้องเริ่มทำงานแล้ว เจ้ารออยู่ตรงนี้นะ อย่าออกไปวิ่งซน ได้ยินไหม”
เจ้าก้อนขนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เจียงหลีจึงหันจากไปอย่างพอใจ
จากนั้นไม่นานต้นไม้หนาทึบก็โค่นลงต่อหน้าเจ้าก้อนขนดันทรายขึ้นมาซัดใส่เจ้าก้อนจนขนเต็มไปด้วยเม็ดทราย
ฮ่าๆๆ… เจียงหลีที่จงใจกลั่นแกล้งมัน เมื่อเห็นว่ามันยังนั่งจุ่มปุ๊กอยู่กับที่โดนทรายสาดทั่วทั้งตัวด้วยท่าทางไม่กระดิกจึงทำให้เจียงหลีหัวเราะอย่างอดไม่ได้
“หลิวหลี ทำไมเจ้าต้องน่ารักถึงเพียงนี้ด้วย” เจียงหลีนั่งยองขยี้ผมนุ่มลื่นของมันจนยุ่งเหยิง
ฟู่ว!
เมื่อเห็นผลงานชิ้นเอกของตัวเอง เจียงหลีก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆ ไม่เป็นไรนะ รอพี่สาวทำงานเสร็จก่อน เดี๋ยวจะมาช่วยเจ้าเก็บกวาด”
เมื่อพูดจบก็วิ่งไปด้านข้างอย่างรู้สึกผิดในใจ นางเริ่มจัดการต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของเจ้าเปี๊ยก
ในขณะที่นางหันหลังไปก็เลยไม่ทันสังเกตเห็นแววตาที่ย้อมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูในดวงตาลูกแล้วเคลือบวาววับของเจ้าก้อนขน
บนเกาะไม่มีต้นไผ่ ส่วนต้นไม้ก็มีอายุหลายปีจึงทำให้ลำต้นหน้าแข็งแรงผิดปกติ
เจียงหลีหาต้นไม้ที่เหมาะสมไม่เจอจึงทำได้เพียงตัดต้นไม้ที่หนาทึบให้มีขนาดใกล้เคียงกันได้ จากนั้นใช้เถาวัลย์ที่แข็งแรงแทนเชือกมัดต้นไม้เหล่านี้เข้าด้วยกัน
เปลือกไม้ที่ปอกแล้วยังเก็บไว้ใช้ในภายภาคหน้าเพื่อเย็บเข้าด้วยกันและสามารถเป็นเรือแพได้
งานหยาบกระด้างเช่นนี้นางรู้แต่ทฤษฎีกลับไม่เคยทำสักครั้ง นางยุ่งทั้งวันจนเหงื่อโทรมกายเหม็นอับแต่แพไม้ก็ยังไม่เสร็จสักที
“เฮ้อ ทำไมข้าถึงได้ห่วยแตกขนาดนี้นะ” เมื่อเห็นฝีมือของตนที่ออกมาไม่เป็นรูปเป็นร่าง เจียงหลีก็จุกจนพูดไม่ออก
สัตว์ร้ายตัวน้อยมองไปที่แพอันเส็งเคร็งก็หันหน้าหนีไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป
“วันนี้พอแค่นี้เถอะ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ” เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกอย่างไม่ท้อถอย นางอุ้มเจ้าก้อนขึ้นมา พอเห็นทรายร่วงลงมาจากตัวมันนางก็หัวเราะ “ขอโทษด้วยนะที่ทำเจ้าสกปรกหมดเลย ป่ะ พี่สาวจะพาเจ้าไปอาบน้ำ พอสะอาดแล้วถึงจะได้อุ้มสบายหน่อย”
อาบน้ำ!
เจ้าก้อนขนเบิกตากลมโต มันจะให้เจียงหลีอาบน้ำให้ได้อย่างไร
“นี่ เจ้าดิ้นทำไมเล่า” เจียงหลีกอดเจ้าเปี๊ยกที่พยายามดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของนางให้แน่นมากขึ้น แทบจะเอามันเบียดเข้าซุกหน้าอกอวบอิ่มของนาง
“…” ความรู้สึกที่อ่อนหวานและเจ็บปวดนี้ทำให้สัตว์ร้ายตัวเล็กแข็งทื่อและทำได้เพียงแค่ดิ้นรนเท่านั้น
แต่ทว่า อาบน้ำ…
เฮือกก!
ทันใดนั้นน้ำทะเลที่เย็นเฉียบก็ทิ่มแทงเจ้าก้อน หญิงสาวคนนี้อาบน้ำทะเลได้จริงๆ! มันต่อสู้อย่างโกรธเกรี้ยวกระเด็นและตกลงไปทางเจียงหลี
“อย่าซนสิ ล้างตัวตรงนี้ก่อน เดี๋ยวพี่สาวค่อยพาเจ้าไปอาบที่สระน้ำใสสะอาด” เจียงหลีที่พยายามหลีกหนีหยดน้ำคิดอธิบายให้เจ้าเปี๊ยกฟัง
ขนของเจ้าก้อนเปียกน้ำทะเลจนแนบติดลำตัวของมัน ใบหน้าน่ารักของมันเด่นชัดออกมาทำให้มันสวยงามมากยิ่งขึ้น
“ที่แท้เจ้าผอมมากขนาดนี้ สงสัยต่อไปต้องดูแลเจ้าดีๆ ต้องคิดวิธีทางขุนเจ้าให้อ้วนๆ หน่อยแล้ว” เมื่อเห็นว่าเจ้าเปี๊ยกนั้น ‘ผอมกะหร่อง’ เจียงหลีก็มีสีหน้าปวดใจ
“…”
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวพาเจ้าไปอาบที่สระน้ำอีกรอบ” เจียงหลีอุ้มมันแกว่งน้ำทะเลสองสามครั้งจากนั้นอุ้มมันขึ้นมาจากน้ำ
จากนั้นในขณะที่นางอุ้มมันขึ้นมาจากน้ำ สายตาก็ดันไปเห็นอะไรบางอย่างของมันเข้า นางจึงอึ้ง
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของนางที่กำลังจ้องบางอย่างอยู่มันจึงทำได้แค่รู้สึกมืดมนมีความรู้สึกอยากตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ช่างน่าอับอายจริงๆ!
อีกทั้งหญิงสาวคนนี้ยังเอาแต่จ้อง…ไม่ละสายตาเลยสักนิด…
ด้วยสายตาที่ ‘ตรงไปตรงมา’ จ้องจนตัวมันร้อนแทบจะสามารถทำให้ขนมันแห้งเลยทีเดียว สมควรตาย ไม่ต้องมองแล้วจะได้ไหม
“ที่แท้…เจ้าก็เป็นตัวผู้นี่เอง!” จู่ๆ เจียงหลีก็ส่งเสียงร้องตกใจ
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เจ้าก้อนขนอยากจะตีก้นหญิงสาวผู้นี้ให้ตายกันไปข้างจริงๆ เลย อยู่ด้วยกันมาตั้งกี่วัน คิดไม่ถึงว่านางจะมารู้จุดนั้นเอาป่านนี้! หัวใจของนางทำด้วยอะไร
ตู้มมม!
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากอีกด้านหนึ่งของเกาะ ซึ่งขัดบรรยากาศอันน่าอึดอัดของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวพอดี
เจียงหลีหันไปยังทิศทางที่เกิดเสียง “เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากพูดจบ นางก็อุ้มเจ้าเปี๊ยกและวิ่งไปตามทิศทางของเสียงอย่างรวดเร็ว เพื่อประหยัดเวลานางจึงใช้พลังวิญญาณทะลุอากาศรีบวิ่งไปให้เร็วที่สุด
“เรือ!” ดวงตาของเจียงหลีสว่างขึ้นหลังจากเห็นฉากที่ริมทะเล
น่าเสียดายที่เรือกระแทกแนวปะการังนอกเกาะจึงทำให้เกิดเสียงดังเมื่อครู่นี้ น่าจะเกิดขึ้นตอนที่เรือชนโขดหิน
ขณะนี้ตัวเรือเอียงและค่อยๆ จมอยู่ลงน้ำ ดูเหมือนว่าแนวปะการังได้ทุบท้องเรือและทำให้เรือจม
“มีคน!” เจียงหลีวางเจ้าเปี๊ยกไว้ที่ริมฝั่ง ส่วนตัวเองเหาะไปประคองคนที่ลอยอยู่บนผืนทะเลให้กลับขึ้นมาที่ฝั่ง
ในที่ไกลออกไปยังมีคนตกน้ำอยู่แต่กลับจมทะเลลงไป ดูท่าทางน่าจะตายไปแล้ว
ตายแล้วหรือ เมื่อพาคนนั้นขึ้นมาบนฝั่ง เจียงหลีจึงพบว่าแม่นางผู้นี้ได้ตายไปแล้ว
เรือลำนี้มาจากไหน เหตุใดถึงชนโขดหินกะทันหัน อีกทั้ง…คนผู้นี้…
ดูเหมือนจะตายอย่างแปลกประหลาดเสียด้วย เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย